มาตรวัดตลาดรถ
ไปกันใหญ่โต
เพียงแต่ไตรมาสแรกของปี ยอดการขายรถยนต์ก็ไปกันใหญ่ ไปกันโต เดือนมีนาคม เดือนเดียวเอง โตขึ้นไปถึง 18.3 % ขายกันเกินแสนคัน 109,992 คัน ทำเอายอดรวมโตพรวดพราด 16.0 % ขายทั้งตลาด 276,699 คันที่เป็นอย่างนั้น เพราะค่ายรถยนต์กลับมาเริ่มการผลิตได้เกือบจะเป็นปกติแล้ว ชิ้นส่วนที่ขาด ก็เสาะหาเอาจากแหล่งอื่นมาได้เกือบครบแล้ว เรียกว่า ค่อนข้างเข้าที่เข้าทาง มีแค่บางแห่ง ที่ยังเพิ่งเริ่มต้นจะเข้าที่ แต่ก็ต้องถือว่า ตัวเลขไปได้ดีทีเดียว ภาวะเศรษฐกิจก็ไปเรื่อยๆ ไม่ถึงกับพรวดพราด แต่เส้นกราฟก็อยู่ในแนวเฉียงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่มันอยู่ใต้พรม มันก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะเรื่องของคุณภาพการประกอบรถยนต์ เจ้าชิ้นส่วนย่อยๆ ที่เพิ่งเปลี่ยนโรงงานใหม่นี่แหละ ที่เป็นปัญหา ข่าวล่าสุดก็ได้ยินมาแทบจะทุกยี่ห้อ เจ้าไหนขายเยอะ เรื่องก็เยอะหน่อย แต่ขึ้นอยู่กับว่า จะยอมรับปัญหากันหรือเปล่า ? แต่ก็ยังอยากเตือนท่านที่เพิ่งซื้อรถรุ่นใหม่ๆ นี้ด้วย ว่า การนำรถไปติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมรถของท่านนั้น มันมีส่วนทำให้ระบบไฟในรถรุ่นใหม่ๆ มีปัญหาขึ้นมาได้ โดยไม่มีเหตุอะไรเตือนมาก่อน เหมือนอย่างคันที่เป็นข่าว ว่าขับไปดีๆ รถใหม่แท้ๆ ไปดับอยู่กลางถนน ต้องเป็นเรื่องเป็นราว ไปถึง สคบ. ลงเอยท้ายสุด ค่ายรถก็ยอมรับว่า มีข้อบกพร่องจริง พร้อมยอมเปลี่ยนแผงหน้าปัดให้ทั้งยวง เรื่องถึงจบลงได้ แถมบอกด้วยว่า ปัญหาที่เกิด ส่วนหนึ่งมาจากการไปติดตั้งอุปกรณ์ที่ว่านั่นมา เลยมากระทบกับระบบไฟฟ้าของรถเข้าด้วย ส่วนเรื่องที่ยอมเปลี่ยนคันให้ เพราะแก้ปัญหาไม่ได้ ก็มีไม่ได้น้อยหน้ากันเท่าใดนัก เพียงแต่ไม่เป็นข่าวออกมาเท่านั้น ดูแลลูกค้าของคุณดีๆ ลูกค้าไม่หนีไปหายี่ห้ออื่นง่ายๆ หรอก เรื่องของข่าวคราวบ้าง เรื่องใหญ่ที่โด่งดังรอบเดือนที่ผ่านมา เห็นจะไม่พ้นการห้ามนำโครงรถใช้แล้ว เข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ เหมือนอย่างที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน ที่เรียกกันง่ายๆ ว่า รถจดประกอบ นั่นแหละ มีทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะบรรดา บิกไบค์ ทั้งหลาย ที่หลวงท่านเล่นบทเข้ม ไม่รับจดทะเบียนอีกแล้ว แต่ยังยกเว้นกรณีการนำเข้าเพื่อเป็นต้นแบบในการผลิต หรือการศึกษาวิจัยในปริมาณที่จำเป็น ทำเอาบรรดาผู้ประกอบการเรื่องนี้ ที่ใช้วิธีการในการเลี่ยงภาษีมานาน จนเป็นอาชีพแล้ว ร้องโอดโอยไปตามๆ กัน ก็ต้องก้มหน้าก้มตา ซอยออกทำเป็นอะไหล่ใช้แล้ว เป็นอาชีพใหม่ต่อมา รวมทั้งบรรดาวิศวกร ที่มีอาชีพในการเซ็นรับรองความมั่นคงแข็งแรงของรถ ก็จะขาดรายได้ไปโขทีเดียว แถมจะรวมตัวกันร้องเรียน เพื่อให้พิจารณายืดระยะเวลาออกไปก่อน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาปรับตัวบ้าง อันนี้เห็นท่าจะยาก เพราะค่ายรถยนต์ ไม่ว่าค่ายไหน ไม่ออกมายุ่งกับเรื่องนี้อย่างออกหน้าออกตาอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องหลังบ้านละก็ หนุนภาครัฐเต็มที่ เพราะมันไปเกี่ยวข้องกับชื่อเสียง ความปลอดภัยของยี่ห้อรถนั้นๆ เช่นกัน ทำกันให้ถูกต้องตามระเบียบ วิธีการ มันก็น่าจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร กลับมาเรื่องตัวเลขของ มาตรวัด กันดีกว่า ไตรมาสแรกนี้ เติบโตขึ้นมาถึง 16.0 % ขายกันทั้งตลาด 276,699 คัน ให้ได้ชื่นใจกันทั้งวงการ หลังมีแต่เรื่องเดือดร้อนกันมานาน ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน ยังคงเหมือนเดิม โตโยตา ขายได้ 45,604 คัน เพิ่มขึ้น 26.2 % ส่วนแบ่ง 41.5 % อันดับสอง อีซูซุ ขาย 20,590 คัน เพิ่ม 28.5 % ส่วนแบ่ง 18.7 % อันดับสามได้ผลบุญจากอีโคคาร์ นิสสัน ขาย 12,698 คัน เพิ่ม 24.5 % ส่วนแบ่ง 11.5 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ อัดแคมเปญเต็มที่ ขาย 8,815 คัน เพิ่ม 38.3 % ส่วนแบ่ง 12.7 % และอันดับห้า น้องใหม่ เชฟโรเลต์ ขาย 6,301 คัน เพิ่ม 133.3 % ส่วนแบ่ง 5.7 % ฉลองกันไปทั้งตึกแล้ว มาถึงประเภทรถยนต์นั่ง ที่ยอดรวมยังไม่กระเตื้อง ลดลงอยู่ 5.8 % เพราะปัญหาจากการผลิต ยอดรวมเดือนเดียว ขาย 38,123 คัน รวมไตรมาส ขาย 95,347 คัน ยังลดอยู่ 7.5 % แชมพ์ในรุ่น ได้แก่ โตโยตา ขาย 18,761 คัน เพิ่ม 14.1 % ส่วนแบ่ง 49.2 % ที่สอง นิสสัน ขาย 9,904 คัน เพิ่ม 44.7 % ส่วนแบ่ง 26.0 % ที่สาม มาซดา ขาย 3,578 คัน เพิ่ม 41.1 % ส่วนแบ่ง 9.4 % ที่สี่ ฟอร์ด ขาย 1,875 คัน เพิ่ม 18.1 % ส่วนแบ่ง 4.9 % และที่ห้า ฮอนดา เพิ่งฟื้นฟูโรงงานใหม่ ขาย 1,294 คัน ลดลงเยอะ 86.3 % ส่วนแบ่ง 3.4 % ตำแหน่งผู้เสียภาษียอดเยี่ยมประจำเดือน แจกวาร์ ขาย 5 คัน มิตซูโอกะ ขาย 2 คัน และ แฟร์รารี ขาย 1 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถบรรทุก โตไปกับเขาด้วย เพิ่ม 28.6 % ขาย 3,466 คัน รวมไตรมาส เพิ่มอยู่ 16.1 % ขาย 8,213 คัน มีเจ้าตลาด อีซูซุ ขายอยู่ 1,616 คัน เพิ่ม 8.4 % ส่วนแบ่ง 46.6 % โดยมี ฮีโน กวดมาติดๆ ขาย 1,593 คัน เพิ่ม 49.0 % ส่วนแบ่ง 46.0 %, ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 225 คัน เพิ่มเยอะ 281.4 % ส่วนแบ่ง 6.5 % ประเภทรถอเนกประสงค์ หรือรถแวน ขายเกือบเท่าเดิม 2,450 คัน เพิ่มนิดเดียว 0.4 % ยอดรวมไตรมาส ยังไม่โตลดอยู่ 2.6 % ขาย 6,394 คัน มี โตโยตา ขายนำโด่ง 1,875 คัน แต่ลดลง 1.7 % ส่วนแบ่ง 76.5 % ที่สอง ฮันเด ตามมาที่ 480 คัน เพิ่ม 17.1 % ส่วนแบ่ง 19.6 % นั่นคือความสวยหรูที่มองเห็นได้ ถ้าตลาดยังคงที่อย่างนี้ต่อไปได้ โดยไม่มีเหตุอะไรมากระทบอีก ปีนี้ ก็น่าจะเป็นปีทองของค่ายรถยนต์เมืองไทยทีเดียว เชื่อเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86308