สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
โชอิชิ ยูกิ
"มาซดา" ก้าวเดินมาสู่ความสำเร็จบนถนนเมืองไทยอย่างภาคภูมิ ด้วยการยอมรับอย่างดีในคุณภาพของรถยนต์ มาซดา ทุกรุ่น และปีนี้จะก้าวเติบโตต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย พร้อมการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ รุ่นลิมิเทด และนโยบายการคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาล สู้ศึกที่ประเทศไทยจะมียอดขายรวมทะลุเกิน 1 ล้านคัน "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์ โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดฟอร์มูลา : คุณมองว่าสถานการณ์และทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย ปีนี้จะเป็นอย่างไร ? ยูกิ : สถานการณ์และทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีนี้ จะไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากความต้องการของปีที่แล้ว ส่งผลมายังปีนี้ โดยมีสาเหตุจากลูกค้าชะลอการซื้อ และรถไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการ นโยบายของรถยนต์คันแรกที่กระตุ้นให้ลูกค้ามีความต้องการเพิ่มขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มดี ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายรถยนต์โดยรวมปีนี้ น่าจะเกิน 1 ล้านคัน แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับปัจจัยลบด้านอื่นๆ อีกด้วย ฟอร์มูลา : คุณมองว่าปัจจัยลบ จะมีอะไรบ้าง ? ยูกิ : ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อแนวโน้มที่ดี คือ ราคาน้ำมัน เนื่องจากปัจจุบันมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภัยธรรมชาติ เช่น เรื่องของอุทกภัย ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนด้านการเมืองนั้นน่าจะมีทิศทางที่ดี เหตุการณ์รุนแรงที่เคยเกิดขึ้นคงจะไม่เกิดขึ้นอีก ฟอร์มูลา : บริษัท ฯ มีการเตรียมแผนรองรับไว้อย่างไรบ้าง ? ยูกิ : สิ่งที่บริษัท ฯ มองคือ การบริหารความเสี่ยง มีการประเมินสถานการณ์ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์จะทำอย่างไร โดยสิ่งที่เตรียมไว้คือ การบริหารธุรกิจแบบฉุกเฉิน ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์น้ำท่วม ต้องประเมินว่าจะถึงระดับไหน เตรียมหาออฟฟิศชั่วคราว การแบคอัพข้อมูล แม้จะเป็นการยากที่จะคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เพื่อให้ปลอดภัย และธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ ก็ต้องเตรียมแผนรองรับไว้ และต้องมีการประเมินความเสี่ยงเป็นระยะ สถานการณ์ในปัจจุบันไม่ง่ายเหมือนในอดีต หากย้อนไป 3-4 ปีก่อน ความต้องการกับจำนวนการผลิตแตกต่างกัน ในอดีตมีการผลิตเป็นจำนวนมาก แต่ความต้องการไม่มาก ส่วนปัจจุบันความต้องการมีสูงมากกว่าการผลิต เพราะลูกค้ามีความต้องการตลอดเวลา อีกส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ของภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น หรืออุทกภัยในประเทศไทย ได้มีการประสานงานกับญี่ปุ่นและโรงงานในต่างประเทศ ในเรื่องการนำชิ้นส่วนเข้ามาผลิต ทำให้สามารถขจัดปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนไปได้ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ก็จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น เนื่องจากมีข้อมูลเปรียบเทียบแล้วว่าชิ้นส่วนแต่ละชนิดนั้น มีแหล่งใดที่จะสามารถทดแทนกันได้ ไม่ต้องเสียเวลา หรือต้องหยุดการผลิต เนื่องจากขาดชิ้นส่วน ปัจจุบันแหล่งข้อมูลจะสามารถทำให้การจัดการมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ฟอร์มูลา : คณวางนโยบายและทิศทางของปีนี้ ไว้อย่างไร ? ยูกิ : ปีนี้ บริษัท ฯ วางแผนและทิศทางไว้ 3 ส่วน คือ 1. มุ่งเน้นเติบโตและขยายตลาดพิคอัพมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่บแรนด์ มาซดา เพียงบแรนด์เดียว แต่ตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ละบแรนด์เป็นช่วงที่พิคอัพกลับมา โดยในช่วง 2-3 ปี ก่อนหน้านี้ พิคอัพจะไม่เติบโตมากนัก ส่วนใหญ่มุ่งเน้นรถเก๋งในกลุ่ม บีคาร์ และอีโคคาร์ ซึ่งหลังจากได้เปิดตัว มาซดา บีที-50 พโร ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ทำให้กลุ่มลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม 2. มาซดา 2 คิดว่าการนำเสนอแนวทาง การออกแบบดีไซจ์น การสื่อสารออกไปมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นในตลาด ถึงแม้ว่าจะมีอีโคคาร์ หรือ บีคาร์ รุ่นใหม่ ออกสู่ตลาด แต่แนวทางที่ทำมานั้นชัดเจน และโดดเด่นกว่าบแรนด์อื่น และ 3. เสริมสร้างความพึงพอใจของลูกค้าให้มากขึ้นกว่าเดิม และแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฟอร์มูลา : จุดเด่นของ บีที-50 พโร ที่เหนือกว่าคู่แข่ง คืออะไร ? ยูกิ : การวางตำแหน่งสินค้าพิคอัพสไตล์เก๋ง ที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยส่วนที่เป็นจุดแข็ง ประกอบด้วย การดีไซจ์น ภายนอก มีความโฉบเฉี่ยว มีเส้นสายค่อนข้างชัดเจน ทำให้มีรูปทรงขนาดใหญ่ ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาใกล้เคียงรถเก๋ง มีความหรูหรา แตกต่างจากรถพิคอัพโดยทั่วไป อีกส่วนหนึ่งคือ ความรู้สึกในการขับขี่ ที่มีความคล่องตัว ไม่รู้สึกแข็งกระด้างเหมือนพิคอัพปกติ มีความหรูหรา สวยงาม รองรับการบรรทุกได้เป็นอย่างดี ฟอร์มูลา : ในส่วนของรถเก๋ง จะใช้กลยุทธ์ใดแข่งขันกับรถรุ่นใหม่ ที่แนะนำออกสู่ตลาด ? ยูกิ : จุดสำคัญคงเน้นที่ ดีเอนเอ ของ มาซดา คือ ซูม-ซูม โดยจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีความซูม-ซูม อยู่ในใจอยู่แล้ว โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ด้านของสินค้าก็จะเน้นการออกเวอร์ชันพิเศษ เพิ่มรุ่นตกแต่งพิเศษที่สร้างความตื่นเต้นและแปลกใหม่ในตลาด ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า อีกส่วนหนึ่ง คือ การสื่อสารที่มีความชัดเจนและแตกต่าง โชว์สมรรถนะ การขับขี่ ความคล่องตัว และดีไซจ์นที่โดดเด่น เส้นสายของรถที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน 2 สิ่งนี้จะเป็นการตอบสนองกลุ่มลูกค้า ซูม-ซูม ได้เป็นอย่างดี ฟอร์มูลา : การเสริมสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า มีแผนอย่างไรบ้าง ? ยูกิ : แผนการเสริมสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า เป็นจุดมุ่งหมายของการบริการแก่ลูกค้าทุกบแรนด์ แต่วิธีการที่แสดงออกมายังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่บริษัท ฯ ต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่ได้มาเป็นเจ้าของรถ มาซดา ดังนั้นจึงต้องการสร้างความรู้สึกที่ดีแก่ลูกค้า ทุกขั้นตอนที่มาติดต่อกับบริษัท ฯ และตัวแทนจำหน่าย ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไปในทุกขั้นตอนการติดต่อ โดยส่วนสำคัญที่สร้างความพึงพอใจได้คือ ผู้แทนจำหน่าย พนักงานของบริษัท ฯ และหน่วยงานที่ต้องติดต่อกับลูกค้าโดยตรง เช่น ที่ปรึกษาการขาย การบริการหลังการขาย ต้องเข้าไปช่วยเหลือเรื่องการฝึกอบรม พัฒนาการตอบสนองความพึงพอใจลูกค้าได้ดีที่สุด โดยศึกษา และพูดคุยถึงสิ่งที่ได้ทำไปแล้วมีมากน้อยเพียงใด มีอะไรบ้าง ปัญหา แล้วนำสิ่งนั้นมาพัฒนาปรับปรุง เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการเป็นเจ้าของรถยนต์ มาซดา ฟอร์มูลา : มีแผนการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ? ยูกิ : แผนการลงทุนเพิ่ม จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. การเพิ่มจำนวนดีเลอร์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 130 สาขา ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะมี 140 สาขา หรือมากกว่านี้ รวมถึงการปรับโฉมโชว์รูมเก่า ให้มีรูปลักษณ์ใหม่ และ 2. การเพิ่มพื้นที่การให้บริการหลังการขาย ซึ่งบางแห่งต้องพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เช่น อุปกรณ์ใหม่ สำหรับรถรุ่นใหม่ เพื่อให้บริการหลังการขายดีและรวดเร็วขึ้น การขยายช่องซ่อมให้ใหญ่ขึ้น เนื่องจากขนาดรถพิคอัพ บีที-50 พโร ที่ใหญ่ขึ้น โดยบริษัท ฯ เข้าไปช่วยสนับสนุนบางส่วน ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าไร ? ยูกิ : ปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 60,000 คัน แบ่งเป็น มาซดา บีที-50 พโร 22,000 คัน มาซดา 2 จำนวน 30,000 คัน และมาซดา 3 อีก 8,000 คัน โดยจะมีการแนะนำรถยนต์ มาซดา 3 เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ภายในปีนี้อีกด้วย ฟอร์มูลา : คุณมองว่าในอนาคต สัดส่วนระหว่างรถพิคอัพกับรถเก๋ง จะเป็นอย่างไร ? ยูกิ : ก่อนเหตุการณ์น้ำท่วม ตลาดรถพิคอัพมีอัตราลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 40 % ของตลาดโดยรวม แต่หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม ตลาดกลับมาเติบโตเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการเปิดตัวรถพิคอัพรุ่นใหม่ ซึ่งคาดการณ์ว่าตลาดจะกลับมาเติบโตเป็น 45-50 % และจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าตลาดปีนี้มีหลายปัจจัยมาประกอบ ทั้งเรื่องความต้องการของปีที่แล้ว รถยนต์คันแรกมีผลถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้พิคอัพโต แต่ในระยะยาว 3-5 ปี ตลาดโดยรวมก็ไม่น่าจะแตกต่างไปจาก 45-50 % ฟอร์มูลา : คุณมองว่าในอนาคต ความต้องการขนาดของรถเก๋งในประเทศไทย จะมีขนาดเล็กลงหรือไม่ ? ยูกิ : จำนวนประชากรของไทย และครอบครัวแต่ละครอบครัว มีจำนวนลูกไม่มาก ทำให้ไม่มีความจำเป็นหรือต้องการรถยนต์ขนาดใหญ่ หลายที่นั่ง แนวโน้มตลาดหลักจะเป็นรถประเภท บีและซี เซกเมนท์ และบางส่วนจะตอบสนองไลฟ์สไตล์เป็นรถพิคอัพ ด้วยสภาพอากาศ หรืออาจจะใช้เพื่อการพาณิชย์ การขนส่ง หรือเอสเอมอี เชื่อว่ารถพิคอัพก็ยังเป็นตลาดที่มีความต้องการอยู่ ส่วนรถหลายที่นั่งแบบมีนีแวน อาจจะไม่ได้รับความนิยม แต่จะมีก็เป็น เอสยูวี ที่ใกล้เคียงกับจำนวนสมาชิก ที่สามารถใช้ได้กับชีวิตประจำวันหรือเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ เปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่น ที่พฤติกรรมของผู้บริโภคนิยมรถขนาดเล็ก ขับคนเดียว ไม่มีครอบครัว มากสุดก็แค่ 3 คน ที่สำคัญใช้รถเป็นพาหนะ ส่วนคนไทยใช้รถยนต์เป็นเครื่องแสดงฐานะ แสดงถึงความภูมิใจที่สามารถซื้อรถบแรนด์นั้นได้ แตกต่างจากญี่ปุ่น ที่จำเป็นต้องใช้ จำเป็นต้องมี ที่ให้ความคล่องตัวกับไลฟ์สไตล์มากกว่า อีกส่วนหนึ่งคือ เรื่องการคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง จะมีรถไฟฟ้า ทำให้มีความสะดวกมากกว่า ฟอร์มูลา : คุณมองว่า มาซดา ในประเทศไทย ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ? ยูกิ : หากเปรียบเทียบกับในอดีต เปลี่ยนไปอย่างมาก อดีตรู้สึกว่าประเทศไทยมีโอกาสเติบโตค่อนข้างสูง แต่บางครั้งขึ้นอยู่กับความพร้อมหลายด้าน แต่สำหรับวันนี้ เชื่อมั่นว่า มีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นสินค้า ผู้แทนจำหน่าย ตัวแทนขาย การสื่อสาร มั่นใจว่า ถ้าทำอย่างเต็มที่ ดีกว่าเดิม และแตกต่าง ก็จะประสบความสำเร็จมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันความมั่นใจของผู้บริโภค และลูกค้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นตัวแปรที่เชื่อว่าวันนี้เดินมาถูกทาง และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ฟอร์มูลา : คุณมองว่าอะไรเป็นจุดอ่อน ที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ? ยูกิ : ความมั่นใจของบแรนด์ มาซดา ทั้งผู้บริโภคและลูกค้า มีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงสินค้าเป็นที่ยอมรับ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง ส่วนสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อเนื่องคือ การบริการหลังการขาย ที่ต้องเร่งพัฒนาเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด ในด้านประสบการณ์ที่ดีที่สุด นั่นถือเป็นตัวแปรที่จะทำให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ฟอร์มูลา : เป้าหมายของคุณ ในการบริหาร มาซดา ประเทศไทย ? ยูกิ : สำหรับเป้าหมายในการสร้างยอดขาย ให้ได้ 60,000-70,000 คัน/ปี ถือว่าไม่ยากที่จะทำได้ แต่การจะทำให้บแรนด์ มาซดา ทัดเทียมบแรนด์ใหญ่ระดับโลก ประสบความสำเร็จในด้านการบริการหลังการขาย การสร้างความพึงพอใจ รวมถึงเป้าหมายสูงสุด ทำอย่างไรให้ มาซดา เติบโตอย่างยั่งยืน ต่อเนื่อง มั่นคง โดยไม่ไปตามกระแส นั่นจำเป็นต้องสร้างรากฐานมั่นคง ทั้งคุณภาพสินค้า การบริการ และเครือข่ายที่เป็นเลิศ
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสม
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/86132