ระหว่างเพื่อน
เพื่อนร่วมโลก
วันก่อนนัดหมายเกลอเก่ากินข้าวเที่ยงกันอยู่ดีๆ เพื่อนระหว่างเพื่อนก็มีคำถาม โลกใบเดียวใบนี้ จะมีที่ให้มนุษย์อยู่ได้กี่คน ? มีเพื่อนตอบได้ว่า ไม่น่าเกินกว่า 10,000 ล้านคนถามอีกว่า ตอนนี้ประชากรโลกมีเท่าไร คำตอบก็คือ สหรัฐอเมริกา เคยสำรวจแล้วมีประมาณ 7 พันล้านคน ในปี 2100 หรืออีก 88 ปี ประชากรโลกก็จะเกิน 10 พันล้านคน 10 ประเทศ ที่มีประชากรเกินกว่า 100 ล้านคน คือ เมืองจีนมีประมาณ 1,350 ล้านคน อินเดีย 1,200 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 320 ล้านคน อินโดนีเซีย 230 ล้านคน บราซิล 200 ล้านคน ปากีสถาน 170 ล้านคน บังกลาเทศ 165 ล้านคน ไนจีเรีย 155 ล้านคน รัสเซีย 145 ล้านคน และญี่ปุ่น 130 ล้านคนอัตราเฉลี่ยจำนวนมนุษย์เกิดมาในโลกนี้ 138 ล้านคน/ปี มีอัตราการตายอยู่ที่ 56 ล้านคน/ปี แต่จะเพิ่มไปเรื่อยๆ โดยคาดว่าปี 2020 2040 มนุษย์จะตายประมาณ 80 ล้านคน/ปี ทวีปเอเชียทวีปเดียว มีคนเกิน 4,000 ล้านคน เป็นยอดประชากรกว่า 60 % ของจำนวนมนุษย์ทั้งหมดบนโลก ลำพังจีนกับอินเดีย 2 ประเทศนี้ มีประชากรกว่าร้อยละ 37 ของมนุษย์ทั้งหมด แอฟริกา มีเกิน 1,000 นิดหน่อย คิดเป็น 15 % ของยอดประชากรโลก ยุโรปมี 11 % กลุ่มประเทศในแถบละตินอเมริกา และแคริเบียน 9 % อเมริกาเหนือ 5 % ประเทศในกลุ่มโอเชียนเนีย 0.5 % โตเกียวเมืองเดียวมีมนุษย์แออัดมากที่สุด คือ มีผู้คนกว่า 35 ล้านคน และนครซิดนีย์มีประชากรกว่า 4.5 ล้านคน จำนวนมนุษย์บนโลกเริ่มเกิน 1,000 ล้านคน เมื่อ 208 ปีที่แล้ว และกว่าจะเกิน 2,000 ล้านคน ก็ต้องใช้เวลานานถึง 123 ปี ทว่าหลังจากนั้น 33 ปี เพิ่มเป็น 3,000 ล้านคน วันที่แผนกประชากรโลกของสหประชาชาติ ประกาศจำนวนประชากรโลกมียอดโดยรวม 7,000 ล้านคน เป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2011 มนุษย์ในโลกมากเกินไปก็เป็นปัญหา ทรัพยากรต่างๆ เพื่อมนุษย์มีไม่เพียงพอ ดิน ฟ้าอากาศ น้ำ และแสงอาทิตย์ เป็นทรัพยากรหลักที่มนุษย์ต้องการ ก่อนไล่ลงไปถึง อาหาร เครื่องดื่ม และที่อยู่อาศัย อียิปต์ และอิหร่าน มีข้าวในบ้านกินเอง 60 % อีก 40 % ต้องสั่งนอก ขณะที่ประเทศอย่าง เยเมน และอิสราเอล ต้องสั่งข้าวจากนอกลูกเดียวสูงเกิน 90 % โลกใบนี้มี 6 ประเทศเท่านั้น ที่มีข้าวส่งออกได้กว่า 90 % ของข้าวทั้งหมดที่มีในประเทศ และ 6 ประเทศที่ว่านี้ มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ที่เหลือ คือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อาร์เจนตินา และแคนาดา ระยะทศวรรษหลังๆ มานี้ สหรัฐอเมริกา ประเทศเดียวต้องส่งข้าวออกไปให้เพื่อนร่วมโลกกินปะทังความตาย เกินกว่าครึ่งหนึ่งของยอดส่งออกทั้งหมดของโลก เสือ สิงห์ กระทิง แรด หมูเห็ดเป็ดไก่ เนื้อ ช้างม้าวัวควาย แม้แต่เนื้อหมา ก็หมดไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ในปี 2008 สัตว์บนโลก 717 เผ่าพันธุ์สูญสิ้น เป็นสถิติใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์มนุษย์ น้ำสะอาดบริสุทธิ์เพื่อการดื่มก็เป็นสิ่งขาดแคลนไม่ได้ ซาอุดิอาระเบีย เป็นประเทศตัวอย่างที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูงเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ นี่ก็เป็นผลพวงที่มาจาก มนุษย์แน่นโลกเกินไป เช่นเดียวกับปัญหาที่มนุษย์หลีกเลี่ยงไม่พ้น เมื่อมลภาวะเป็นพิษมีระดับเพิ่ม ทั้งอากาศเป็นพิษ น้ำเป็นพิษ ดินเสีย และระดับเสียงดังเกินขีดจำกัด บ้านใดเมืองใดยิ่งพัฒนา ยิ่งก่อสร้าง ยิ่งก้าวหน้า ยิ่งมั่งคั่ง ยิ่งเป็นตัวสร้างปัญหามลภาวะเป็นพิษให้กับโลก ต้องไม่ลืมว่า โลกของเราใบนี้มีแผ่นดินเพียง 30% นอกนั้นเป็นทะเล เป็นมหาสมุทร เป็นแม่น้ำคูคลอง มนุษย์ยังต้องอยู่บนบก เพราะเป็นสัตว์บกจะเรียกว่าเป็นสัตว์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกก็ไม่ได้ อยู่บกดีๆ จะให้ลงไปกินไก่ผัดกะเพราใต้ทะเลก็ไม่ไหว เอาแค่ไปจดทะเบียนสมรสใต้ทะเลก่อนละกัน และก็ต้องไม่ลืมว่า คนเราถ้าอ้วนเกินไปก็ไม่ดี เพราะเปลืองอาหารการกินอยู่ แล้วก็ไม่ดีกับสุขภาพ สถิติคนอ้วนเกินนั้นได้ยินว่า มีให้เห็นที่เมืองจีน อินเดียก็มาก และที่สหรัฐอเมริกาเองก็มีคนอ้วนเกินขนาดไม่น้อย จำนวนแคลอรีในอาหารที่บริโภคกันเข้าไปของมนุษย์ในแต่ละประเทศ จึงเป็นประเด็นถูกยกขึ้นมาศึกษาระดับความพอดีที่ร่างกายคนเราต้องการ และเมื่อเรามองถึง ความมั่งมีและความยากจนของท้องถิ่นประกอบกันด้วยแล้ว ปัญหามนุษย์มากเกินไปก็จะเข้ามามีส่วนร่วม สหประชาชาติระบุว่า มนุษย์เราไม่ต่ำกว่า 850 ล้านคนประสบปัญหาการขาดแคลนอาหาร และอีกไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านคน ขาดแคลนน้ำดื่ม ข้อมูลบางสำนักเถียงว่าทรัพยากรโลกมีให้มนุษย์มากถึง 6,000 ล้านคน แต่ก็ไม่บอกว่ามีสภาพการดำรงชีวิตประจำวันแร้นแค้นเป็นอย่างไร ในปี 2004 มีมนุษย์ใน 108 ประเทศ ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 5 ล้านคน โดยเฉลี่ยผู้หญิงคนหนึ่งจะมีลูก 4 คน แต่ จีดีพี ของพวกเขาน้อยกว่า 5,000 เหรียญสหรัฐ ฯ และมี 2 ประเทศ คือ อิสราเอล และซาอุดิอาระเบียเท่านั้นที่ จีดีพี สูงกว่า 15,000 เหรียญสหรัฐ ฯ คนเราก็แปลก พอมีจะกินเข้าหน่อย ก็ชักมองเห็นว่า อย่าไปมีลูกมากๆ เลย แล้วก็เลือกที่จะมีลูก 2 คนแทนที่จะมีสัก 6 คน เป็นอย่างน้อย เรื่องของการบริโภคนั้น มีการระบุว่า ถ้าคนจีนกับคนอินเดียบริโภคทรัพยากรโลกแต่ละคนเท่ากับคนอเมริกัน หรือคนญี่ปุ่น ปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นในปี 2030 เพราะถึงเวลานั้นทั้งจีนและอินเดียต้องการบริโภคทรัพยากรโลกทั้งหมด โดยไม่มีส่วนเหลือให้กับเพื่อนร่วมโลกเลย เรียกว่า มีอะไรทั้งหมดในโลกนี้ ที่ให้ร่างกายคนเรามีชีวิตอยู่ได้ละก็ จีนกับอินเดียต้องได้....ว่างั้นเถอะ สมัยก่อนประมาณปี 1800 มีคนเพียง 3 % ของยอดประชากรโลกที่อาศัยในเขตเมือง แต่อีก 150 ปี ต่อมาคนเมืองใน 83 เมืองของโลกมีคนหนาแน่นเกินล้านคน ส่วนคนที่อาศัยอยู่นอกเขตเมือง สำหรับยอดวันนี้มีประมาณ 3,200 ล้านคน คาดว่าในปี 2030 จะมียอดถึง 5 ,000 ล้านคน คิดง่ายๆ คือ คน 5 คน 3 คนจะเลือกอยู่ในเขตเมือง อีก 2 คนอยู่นอกเมือง โดยเฉพาะมนุษย์ในเอเชีย และแอฟริกา คนเมืองกับคนนอกเมืองต่างมีปัญหาทางสังคมต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรม ยาเสพติด เครื่องดื่มประเภทมึนเมา ความยากจน และการว่างงาน ประชากรชาวสลัม เจอปัญหาโรคภัยไข้เจ็บสูงกว่าคนอื่น เพราะการขาดแคลนสารอาหารที่จำเป็น และการระบาดของเชื้อโรค ในปี 2000 เมืองที่มีคนเนืองแน่น ก็คือ โตเกียว มากกว่า 35 ล้านคน โซล เมกซิโก มุมไบของอินเดีย เซา เพาโล และนิวยอร์ค มีคนเกิน 10 ล้านคนทั้งสิ้น นิตยสาร ฟาร์ อีสเทิร์น อีโคโนมิค รีวิว พยากรณ์ว่าปี 2025 หรือ 13 ปีข้างหน้า ทวีปเอเซียอย่างน้อยๆ 10 เมืองใหญ่มีคนแออัดยัดทะนานเกินกว่า 20 ล้านคน จาร์กาตา (24.9 ล้านคน) ดักการ์ (25 ล้านคน) การาจี (26.5 ล้านคน) เซี่ยงไฮ้ (27 ล้านคน) และมุมไบ (33 ล้านคน) ทั้งหมดนี้เป็นความจริงบางส่วนเท่าที่ผมค้นหามาได้จากวิกิพีเดีย จะเป็นนิทานภาคพิเศษของเด็กชายปลาบู่ หรือเปล่า ผมไม่รับประกัน แต่ในวงระหว่างเพื่อนของผมเมื่อเถียงกันถึงที่สุดแล้ว ต่างก็สั่งอาหารที่ชอบ ทั้งสลัดปู กุ้ง ไก่ย่าง ปลิงทะเล ฯลฯ ลืมประเด็นที่ยกมาวางไว้แต่แรกเสียสิ้น...!?!
เรื่องโดย : สยาม เมืองยิ้ม
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ระหว่างเพื่อน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85930