นิสสัน ไฮครอสส์ คอนเซพท์

นิสสัน มอเตอร์ เปิดตัวรถต้นแบบ ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการออกแบบรถใหม่ของค่าย เป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งล่าสุด รถต้นแบบที่ได้รับการตั้งชื่อว่า ไฮครอสส์ (HICROSS) นี้ วางเป้าหมายไว้สำหรับขยายสายการผลิตรถประเภทครอสส์โอเวอร์ในปัจจุบันที่มีอยู่ ซึ่งได้แก่ จูค (JUKE) กัชไก (QASHQAI) ดูอาลิส (DUALIS) และ มูราโน (MURANO) นิสสัน ไฮครอสส์ คอนเซพท์ มีความยาว 4,660 มม. ความกว้าง 1,850 มม. ความสูง 1,670 มม. และความยาวฐานล้อ 2,780 มม ได้พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง โดยมีที่นั่ง 3 แถว และบรรทุกผู้โดยสารได้ 7 คน รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นที่ล้อแมกขนาด 21 นิ้ว และกระจังหน้ารูปตัว วี แนวปั๊มนูนด้านข้างตัวถัง ส่วนประกอบของเครื่องยนต์แบบไฮบริด นอกจากมอเตอร์ที่อาศัยพลังงานจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาดกะทัดรัด นิสสัน ยังได้พัฒนาเครื่องยนต์เบนซิน ด้วยระบบไดเรคท์อินเจคชัน ความจุ 2.0 ลิตร ให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและปริมาณไอเสียในระดับเดียวกับรถที่มีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถให้สมรรถนะได้เทียบเท่าเครื่องยนต์ความจุ 2.5 ลิตร แอนดี พาร์เมอร์ รองผู้จัดการของบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า "หลังจาก นิสสัน สร้างชื่อ มูราโน ในการทำตลาดรถประเภทครอสส์โอเวอร์ขึ้นมา แล้วใช้ กัชไก ดูอาลิส และ จูค ต่อยอดขยายตลาดส่วนนี้ การมาของ ไฮครอสส์ คอนเซพท์ ไม่เพียงเติมเต็มฐานตลาดในปัจจุบันของ นิสสัน แต่ยังนำเสนอแนวความคิดแปลกใหม่ เพื่อมาใช้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในส่วนของครอสส์โอเวอร์อีกด้วย" ระบบส่งกำลังของ ไฮครอสส์ คอนเซพท์ ซึ่งนำเทคโนโลยีใหม่ มีการพัฒนาสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า นำมาปรับเปลี่ยนเพื่อใช้กับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบใหม่นี้ ลักษณะการทำงานแบบ 1 มอเตอร์ 2 คลัทช์ มีการนำเทคนิคที่เป็นวิวัฒนาการใหม่มาประกอบกับระบบเกียร์แปรฝันต่อเนื่อง อย่าง "เอกซ์ทรอนิค ซีวีที" ยุคใหม่มาใช้ เพื่อให้สามารถทำออกมาในราคาและแพคเกจที่พอเหมาะได้ ระบบเอกซ์ทรอนิค ซีวีที ยุคใหม่นี้ เมื่อเทียบกับระบบ ซีวีที ยุคเก่าปรากฏว่าประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีขึ้น ส่วนการใช้ลูกรอกที่มีเพลาวงเล็ก กับสายพานแบบใหม่นั้น มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มช่วงของอัตราทดเกียร์เท่าที่เป็นไปได้ และปรับเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงยิ่งขึ้น ระบบส่งกำลังแบบไฮบริดนี้ มีการนำเทคโนโลยีด้านแบทเตอรีที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับ นิสสัน ลีฟ ซึ่งได้รับรางวัลหลายรางวัลทั่วโลก มาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง พละกำลังสูง อีกทั้งช่วยสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ในเวลาที่จำเป็น และเมื่อประกอบเข้ากับเทคโนโลยีในการควบคุมแบทเตอรีขั้นสูง เมื่อเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก เพิ่มสมรรถนะ ลดค่าเชื้อเพลิง และลดไอเสียได้อย่างเหมาะสมที่สุดอีกด้วย สำหรับการขับขี่ในเมือง มอเตอร์ไฟฟ้าและแบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน สามารถลดความถี่ในการใช้เครื่องยนต์ลงให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังช่วยให้เรียกพลังงานกลับมาใช้ในช่วงลดความเร็วได้อีกด้วย