รู้ไว้ใช่ว่า
แกงค์ประกันภัย !
ถ้าจะว่าไปแล้วผู้ที่ทำมาหากิน โดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะนั้นจำเป็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ในความรับผิดต่างๆซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าไม่ระวังหรือเตรียมรับมือไว้ก่อน เดือดร้อนไม่น้อยก็แล้วกัน ไม่เชื่อดูคดีนี้เป็นตัวอย่าง
อันว่าคดีความเกี่ยวกับรถในโรงศาล ส่วนหนึ่งหนีไม่พ้น ความตาย แล้วลงท้ายด้วย เงินทอง ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่พอจะ บรรเทา ความโศกเศร้าของผู้สูญเสียได้บ้าง เพราะแท้ที่จริงไม่มีสิ่งใดเยียวยารักษาได้เลย ผู้ใช้รถจึงต้องระมัดระวัง และตระหนักในชีวิตเขาชีวิตเราไว้เสมอ จึงจะเป็นเรื่องที่ดีงาม
ครับ...ใช้ถ้อยคำออกแนวชีวิตนิดหน่อย ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ในเมื่ออุบัติภัยจราจร คือ เพชฌฆาต ที่ผลาญชีวิตผู้คนทั้งโลกนับไม่ถ้วน ขณะนี้มากกว่ายามศึกสงครามก็แล้วกัน อย่างที่เมืองจีนนี้ดูไม่จืด
นายเบรคดี ประกอบอาชีพตรงตามชื่อเป๊ะๆ คือ รับจ้างขับรถโดยสารให้แก่ หจก. แหล่มจังเลยขนส่ง ซึ่งมี นายบัสใหญ่ เป็นผู้จัดการ ทั้งห้าง, ผู้จัดการ และลูกน้อง ช่างใช้ชื่อแซ่ได้เหมาะเจาะแก่อาชีพอย่างที่สุด
มาดูผลงานการสร้างต่อไป ปรากฏว่าถึงคราวซวย ดังที่คนทั่วไปชอบจับ ตัวซวย เป็นตัวประกัน ไม่ยักโทษตัวเองโทษความประมาท นายเบรคดี เชื่อฝีมือของตนว่า ไม่เป็นรองใคร ค่ำคืนวันนั้นประมาณ 4 ทุ่มกว่า ขณะขับรถไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม แล้วไม่ระวัง จึงเฉี่ยวชนรถมอเตอร์ไซค์ที่ 2 ผัวเมียขับขี่ซ้อนกันมา เลขที่ออก ผู้เป็นเมีย และเป็นแม่ของลูกอีก 2 คน ตายคาที่
ตามธรรมเนียมไทยๆ อีกนั่นแหละ ฝ่ายผิดปัดความรับผิดชอบ เพราะไม่อยากจ่ายสตางค์ อ้างโน่นอ้างนี่อ้างว่าฝ่ายโน้นเรียกเยอะจัดทุกงานไป เดือดร้อนถึงศาลจนได้ แต่โชคดีเป็นของทนาย ได้รับค่าจ้างจาก นายเมียหนึ่ง ซึ่งกำพร้าเมียกะทันหันร่วมกับลูกอีก 2 คน ยื่นฟ้อง นายเบรคดี นายบัสใหญ่ และ หจก. แหล่มจังเลยขนส่ง บังคับให้จ่ายค่าเสียหาย อันได้แก่ ค่าอุปการะเลี้ยงดู และค่าปลงศพ รวมแล้วเป็นเงิน 1 ล้านบาทเศษๆ
เห็นหรือยังว่า การขับรถทะเล่อทะล่าแล้วเกิดเรื่อง อาจโดนฟ้องเรียกเงินหูตูบ ไม่ใช่สมัยก่อนๆ หลาย 10 ปีมาแล้ว เรียกแค่หลักพัน ตามค่าของเงิน
จำเลยเห็นตัวเลขเงินตรา รีบหาทนายสู้คดีโดยด่วน อ้างสารพัดตามที่ทนายคิดได้มาโต้แย้ง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่าฝ่ายรถยนต์โดยสารประมาทจริง ตัดสินให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าเสียหายต่างๆเป็นเงิน 8 แสนกว่าบาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลย โดยเฉพาะ คือ นายบัสใหญ่ ผู้เป็นเถ้าแก่อยู่ไม่ได้ แก้เกมด้วยการยื่นอุทธรณ์ โต้ทุกชอท เดี๋ยวจะได้เห็นตอนท้าย ให้ยกฟ้อง หรือจ่ายน้อยที่สุด
ศาลอุทธรณ์ พิจารณาพร้อมเอาเครื่องคิดเลขมากด แล้วพิพากษาแก้ ลดค่าเสียหายลงบ้าง ตามที่เห็น สมควร ให้จำเลยร่วมกันจ่ายเกือบ 6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย
ยังขัดขืนไม่ยอมจ่าย จำเลยพากันยื่นฎีกาเล่นเกมยาว ทั้งๆ ที่รู้ว่าโดนดอกเบี้ยไม่ใช่น้อย แต่หาข้ออ้างมายันเรื่องดอกเบี้ยไว้ด้วย ถือว่าหัวหมอพอสมควร
ศาลฎีกาหน้าบอกบุญไม่รับ เพราะคดีรอคิวเป็นพะเนินเทินทึก เมื่อคว้าสำนวนนี้มาพิจารณาตามลำดับอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงชี้จนขาดไว้ว่า
การเด้งเชือกให้พ้นหมัดตายของ นายบัสใหญ่ และ หจก. แหล่มจังเลยขนส่ง โดยอ้างว่า นายเบรคดี ไม่ได้กระทำในทางการที่จ้าง เพราะขับรถไปเติมน้ำมันตอนดึกๆ นอกเวลางานอย่างชัดๆ นั้น ในทางพิจารณาได้ความว่า นายเบรคดี พักอยู่ที่ทำงาน ขณะเกิดเหตุขับรถไปเติมน้ำมัน แม้อยู่นอกเวลางาน แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ จึงเด้งเชือกเพื่อให้เถ้าแก่ และ หจก. แหล่มจังเลยขนส่ง พ้นความรับผิดไม่ได้
ข้อที่ นายบัสใหญ่ ยิงมุก อ้างว่า หจก. แหล่มจังเลยขนส่ง ฐานะดีอยู่แล้ว จึงทำให้ตนในฐานะผู้จัดการพ้นภาระ ไม่ต้องควักเงินส่วนตัวจ่ายให้โจทก์นั้น ศาลฎีกายิ้มที่มุมปาก นึกในใจว่า เออทนายของเอ็งช่างหาข้ออ้างได้ดีแท้ แต่เมื่อกฎหมายแพ่ง มาตรา 1087 กำหนดให้ผู้จัดการ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด ต้องร่วมรับผิดหนี้ของห้างโดยไม่จำกัดจำนวน ไม่มีตรงไหนระบุให้ผู้จัดการรับผิดโดยมีเงื่อนไขหรือข้อยกเว้น นายบัสใหญ่ จึงดิ้นไม่หลุด
ข้ออ้างถัดมาที่ว่า ตามประเพณีไทยมาแต่โบร่ำโบราณ สามีต้องหาเลี้ยงภรรยาอย่างชัดๆ โจทก์จึงเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากภรรยาไม่ได้นั้น กฎหมายแพ่ง มาตรา 1461 วรรค 2 มีอยู่ทนโท่ กำหนดให้สามีภรรยาต้องอุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน นายเมียหนึ่ง ผู้เป็นสามีของผู้ตาย จึงฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะในการที่ภรรยาจากไปได้ชัวร์ๆ
ข้ออ้างถัดมาอีกที่ว่า ค่าเสียหายที่จ่ายเป็นหนี้ในอนาคต ไม่ใช่หนี้ที่มีอยู่แล้ว จึงเรียกเอาดอกเบี้ยไม่ได้นั้น ศาลฎีกาก็ยิ้มอีก แล้วเตะสกัดด้วยการยกเอากฎหมายมายันว่า ค่าเสียหายที่กำหนดให้จ่ายเป็นก้อน ไม่ใช่ทยอยจ่าย และตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 206 บอกไว้ว่า หนี้จากมูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิด จึงเกิดสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ตั้งแต่วันละเมิด หรือขับรถเหยียบเขาตายโน่นแน่ะ
ข้อเถียงเรื่องค่าปลงศพ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นค่าแสดงแม่ไม้มวยไทยหน้าศพนั้น เมื่อได้ความว่าจ่ายไปจริง และตามสมควร ศาลจึงไม่ตัด ให้จำเลยร่วมกันรับผิดทั้งหมด 5 หมื่นบาท ตามที่โจทก์เรียกร้องไว้
สรุปที่จำเลยเถียงยังงั้นยังงี้ในชั้นฎีกา ฟังไม่ขึ้นสักอย่าง ศาลฎีกาต้องทนเมื่อยขบ ด้วยการพิพากษายืน บังคับให้จำเลยร่วมกันจ่ายตามที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้นั่นแล
เวลาสู้คดีในศาล เมื่อเห็นสำนวนโวหาร เห็นลีลาการออกหมัดโต้ตอบของทนาย ลูกความอาจซี้ดปาก เคลิบเคลิ้มว่า แม่ไม้ของทนายช่างสุดยอด ฝันหวานว่าจะชนะคดี ไม่เสียค่าจ้างฟรีๆ มีเฮตอนศาลตัดสินแน่นอน แต่ในความเป็นจริงอย่างคดีนี้ กฎหมายเขามัดไว้ทุกข้อ ชนิดจำเลยดิ้นไม่หลุด เป็นการอ้างลมๆ แล้งๆ เสียด้วยซ้ำ ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น จำเลยหงอยเป็นไก่เหงาลงจากศาลนั่นแหละ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3753/2553
เรื่องโดย : จอมยุทธ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85629