ชีวิตคือความรื่นรมย์
คุณูปการอันยืนยง
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 เป็นวันครบ 120 ปีแห่งประสูติกาลของ ศาตราจารย์พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ บุคคลสำคัญของไทยในหลากหลายประการ และทรงได้รับยกย่องจากองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านวัฒนธรรม ในวาระครบ 100 ปี ประสูติกาลเมื่อปี 2534พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระนามเดิมหม่อมเจ้าวรรณไวทยากรวรวรรณ ทรงเป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (พระองค์เจ้าวรวรรณากร) พระราชโอรสลำดับที่ 56 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้นราชสกุลวรวรรณ ซึ่งทรงเป็นพระกำลังสำคัญพระองค์หนึ่ง ในการบริหารราชการแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สำคัญ คือ รองเสนาบดี กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ทรงเป็นนักประพันธ์และกวีที่คนไทยยกย่องในฝีพระหัตถ์ ด้วยวรรณคดีหลายเรื่อง เช่น ทรงแปลจดหมายเหตุลาลูแบร์ บทละครพันทางเรื่องพระลอ บทละครเรื่องสาวเครือฟ้า ที่สำคัญทรงแปลบทกวีเรื่อง รุไบยาต ของโอมาร์ คัยยัม กวีเอกชาวเปอร์เซีย แล้วทรงนิพนธ์เป็นกาพย์ และโคลงสี่สุภาพ ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์พิเศษ และที่กระทรวงศึกษาธิการนำมาเป็นเรื่องสั้นตัวอย่างชื่อ สร้อยคอที่หาย ทรงใช้พระนามแฝงในการประพันธ์ว่า ประเสริฐอักษร พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า พระองค์วรรณ ทรงศึกษาที่โรงเรียนราชวิทยาลัย ทรงสอบชิงทุนเล่าเรียนหลวงได้ จึงเสด็จไปทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษขณะที่ทรงพระชนม์ 14 พรรษา ระหว่างที่ทรงศึกษาในระดับมัธยม 5 ปี ทรงได้รับรางวัลต่างๆ จากโรงเรียนถึง 17 รางวัล ต่อมาได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สำเร็จปริญญาตรีเกียรตินิยม และปริญญาโท จากคณะตะวันออกศึกษา สาขาภาษาบาลีและสันสกฤต กับประกาศนียบัตรชั้นสูง วิชาการทูต รางวัลที่ 1 จากวิทยาลัยรัฐศาสตร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อสำเร็จการศึกษาได้เข้ารับราชการ เป็นเลขานุการตรี สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ได้เข้าร่วมประชุมสันติภาพ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อกลับประเทศไทย ทรงดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองบัญชาการกระทรวงการต่างประเทศ ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวใน ปี 2465 ก่อนกลับไปเป็นปลัดทูลฉลองกระทรวงการต่างประเทศ ในปี 2467 ทรงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ในปี 2469 ปี 2477 ทรงเป็นศาสตราจารย์ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทรงดำรงตำแหน่งนายกราชบัณฑิตยสถาน ทรงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในปี 2495 และในปี 2499-2500 ทรงเป็นประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยประชุมที่ 11 ทรงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ ปี 2502 จนถึง 2513 และทรงดำรงตำแหนงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่ ปี 2506-2514 ด้วยทรงปฏิบัติงานอันเป็นคุณประโยชน์ต่อบ้านเมืองมากมาย ในปี 2482 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรรณไวทยากร และต่อมาในปี 2495 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ และในบีต่อมา ทรงพระราชยศเป็นพลตรี ประจำกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ และราชองครักษ์พิเศษ นอกจากจะทรงมีผลงานด้านการเมือง การปกครอง การต่างประเทศ การศึกษาอย่างมากมายแล้ว พระองค์วรรณ ทรงเป็นที่ยกย่องในวงการสื่อมวลชน ด้วยทรงก่อตั้งหนังสือพิมพ์ประชาชาติ โดยมีคุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา) เป็นบรรณาธิการคนแรก พระองค์เองทรงใช้พระนามแฝง ไววรรณ ทรงนิพนธ์บทความ ข้อคิดเห็น ความรู้ ข่าวสารนานาประการในคอลัมน์ชื่อ ไขข่าว ประจำหน้า 5 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์วรรณกรรม เช่น ผู้ชนะสิบทิศ ของ ยาขอบ เป็นที่รวมกลุ่มมของนักคิด นักหนังสือพิมพ์ นักเขียน โดยเฉพาะที่รู้กันต่อมาว่า กลุ่มสุภาพบุรุษ (หลังจากที่ไปร่วมทำหนังสือสุภาพบุรุษและฉบับอื่นในกาลต่อมา) สำหรับพระองค์เองนั้น ทรงพระนิพนธ์หนังสือไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งด้านวิชาการต่างๆ เกร็ดความรุ้ ปกิณกะ ที่สำคัญยิ่งเสมือนพระมรดกตกทอดต่อมาจนบัดนี้ คือ ศัพท์บัญญัติต่างๆ เช่น ประชาธิปไตย ประชาชาติ ประชากร ประชาคม บรรษัท บริษัท บริการ รัฐธรรมนูญ อุปสงค์ อุปทาน ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ปฏิรูป ปฏิวัติ ปรัชญา วัฒนธรรม อัตโนมัติ มโนภาพ มวลชน ระบบ ระบอบ โทรคมนาคม โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ เพื่อรำลึกถึงพระคุณูปการที่ทรงมีต่อประเทศชาติบ้านเมืองนานัปการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านภาษาและหนังสือ เมื่อปี 2544 ปีที่เป็นปีที่ 110 ปีประสูติกาลของพระองค์ และครบ 10 ปีที่ ยูเนสโกประกาศยกย่องว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ประจวบกับสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย มีอายุครบ 30 ปี คุณประภัสสร เสวิกุล นายกสมาคมนักเขียน ฯ ในตอนนั้น ได้ขออนุญาตจากท่านผู้หญิงวิวรรณ วรวรรณ เศรษฐบุตร พระธิดาของพระองค์ ขอใช้พระนาม นราธิป ตั้งเป็นรางวัลเพื่อมอบแก่นักเขียนและบรรณาธิการที่อายุครบ 80 ปี ทำงานอันเป็นประโยชน์แก่สังคมมายาวนาน และได้เริ่มมอบรางวัล ตั้งแต่นั้นมาทุกปี ผู้เขียนได้พยายามรวบรวมพระกรณียกิจในนาม พระคุณูปการของพลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ไว้โดยย่อดังนี้ พระคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ที่ทรงมีต่อชาติไทยหลายสถาน ทั้งในงานส่วนพระองค์และราชการ ทรงเชี่ยวชาญสานประโยชน์โภชผลไทย นับแต่ทรงชิงทุนเล่าเรียนหลวง ทรงลุล่วงเกียรตินิยมอุดมพิสัย ออกซ์ฟอร์ดมหาวิทยาลัย ยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์, การทูตมวล ปริญญาตรีปริญญาโททรงสำเร็จ เป็นบำเหน็จแก่ชาติไทยได้ถี่ถ้วน ดุษฎีกิตติมศักดิ์อำนรรฆควร ซึ่งหลากล้วนทรงคุณค่านานัปการ เมื่อทรงรับราชการการต่างประเทศ จึ่งพิเศษวิสัยทัศน์มหาศาล ทรงดำรงตำแหน่งใหญ่หลายหน่วยงาน ด้วยชำนาญงานถึงขั้นปลัดกระทรวง จากเอกอัครราชทูตหลายประเทศ รัฐมนตรีที่พิเศษงานใหญ่หลวง ข้อกฎหมายต่างประเทศเหตุทั้งปวง บรรลุล่วงเป็นประวัติอันเกรียงไกร พระองค์เดียวคนไทยได้เกียรติยศ จารึกจดเป็นตำนานนิรันดร์สมัยที่สหประชาชาติประกาศไทย ประธานใหญ่การประชุมสมัชชา ยิ่งคุณูปการอันปรากฏ พระเกียรติยศจดจารงานภาษา ทรงบัญญัติศัพท์ใหม่ให้ไทยใช้มา พระปรีชายากไร้ใครเทียมทัน ทั้งคุณูปการงานด้านสื่อ ตั้งหนังสือ "ประชาชาติ"ปราชญ์สร้างสรรค์ จารึกนามเนิ่นดำรง "พระองค์วรรณ" แนบแน่นบรรณพิภพมิลบเลือน พระคุณูปการประมาณมิหมด จึ่งจารจดเป็นรางวัลอันเสมือน ประกาศเพชรวรรณกรรมจำจิตเตือน มิคลายเคลื่อนคู่ชาติไทยไปนิรันดร์
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/85092