MERCEDES-BENZ SLK 55 AMG

นอกจากรถเก๋งสุดหรู ตั้งแต่รถขนาดกะทัดรัดอย่าง ซี-คลาสส์ ไปจนถึงรถคันโตสุดๆ อย่าง เอส-คลาสส์ แล้ว ค่าย "ดาวสามแฉก" ยังมีรถสปอร์ทหรูๆ ให้ผู้ใช้รถเงินถุงเงินถังสตางค์แยะเลือกใช้อีกหลายรุ่นหลายแบบ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงไม่ห่างไกลสุดกู่จากความเป็นจริงหากจะกล่าวว่า รถสปอร์ทติดตรา "ดาวสามแฉก" ที่คนรักรถในบ้านเราคุ้นเคยกันดี คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเค-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ SLK-CLASS) รถสปอร์ทขนาดเล็กสุด และค่าตัวย่อมเยาที่สุดของค่ายนี้ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเค-คลาสส์ รุ่นที่จำหน่ายขณะนี้ เป็นรถรุ่นที่ 3 เพิ่งออกโชว์รูมในเมืองเบียร์เมื่อเดือนมีนาคมปีกระต่าย หน้าตา และรูปทรงค์เอวที่ออกแบบใหม่หมด ตั้งแต่กันชนหน้าจรดกันชนหลัง บางคนบอกว่าดูดีกว่ารถรุ่นเก่า ในขณะที่อีกบางคนบอกว่าดูเรียบๆ ไปหน่อย บางคนแรกเป็นคนที่ชอบติดตามเรื่องราวของรถใหม่ที่ออกจำหน่ายในต่างประเทศ และยังไม่ได้เข้ามาขายในบ้านเรา ส่วนบางคนหลังเป็นคนรักรถที่ชาตินี้ หรืออาจจะต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงชาติหน้า คงไม่มีปัญญาซื้อรถติดตรา "ดาวสามแฉก" รถที่เพิ่งออกขายในเมืองเบียร์เมื่อไตรมาสแรกของปีกระต่ายดังที่กล่าวข้างต้น แยกโมเดลให้คนรักรถสปอร์ทเลือกใช้ตามรสนิยมเพียง 3 โมเดล คือ SLK 200 BLUEEFFICIENCY ติดตั้งเครื่องยนต์ 184 แรงม้า SLK 250 BLUEEFFICIENCY เครื่องยนต์ 204 แรงม้า และ SLK 300 BLUEEFFICIENCY เครื่องยนต์ 306 แรงม้า ส่วนที่เลือกมาให้ชื่นชมกันในเดือนนี้ เป็นรถโมเดลพิเศษ พัฒนาจากรถรุ่นสามัญ โดยสำนัก AMG ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจย่อยที่จัดการและดูแลเรื่องรถแต่งสมรรถนะสูงให้แก่ค่าย "ดาวสามแฉก" และถือได้ว่าเป็นโมเดลหัวกะทิของรถ สปอร์ท 2 ที่นั่ง เอสแอลเค-คลาสส์ ในขณะนี้ มีการแต่งเติมเสริมสร้างรายละเอียดมากมาย ทั้งในส่วนที่มองเห็นได้ด้วยตา และมองไม่เห็น แต่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสำคัญที่สุดอยู่ที่เครื่องยนต์ แถมไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างง่ายๆ โดยปรับแต่งเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่แล้ว ให้มีสมรรถนะสูงขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น แต่ปล่อยไอเสียน้อยลง หากเป็นการเปลี่ยนเครื่องทั้งบลอค เครื่องยนต์บลอคใหม่ที่สำนัก AMG จัดให้แก่รถโมเดลพิเศษนี้ เป็นเครื่องหายใจอากาศธรรมดา ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 5,461 ซีซี (รหัสเครื่องยนต์ AMG M152) ที่พัฒนาจากเครื่องยนต์ไบเทอร์โบขนาดความจุเดียวกัน (รหัสเครื่องยนต์ AMG M157) ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2010 ในรถสมรรถนะสูงค่าตัวแสบอย่างรถซีดาน เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 63 เอเอมจี (MERCEDES-BENZ E 63 AMG) กับ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 63 เอเอมจี (MERCEDES-BENZ S 63 AMG) และรถคูเป เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 63 เอเอมจี (MERCEDES-BENZ CLS 63 AMG) กับ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอล 63 เอเอมจี (MERCEDES-BENZ CL 63 AMG) เครื่องใหม่ที่ว่านี้ ให้กำลังสูงสุด 310 กิโลวัตต์/422 แรงม้า ที่ 6,800 รตน. ให้แรงบิดสูง สุด 540 นิวตัน-เมตร/55.1 กก.-ม.ที่ 4,500 รตน. และประหยัดเชื้อเพลิงเป็นพิเศษเพราะนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทำงานไม่ครบทุกสูบที่ค่ายนี้เคยใช้ในรถแข่ง ฟอร์มูลา วัน มาใช้ด้วย เป็นเทคโนโลยีที่อธิบายได้อย่างย่นย่อว่า สูบที่ 2 สูบที่ 3 สูบที่ 5 และสูบที่ 8 จะหยุดการทำงาน เมื่ออยู่ในสภาพการขับขี่ที่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์เพียงบางส่วน ลักษณาการที่กล่าวนี้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ขับเลือกการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT PLUS 7G-TRONIC ในลักษณะ C ซึ่งย่อจาก CONTROLLED EFFICIENCY และรอบเครื่องยนต์อยู่ในช่วง 800-3,600 รตน. ในเมืองเบียร์รถโมเดลหัวกะทิรุ่นนี้ ติดป้ายค่าตัว 72,590 ยูโร หรือประมาณ 3.0 ล้านบาทไทย (เป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ไว้แล้ว) สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดเพื่อความปลอดภัยไว้ที่ 250 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.4 ลิตร/100 กม. หรือ 11.9 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 195 กรัม/กม.