เนื่องจากปก(formula)
คืนเงินรถคันแรก เท่าไร? เมื่อไร? อย่างไร?
หลังจากรัฐบาลชุดใหม่ อนุมัติโครงการชดเชยเงินคืน สำหรับการซื้อรถยนต์คันแรก สร้างความตื่นตัวให้คนอยากมีรถทั่วไป แต่เนื่องจากกฎเกณฑ์ต่างๆ ค่อนข้างสับสน "ฟอร์มูลา" จึงขออาสาไข ทุกข้อสงสัย เกี่ยวกับโครงการนี้
รัฐนำเงินจากไหนมาให้เรา ?
โครงการดังกล่าว จะนำเงินภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากบริษัทรถยนต์นั่นแหละ มาคืนให้แก่ผู้ซื้อ คันละไม่เกิน 100,000 บาท ในราคารถยนต์ที่ซื้อไป เราต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตเท่าไร ? "ฟอร์มูลา" มีคำตอบ
ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ คำนวณจากอะไร ?
โครงสร้างการคิดอัตราภาษีรถยนต์ในประเทศไทยนั้นมี 2 แบบ ได้แก่ รถที่นำเข้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศ กับรถที่ผลิตในประเทศไทย แล้วรถที่ผลิตในประเทศ 1 คัน ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ไปดูกัน อากรขาเข้า จะถูกจัดเก็บตามอัตราที่กรมศุลกากรกำหนด โดยขึ้นอยู่กับชนิดหรือพิกัดของชิ้นส่วนนั้น ซึ่งจะอยู่ประมาณ 30 % ของราคารถ (ถ้าใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศทั้งหมดก็จะไม่เสียภาษีในส่วนนี้) ภาษีสรรพสามิต แนวทางการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์หน้าโรงงานที่เรียกว่า เนทแบค (NET BACK) หรือภาษีย้อนกลับ จะดูจากราคาขายปลีกรถยนต์เป็นหลัก โดยกำหนดไว้ 76 % ของราคาขายปลีกรถยนต์เป็นราคาหน้าโรงงาน เพื่อใช้เป็นตัวตั้งในการคำนวณเสียภาษีสรรพสามิต ถ้าผู้ประกอบการเสียต่ำกว่าอัตราดังกล่าว ต้องกลับไปปรับปรุงให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่หากยื่นมาเกินก็ให้ถืออัตราที่ชำระแล้ว เป็นราคาต้นทุนขายหน้าโรงงานต่อไป การพิจารณาราคาหน้าโรงงาน กรมสรรพสามิตได้ระบุชัดเจน ว่าต้องมีชิ้นส่วนที่ใช้งานได้ตามปกติ เช่น แบทเตอรี เครื่องปรับอากาศ วิทยุ ล้ออะไหล่ และเครื่องมือประจำรถพร้อมแม่แรง ประกอบอยู่ด้วย
ภาษีมหาดไทย คิดที่อัตรา 10 % ของภาษีสรรพสามิต เพื่อส่งให้กระทรวงมหาดไทย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากรเป็นผู้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % หรือภาษีรวมของรถที่ผลิตในประเทศจะมีมูลค่าประมาณ 40-70 % ของราคาขายปลีก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์ ยิ่งปริมาตรกระบอกสูบมาก มูลค่าภาษีก็สูงตาม
สมมติให้รถที่ผลิตในประเทศขนาดไม่เกิน 1,800 ซีซี มีราคาขาย 700,000 บาท ก็หมายความว่า รัฐต้องเรียกเก็บภาษีในส่วนนี้ ประมาณ 280,000-300,000 แสนบาท/คัน เพราะฉะนั้นการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต จึงเป็นวิธีหนึ่งที่ภาครัฐสามารถคืนเงินกลับคืนให้ประชาชนที่ซื้อรถได้
ภาษีสรรพสามิต = มูลค่าxอัตราภาษีสรรพสามิต
= (ราคาขาย ณ โรงงานอุตสาหกรรม+ภาษีสรรพสามิต+อัตราภาษีมหาดไทย)x อัตราภาษีสรรพสามิต
=ราคาขาย ณ โรงงานอุตสาหกรรมxอัตราภาษีสรรพสามิต 1-(1.1x อัตราภาษีสรรพสามิต)
เงื่อนไขโครงการนี้ มีอะไรบ้าง ?
รถยนต์คันแรกในชีวิต ผู้ซื้อรถ ต้องไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าของรถยนต์คันใดมาก่อน นับตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
ราคาไม่เกินล้านบาท รถยนต์ที่ต้องการซื้อ ต้องมีราคาขายต่อคันไม่เกิน 1,000,000 บาท/คัน
เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี ประเภทรถยนต์นั่งต้องมีขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ซีซี ส่วนรถกระบะไม่จำกัดซีซี ไม่รวมรถประเภท SUV และ MPV
ผลิตในประเทศเท่านั้น ต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
ได้คืนไม่เกินแสนบาท ได้รับเชคคืนเงินเท่ากับค่าภาษีที่จ่ายตามจริง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท/คัน อายุครบ 21 ปี ผู้ที่ต้องการซื้อจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
ครอบครองเกิน 5 ปี ** ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยไม่สามารถขาย หรือเปลี่ยนผู้ครอบครองได้
ครบปี คืนแน่ * การคืนเงินนั้น รัฐจะคืนให้เมื่อครอบครองรถยนต์ครบ 1 ปีไปแล้ว โดยจะจ่ายเป็นเชคทีเดียวทั้งหมด (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป)
* ผู้ซื้อที่ได้รับคืนเงินเมื่อครอบครองรถยนต์ไปแล้ว 1 ปี และอยู่ระหว่างการครอบครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี หากกระทำผิดเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งที่ระบุไว้ในคำขอเงินคืน และเงื่อนไขสำหรับรถยนต์คันแรก ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องนำเงินที่ได้รับไปส่งคืนทางราชการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง
** ห้ามโอนภายใน 5 ปี กรณีผู้ซื้อรถ (ผ่อน) ผิดนัดไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ ไฟแนนศ์สามารถยื่นเรื่องให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบ ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้ซื้อรถผิดนัดไม่ผ่อนชำระต่อจริง ก็จะแก้เงื่อนไขกรณีห้ามโอนภายใน 5 ปี ให้สามารถนำรถไปขายทอดตลาดได้ และจะเรียกเงินภาษีจากผู้ที่ซื้อรถไปแล้ว แต่ไม่สามารถผ่อนต่อได้ คืนกลับให้กรมสรรพสามิตเท่ากับจำนวนที่ได้รับไป
เอกสารที่ใช้ยื่นเพื่อขอเงินคืน
1. แบบคำขอคืนเงินและเงื่อนไขสำหรับรถยนต์คันแรก
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
5. สำเนาคู่มือจดทะเบียน
6. หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอน ภายใน 5 ปี
7. หลักฐานการซื้อขายรถยนต์
*** เอกสารข้อ 1 และ 6 สามารถดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ www.excise.go.th ได้แล้ววันนี้
ซื้อรถแล้ว ต้องทำอย่างไร ?
หลังจากได้รถสมใจแล้ว ก็อย่าลืมยื่นคำขอคืนเงินด้วย โดยสามารถยื่นขอได้ 2 ช่องทางด้วยกัน คือ ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาทั่วประเทศ หรือยื่นผ่านเวบไซท์ www.excise.go.th แต่มีเงื่อนไขนิดหน่อย คือ ต้องส่งเอกสารฉบับจริงให้กับสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ หรือสำนักงานสรรพสามิตที่สาขาทั่วประเทศ ที่ตนแจ้งความประสงค์ไว้เสียก่อน
ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ หรือเปลี่ยนห้างหุ้นส่วนจำกัดเช่าซื้อ รีไฟแนนศ์ (REFINANCE) ให้ผู้ซื้อแจ้งไปที่ทางสำนักงานสรรพสามิต ที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้ก่อนหน้านี้ได้เลย ส่วนเรื่องการขอรับเงินคืนก็เช่นกัน สามารถระบุสถานที่ที่ต้องการจัดส่งเชคได้เลยทั่วประเทศ โดยจะได้เงินหลังจากครอบครองรถเกิน 1 ปี หากมีข้อสงสัยอื่นๆ ที่ไม่เข้าใจ สามารถสอบถามได้ที่สายด่วน 1713 หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขา ทั่วประเทศ โทร. 0-2241-4778
5 คำถาม ที่ถามบ่อย ?
1. ถ้าซื้อรถเงินสด จะได้สิทธิ์คืนเงินหรือไม่ ?
ตอบ ได้ จะได้คืนเป็นเชคจากกรมบัญชีกลาง/คลังจังหวัด เมื่อครอบครองรถครบ 1 ปี (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป)
2. ถ้าจองรถภายในกำหนด แต่รถกลับได้หลังกำหนด (31 ธันวาคม 2555) กรณีนี้ ยังสามารถรับสิทธิ์รถคันแรกอยู่หรือไม่ ?
ตอบ ยังสามารถรับสิทธิ์นี้ได้ เนื่องจากเอกสารการจองรถ สามารถใช้เป็นหลักฐานการซื้อ/ขายรถยนต์ได้
3. การคืนเงิน รัฐจะคืนครั้งเดียว หรือจะแบ่งชำระ ?
ตอบ ครั้งเดียว หลังจากครอบครองรถเป็นเวลา 1 ปี
4. คนที่มีสิทธิ์ในโครงการนี้ เฉพาะคนที่เสียภาษีให้รัฐบาลใช่หรือไม่ ?
ตอบ ไม่ใช่ ทุกคนในประเทศไทยที่อายุเกิน 21 ปีบริบูรณ์ และซื้อรถยนต์เป็นคันแรกในชีวิต ได้สิทธิ์หมด
5. มีการอนุโลมให้แก่ผู้ที่ซื้อรถยนต์ก่อนปี 2549 (เนื่องจากมีการบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์แค่ปี 2549-ปัจจุบัน) ให้สามารถรับสิทธิ์ได้ จริงหรือไม่ ?
ตอบ ไม่จริง ผู้มีสิทธิ์ได้รับคืนเงินต้องซื้อตั้งแต่ 16 กันยายน 2554-วันที่ 31 ธันวาคม 2555 เท่านั้น ในกรณีที่ซื้อรถก่อนปี 2549 ไปแล้ว ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ หากตรวจสอบได้ว่าผิดเงื่อนไขจริง จะต้องคืนเงินให้รัฐ ตามที่ได้รับทั้งหมด
6 ยี่ห้อ 74 รุ่น ที่เข้าร่วม !
ลำดับ ประเภทรถยนต์ ยี่ห้อ รุ่น รหัสรุ่น จำนวน(รุ่น) ขนาด(ซีซี) เงินคืนโดยประมาณ (บาท)
1 รถยนต์นั่ง เชฟโรเลต์ อาวีโอ LS WHITE METALLIC(MT),LS WHITE METALLIC(AT) 2 1,400 100,000
2 รถยนต์นั่ง เชฟโรเลต์ อาวีโอ BASE (MT) (E20), BASE (AT) (E20) 2 1,400 100,000
3 รถยนต์นั่ง เชฟโรเลต์ อาวีโอ LS (E20) (MT), LS (E20)(AT) 2 1,400 100,000
4 รถยนต์นั่ง เชฟโรเลต์ อาวีโอ LSX (E20) (AT) 1 1,400 100,000
5 รถยนต์นั่ง ฟอร์ด ฟิเอสตา 4DR 1.4L (MT) STYLE, 4DR 1.4L (AT) STYLE 2 1,400 100,000
6 รถยนต์นั่ง ฟอร์ด ฟิเอสตา 5DR 1.4L (AT) STYLE 1 1,400 100,000
7 รถยนต์นั่ง ฮอนดา บรีโอ V (MT), V (AT) 2 1,200 (70,000),(67,000)
8 รถยนต์นั่ง ฮอนดา บรีโอ S (MT) 1 1,200 64,000
9 รถยนต์นั่ง ฮอนดา ซิที S (MT), S (AT) 2 1,500 100,000
10 รถยนต์นั่ง ฮอนดา ซิที V (AT), V (AT), (SRS) 2 1,500 100,000
11 รถยนต์นั่ง ฮอนดา ซิที SV (AT), (SRS) 1 1,500 100,000
12 รถยนต์นั่ง ฮอนดา แจซซ์ S (MT), S (AT) 2 1,500 100,000
13 รถยนต์นั่ง ฮอนดา แจซซ์ V (AT), (SRS) 1 1,500 100,000
14 รถยนต์นั่ง ฮอนดา แจซซ์ SV (AT), (SRS) 1 1,500 100,000
15 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 GROOVE SPORTS(MT), GROOVE SPORTS(AT) 2 1,500 100,000
16 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 SPIRIT SPORTS(AT), SPIRIT SPORTS (AT), NAVI 2 1,500 100,000
17 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 MAXX SPORTS(AT), MAXX SPORTS (AT), NAVI 2 1,500 100,000
18 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 GROOVE(MT), GROOVE (AT) 2 1,500 100,000
19 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 SPIRIT (AT), SPIRI (AT) GENETIC 2 1,500 100,000
20 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 MAXX (AT), MAXX (AT) GENETIC 2 1,500 100,000
21 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 SPORTS GROOVE(MT), SPORTS GROOVE (AT) 2 1,500 100,000
22 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 SPORTS SPIRIT (AT) 1 1,500 100,000
23 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 SPORTS MAXX (AT) 1 1,500 100,000
24 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 ELEGANCE GROOVE(MT), ELEGANCE GROOVE (AT) 2 1,500 100,000
25 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 ELEGANCE SPIRIT (AT) 1 1,500 100,000
26 รถยนต์นั่ง มาซดา 2 ELEGANCE MAXX (AT) 1 1,500 100,000
27 รถยนต์นั่ง นิสสัน มาร์ช S (MT) 1 1,200 54,000
28 รถยนต์นั่ง นิสสัน มาร์ช E (MT), E (AT) 2 1,200 61,000
29 รถยนต์นั่ง นิสสัน มาร์ช EL (AT), EL (AT) SPORTS VERSION 2 1,200 (70,000), (73,000)
30 รถยนต์นั่ง นิสสัน มาร์ช V (AT) 1 1,200 72,000
31 รถยนต์นั่ง นิสสัน มาร์ช VL (AT), VL (AT), SPORTS VERSION 2 1,200 (77,000),(80,000)
32 รถยนต์นั่ง โตโยตา วีออส J (MT) GRAY, J (AT)GRAY, J (AT) GRAY (ABS) 3 1,500 100,000
33 รถยนต์นั่ง โตโยตา วีออส E (MT) GRAY, E (AT)GRAY, E SAFETY (AT) GRAY 3 1,500 100,000
34 รถยนต์นั่ง โตโยตา วีออส E (MT) IVORY, E (AT)IVORY, E SAFETY (AT) IVORY 3 1,500 100,000
35 รถยนต์นั่ง โตโยตา วีออส G (AT) GRAY, G LTD(AT) GRAY 2 1,500 100,000
36 รถยนต์นั่ง โตโยตา วีออส VIOS G(AT) IVORY, G LTD (AT) IVORY 2 1,500 100,000
37 รถยนต์นั่ง โตโยตา วีออส TRD SPORTIVO 1 1,500 100,000
38 รถยนต์นั่ง โตโยตา ยารีส J (MT), J (AT) 2 1.500 100,000
39 รถยนต์นั่ง โตโยตา ยารีส E (MT), E (AT), E (AT) LIMITED 3 1.500 100,000
40 รถยนต์นั่ง โตโยตา ยารีส G (AT), G (AT) 2 1.500 100,000
41 รถยนต์นั่ง โตโยตา ยารีส S (AT) LIMITED 1 1.500 100,000
42 รถยนต์นั่ง โตโยตา ยารีส ACE (WHITE-RED), ACE (WHITE-BLACK) 2 1.500 100,000
*** ข้อมูล ณ วันที่ 19 กันยายน 2554 โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดยี่ห้อ รุ่นรถ และจำนวนเงินที่มีสิทธิ์ได้รับคืนเงินทาง www.exise.go.th
"ฟอร์มูลา" ขอบอกก่อนว่า เงื่อนไขและกฎเกณฑ์ต่างๆ เป็นข้อมูลถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 เท่านั้น ผู้อ่านต้องอัพเดทข่าวสารล่าสุด ก่อนตัดสินใจ !
ความคิดเห็นบางส่วน จากมาตรการนี้
1. พิชญา จันทรสาขา อาชีพ พนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง อายุ 25 ปี
"ที่ทำงานไกลจากที่บ้านพอสมควรค่ะ เลยต้องตื่นตี 5 เกือบทุกเช้า ต่อรถอีก 3-4 ต่อ กว่าจะถึงที่ทำงาน ส่วนตัวก็คิดอยากมีรถสักคัน จะได้ไปทำงานสะดวกหน่อย พอรัฐบาลมีโครงการรถคันแรกนี้ จึงตัดสินใจได้ไม่ยากค่ะ"
2. จุฬวิทย์ หมื่นไธสง อาชีพ ลูกจ้างหน่วยงานราชการ อายุ 30 ปี
"ผมใช้รถมอเตอร์ไซค์อยู่ครับ ขี่ไปทำงานทุกวัน วันไหนฝนตกก็ลำบากหน่อย เคยคิดที่จะซื้อรถยนต์แต่ติดที่ราคามันสูงอยู่ โครงการนี้สนับสนุนรถคันแรกก็จริง แต่ติดที่ต้องเป็นรถใหม่เท่านั้น ผมมีกำลังไม่พอ ขอใช้คันเดิมต่อไปดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นหนี้แล้ว !
3. สืบยศ สุวรรณหงษ์ อาชีพ พิธีกรรายการCARNATOMY อายุ 22 ปี
"ผมเป็นพิธีกรรายการทีวี ทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา ออกต่างจังหวัดก็บ่อย อยากได้รถใหม่สักคัน(ไม่ชอบรถมือสอง กลัวซ่อม) โครงการนี้กระตุ้นให้ผม ตัดสินใจจองไปแล้ว ส่วนเงินคืนจะเก็บไว้เป็นค่าน้ำมันครับ"
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : เนื่องจากปก(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/84542