X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
เทคนิค(car)
1 Nov 2011
เทคนิคการต่อสาย สำหรับซับวูเฟอร์ และเพาเวอร์แอมพ์
ฉบับนี้ทีมงาน คาร์ สเตริโอ ได้นำเทคนิคสำหรับการต่อสายไฟให้กับซับวูเฟอร์ ที่โหลดความต้านทานต่างๆ นั้น มีผลอย่างไรกับค่าอิมพีแดนศ์ของซับวูเฟอร์ และการต่อเพาเวอร์แอมพ์ ระบบสเตริโอ และบริดจ์โมโน มีผลอย่างไรกับกำลังขับของเพาเวอร์แอมพ์ ซึ่งผู้อ่านสามารถหาคำตอบได้ในคอลัมน์นี้
การต่อที่โหลด 4 และ 8 โอห์ม
คำว่า โหลด เป็นการต่อซับวูเฟอร์ให้ทำงานที่ความต้านทานต่างๆ (IMPEDANCE) เมื่อต่อลำโพงกับเพาเวอร์แอมพ์ ซึ่งความต้านทานที่มากขึ้น และต่ำลง มีผลต่อกำลังขับของเพาเวอร์แอมพ์ และป้องกันไม่ให้เพาเวอร์แอมพ์เกิดความเสียหาย โดยปกติเพาเวอร์แอมพ์ทุกๆ ตัวจะออกแบบให้สามารถรับโหลดที่ความต้านทานต่างๆ ได้ สำหรับเพาเวอร์แอมพ์ที่ใช้ในบ้านจะเริ่มต้นรับโหลดที่ 8 โอห์ม และเพาเวอร์แอมพ์ติดรถยนต์จะรับโหลด สำหรับใช้งานได้ที่ 4 โอห์ม ถ้าหากต่อเพาเวอร์แอมพ์โหลดความต้านทานสูงๆ จะทำให้เพาเวอร์แอมพ์ผลิตกำลังขับน้อยลงตามไปด้วย และโดยปกติเพาเวอร์แอมพ์ติดรถยนต์ส่วนใหญ่ ทางผู้ผลิตจะออกแบบให้สามารถรับโหลดได้ที่ 2 โอห์ม หรือบางยี่ห้อ สามารถรับได้ต่ำสุด 1/2 โอห์ม
ต่อบริดจ์เพาเวอร์อย่างไร ?
ประการแรก เพื่อความแน่ใจในการต่อบริดจ์เพาเวอร์แอมพ์ ควรศึกษาข้อมูลการใช้งานก่อนว่า ผู้ผลิตได้ออกแบบให้เพาเวอร์แอมพ์นั้น สามารถต่อบริดจ์โมโนได้หรือไม่ เพราะถ้าคุณต่อไปโดยที่ไม่รู้ ก็อาจทำให้เพาเวอร์แอมพ์นั้นเกิดความเสียหาย ถ้าโดยพื้นฐานแล้ว การต่อบริดจ์เพาเวอร์แอมพ์นั้น ต้องใช้ขั้วบวกจากแชนแนลหนึ่ง และขั้วลบจากอีกแชนแนลหนึ่ง โดยทำตามคู่มือคำแนะนำในการใช้งาน ถ้าไม่มีคู่มือก็ต้องมองหาเครื่องหมายบอกบางอย่างในการต่อขั้วลำโพงที่อยู่บนแอมพ์นั้นๆ ซึ่งต้องดูเครื่องหมายการต่อขั้วแอมพ์ที่แสดงอย่างถูกต้อง
เกิดอะไรขึ้น เมื่อบริดจ์แอมพ์
โดยหลักวิชาการ ผลลัพธ์ในการบริดจ์แอมพ์ กำลังขับที่ควรจะได้ คือ 4 เท่า ตัวอย่างเช่น แอมพ์ 50 วัตต์x2 เมื่อบริดจ์จะเท่ากับ 200 วัตต์x1 หรือที่ควรจะเป็น คือ 2/3 ถึง 3/4 ของกำลังขับ โดยดูตามตัวอย่าง แอมพ์สเตริโอ 2 แชนแนล เมื่อโหลดที่ความต้านทานแตกต่างกัน เช่น แอมพ์ 50 วัตต์x2 สเตริโอ ขับที่โหลด 4 โอห์ม และ 75 วัตต์x2 สเตริโอ เมื่อขับที่โหลด 2 โอห์ม และเมื่อต่อบริดจ์จะได้ 150 วัตต์x1 ที่โหลด 4 โอห์ม ที่สำคัญในการต่อแอมพ์ที่โหลดความต้านทานต่างๆ ควรดูคำแนะนำในคู่มือด้วยว่า แอมพ์นั้นออกแบบให้สามารถขับเล่นได้ที่โหลดต่ำกว่า 2 โอห์ม สเตริโอ หรือ 4 โอห์ม โมโน ต่อบริดจ์ได้หรือไม่ เพื่อให้แอมพ์ สามารถรับโหลดการเล่นได้ถูกต้อง และไม่เกิดความเสียหาย
การต่อแบบขนาน และอนุกรม
การต่อลำโพงแบบขนาน จะใช้ขั้วบวกของแอมพ์ต่อกับขั้วบวกของลำโพงแต่ละตัว เช่นเดียวกับการต่อขั้วลบของแอมพ์กับขั้วลบของลำโพงแต่ละตัว ตัวอย่างเช่น มีลำโพงแบบ 4 โอห์ม 2 ตัว เมื่อต่อแบบขนานจะได้ความต้านทานรวมที่ควรจะเป็น คือ 2 โอห์ม สำหรับการต่อลำโพงแบบอนุกรม ส่วนใหญ่จะไม่เป็นที่นิยมกัน เนื่องจากทำให้ความต้านทานรวมในระบบลำโพงสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ลำโพงแบบ 4 โอห์ม 2 ตัว เมื่อต่ออนุกรมจะได้ความต้านทานรวมเป็น 8 โอห์ม ซึ่งทำให้กำลังขับที่ได้นั้นน้อยลง นอกจากจะเป็นการต่อลำโพงแบบวอยศ์คอยล์คู่ เช่น ลำโพงวอยศ์คอยล์คู่ 2+2 โอห์ม 2 ตัว เมื่อต่ออนุกรมจะได้ความต้านทานรวมที่ 2 โอห์ม และ 0.5 โอห์ม ตามลำดับ เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งานกับเพาเวอร์แอมพ์ที่ออกแบบให้รองรับการโหลดเล่นที่ความต้านทานต่างๆ และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ขนาดของสายลำโพง
สายลำโพงขนาดระหว่าง 18 GAUGE และ 12 GAUGE จะมีความแตกต่างด้านความดังเสียงเพียง 0.1 ดีบี สาย 18 GAUGE ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานกับลำโพงกลาง และแหลม ยกเว้นสำหรับการใช้งานพลังงานสูง (ซับวูเฟอร์) ซึ่งสายที่มีขนาดแตกต่างกันจะมีผลต่อค่าความจุไฟฟ้า (CAPACITANCES) ที่อยู่ภายในสาย ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ผลิตสายหลายยี่ห้อที่อ้างถึงคุณภาพของตัวนำ หรือฉนวนหุ้มสาย เพื่อใช้เป็นจุดขายสำหรับสายระดับไฮเอนด์
เลือกสายไฟ/กราวน์ด สำหรับแอมพ์
การเลือกขนาดของสาย หรือ GAUGE ให้เหมาะสมกับการใช้งานกับเพาเวอร์แอมพ์ติดรถยนต์ ตัวอย่างเช่น เพาเวอร์แอมพ์ยี่ห้อ A มีฟิวส์ขนาด 40 แอมพ์x3 ตัว (120 แอมพ์) โดยเทียบความยาวของสายเป็นฟุต เมื่อเดินสายไฟจากแบทเตอรีไปยังเพาเวอร์แอมพ์ ซึ่งอยู่ที่ด้านหลังรถ (รถซีดานทั่วไปประมาณ 12 ฟุต) แนะนำให้ใช้สายไฟเบอร์ 2 GAUGE เป็นต้น ส่วนสายกราวน์ดใช้เบอร์ 2 GAUGE เช่นเดียวกัน แต่สายกราวน์ดที่จะลงตัวถังรถยนต์นั้นไม่ควรยาวเกินกว่า 1.5 ฟุต และถ้ามีจุดกราวน์ดหลายจุด ให้ลงจุดกราวน์ดที่ตำแหน่งตัวถังรถยนต์เพียงจุดเดียว เพื่อป้องกัน GROUND LOOP หรือเสียงรบกวนเข้าไปในระบบเครื่องเสียงติดรถยนต์
อ่านต่อ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : เทคนิค(car)
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/84449
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
เทคนิค(car)
เทคนิค(car)
3 Dec 2015
หาค่าความถี่ CABIN GAIN เพื่อความดังเสียงอัตโนมัติ
เทคนิค(car)
2 Nov 2015
ตู้ลำโพงแบบปิด และเปิด เลือกให้โดนหูตัวเอง
เทคนิค(car)
1 Oct 2015
อัพเกรดระบบไฟ ให้รถพลังเสียงประเภท SPL (จบ)
เทคนิค(car)
31 Aug 2015
อัพเกรดระบบไฟ ให้รถพลังเสียงประเภท SPL (ตอน 1)
เทคนิค(car)
3 Aug 2015
เพิ่มเสียงด้านหลังให้ระบบเสียงรถยนต์
ดูต่อในคอลัมน์ เทคนิค(car)