มุมมองนักออกแบบ
ซีตรอง เดแอส ตรัวส์
ANTI RETRO แคมเปญโฆษณาที่สุดแสนภาคภูมิใจของค่ายจ่าโท ซึ่งถูกนำมาใช้เผยแพร่ทั่วโลกหลังจากปล่อยรถยนต์รุ่นนี้ออกสู่ท้องตลาด แต่ถ้าหากเป็นมุมมองของผู้ทรงคุณวุฒิจาก ฟอร์มูลา จะมีความคิดเห็นกับรถยนต์รุ่นนี้อย่างไร เชิญท่านผู้อ่านทัศนากันได้ดังต่อไปนี้
ฟอร์มูลา : อาจารย์เห็นรถรุ่นนี้แล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างครับ ?
อภิชาต : ตัวที่ผลิตออกมาขายใกล้เคียงกับรถต้นแบบมากครับ
ภัทรกิติ์ : คันนี้ถือเป็นการพลิกกลยุทธ์เลยก็ว่าได้ เพราะใช้ชื่อรถเป็น เดแอส ถ้าลองนึกถึงหน้าตาซีตรอง เดแอส สมัยก่อน หน้าตาจะประหลาดๆ หน่อย แต่พอตัวนี้ ไม่ได้เน้นว่าจะต้องออกแบบย้อนยุคเหมือนกับรถค่ายอื่น
อภิชาต : ผมว่าคู่แข่งที่จะมาชนกับรถรุ่นนี้ก็คือ เฟียต 500 กับ มีนี ตัวนี้ออกมาถ้าเตินตามกระแส เรทโร เขาอาจห่างอยู่หลายขุมนัก ฉะนั้นในโฆษณาเลยค่อนข้าง ANTI RETRO ซึ่งผมมองว่าถ้าเขาตั้งกลุ่มเป้าหมายมาอย่างนี้ ก็โอเคเหมือนกัน
ภัทรกิติ์ : มันก็มีหลายคนที่ไม่ได้อินกับแนว เรทโร มากนัก คันนี้เขาสดทุกอย่าง ทุกอย่างจัดเต็ม ผมคิดว่าเขาใส่รายละเอียดเท่าที่ใส่ลงได้ อาจารย์คิดว่าอย่างไรครับ
อภิชาต : ที่อาจารย์ป้องพูดมาก็ใกล้เคียงกับที่ผมคิดนะ แต่ เฟียต ผมว่าภาพรวมของตัวรถ เรื่องต่างๆ ถ้าดวลกับ มีนี ผมว่า มีนี ดูสบายกว่านะ เพราะคันนี้เล็กกว่ากันเยอะ เฟียต ตามหลังมา แต่ไม่ได้ดีมากมายอะไร ถือว่าทำได้ดีในฐานะผู้ตาม ส่วนค่ายรถอื่นๆ ที่จะตามมาเป็นที่ 3 ที่ 4 ต้องทำการบ้านหนักหน่อยความคิดผม รถยนต์ที่มีประวัติความเป็นมา ทำดีไซจ์นให้เป็น เรทโร ที่มันแปลกกว่าชาวบ้าน ก็ไม่ผิด แต่เราควรมาดูที่งานออกแบบจะดีกว่า ดีไซจ์นต้องยอมรับว่าทุกคนเห็นทุกคนชอบ มีการครีเอทงานใหม่ๆ อาจารย์ป้องลองดูตรงเสา บี พิลลาร์ ตรงบริเวณครีบฉลาม มันดูตลก บางคนดูประหลาด แต่ผมดูว่ามันเป็นจุดขายได้ดี
ภัทรกิติ์ : เซกเมนท์ที่อาจารย์อภิชาติว่า เขาเรียกว่า พรีเมียมคอมแพคท์ น่าจะโอเคกว่า
อภิชาต : ใช้ได้เลย ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ป้องนะ
ภัทรกิติ์ : จุดเด่นของรถในเซกเมนท์นี้คือ การออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้ใช้สามารถสเปค
รายละเอียดในรถยนต์ได้ทั้งคัน อย่างหลากหลาย ต้องการหลังคาสีอะไร คอนโซลแบบไหน เบาะ
ล้อแมก หรือแม้แต่กุญแจก็สามารถเลือกสี และลายได้เลย (ไอเดียแบบนี้เริ่มต้นตั้งแต่รถ มีนี แล้ว)
ลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นคนที่เปิดกว้างทางความคิด ไม่ชอบอะไรที่จำเจ ชอบความไม่เหมือนใคร
ฟอร์มูลา : อาจารย์คิดว่าแนวคิดแบบนี้ เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภคหรือเปล่า
อภิชาต : ก็เป็นแนวทางที่แล้วแต่คนชอบ พรีเมียมคอมแพคท์ ต้นทุนมันสูงมากกว่าขายรถที่เป็นลักชัวรี เพราะรถ ลักชัวรี เขาจะมีเรื่องคุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ ดูง่ายๆ อย่าง มีนี ถ้าเป็นพลาสติคฉีดมา จะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าจะไปทำราคาแพงในตลาดซะอีก ผมมองว่า ในส่วนการออกแบบก็ดี หรือการดีไซจ์นก็ดี ที่แปลกแหวกแนว ถือเป็นจุดขายที่ดีมาก
ภัทรกิติ์ : คนที่จะซื้อรถพวกนี้ ไม่ได้ซื้อด้วยสมอง ซื้อด้วยหัวใจ ด้วยความรัก ซื้อด้วยสมองซีกขวาทั้งนั้น
ฟอร์มูลา : ดีไซจ์นภายในเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ภัทรกิติ์ : จริงๆ รถคันนี้ไม่ได้เล็กนะครับ ผมเคยจอดเทียบเคียงกับ เอาดี เอ 4 คันมันดูใหญ่กว่านะ แต่เราดูเหมือนคันเล็ก แต่ไม่เล็ก เป็นการดีไซจ์นแบบซ่อนรูป
อภิชาต : ถ้าถามถึงคู่แข่งของมันว่าเป็น มีนี ก็ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าเป็น เฟียต ผมว่ายังไม่สมน้ำสมเนื้อนะ เพราะน้ำหนักน้อยกว่า ถ้าเทียบกันต้อง มีนี กับ โฟล์คสวาเกน เท่านั้น โดยเฉพาะน้ำหนัก
ภัทรกิติ์ : ช่องแอร์ ดูแพงกว่าชาวบ้านนะครับ ใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง แต่ทำไม ไม่ใส่ใจในบางจุด
ตัวอย่าง เช่น เกียร์ เพราะดูโบราณแปลกๆ
ฟอร์มูลา : แผงหน้าปัดผมว่าดูแปลกนะครับ เขาคงจัดไว้สำเร็จแล้ว ว่าเบาะสีนี้ เหมาะกับรถสีนี้
ภัทรกิติ์ : ที่ต่างประเทศลูกค้าสามารถเลือกเองได้ทั้งหมด แต่พอเข้ามาในไทย เขาเลือกมาแล้วเลือกเองไม่ได้ ดูจากรูปมีช่องใส่น้ำหอมมาให้ด้วย
อภิชาต : ผมมองดูแล้ว ตรงรายละเอียดบริเวณหลังคา ดูยังไม่ลงตัว เมื่อเทียบกับ มีนี เพราะออกแบบลงตัวมากกว่า
ภัทรกิติ์ : เขาใช้สีช่วยเยอะแล้วนะ รถคันนี้ใช้การแต่งหน้าทาปากมาช่วย หลักๆ รถไม่มีอะไรใหม่ คนดีไซจ์นรายละเอียดเขาช่วยคิดออกแบบ ให้มันเก๋ ดูดีขึ้นเยอะ
ฟอร์มูลา : สรุปแล้วโดยรวม รถคันนี้เป็นไงบ้าง ?
อภิชาต : ผมเคยเห็นตัวจริง ภายนอก ผมว่าตัวเสาบี น่าสนใจ อย่างน้อยสุด คนจะชอบไม่ชอบ ผมว่าคนดีไซจ์นเขาตั้งใจทำ ถ้าออกแบบอีกครั้งอยากให้เขามีอะไรมากกว่านี้ อาจเพิ่มดีไซจ์นแปลกๆ ให้มากขึ้น ส่วนรายละเอียดเหมือนทั่วไป แต่การแยกสีต่างๆ น่าจะใส่ใจมากกว่านี้ บริเวณสีที่ต่างกันควรจะใส่ใจในรายละเอียด เส้นคัดลายมากกว่า ผมให้คะแนน มีนี มากกว่า ในเรื่องการออกแบบเพราะเขามีเม็ดเงินอยู่เท่านี้ แต่สามารถดีไซจ์นได้สวย เช่น แนวเส้นที่ตัดกัน เป็นต้น
ภัทรกิติ์ : จริงๆ ผมว่าคันนี้เขาพยายามแต่งหน้าทาปากให้ดูเก๋ไก๋
อภิชาต : คอนเซพท์โอเค แต่ผมว่ากระจกไม่พิถีพิถันเท่าไร ดีไซจ์นเส้นที่ตัดกัน ทำไปแล้ว แต่ต้องการสีหลังคาที่แตกต่างกันเลย ที่จริงแล้ว เหมือนกับลูกค้าที่ซื้อ นิสสัน มาร์ช แล้วพยายามแปลงมาร์ช ให้เป็น มีนี หรือ ซูซูกิ สวิฟท์ แปลงเป็น มีนี แนวเดียวกันเลยครับ
ภัทรกิติ์ : อาจารย์จะบอกว่า คันนี้เป็นอุบัติทางความคิด หลังจากที่รถมันเสร็จไปแล้ว
อภิชาต : เราไม่กล้าเอื้อมไปวิจารณ์ขนาดนั้นครับ...
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/84329