มุมมองนักออกแบบ
ซีรีส์ 6 คูเป บีเอมดับเบิลยู "โพสต์ เบงเกิล"
นับตั้งแต่ช่วงปลายยุค '70 ที่ผ่านมา บีเอมดับเบิลยู ได้ให้กำเนิดรถสปอร์ทคูเปนาม ซีรีส์ 6 ขึ้น ปัจจุบันเป็นเจเนอเรชันที่ 3 รุ่นนี้ใช้พื้นฐานของตัวคอนเซพท์คาร์ที่เผยโฉมไปแล้วในปีที่ผ่านมา และเป็นผลงานการออกแบบของหัวหน้าทีมคนใหม่ อาดเรียน ฟาน ฮุยดงค์ (ADRIAN VAN HOOYDONK) มาแทนเจ้าเก่าคนดัง คริส เบงเกิล (CHRIS BANGLE) ตั้งแต่ปี 2009 ดีไซจ์นของ ฮุยดงค์ จะถูกใจนักออกแบบของเราแค่ไหน จัดไปเลย !!!
ภัทรกิติ์ : ตัวนี้เรียกว่าเป็น โพสต์ เบงเกิล สไตล์ ซึ่งเป็นรูปร่างในมุมมองของ ฮุยดงค์ และทีมงานบริหารชุดหลัง ที่ต้องการจะมองหา บีเอม ฯ ที่มีความบริสุทธิ์แบบรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู แท้ๆ
อภิชาต : ผมว่า บีเอม ฯ เขาพยายามเล่นเส้นสายมากกว่า ส่วนหนึ่งคงพยายามมองตัวคอนเซพท์คาร์ จึงพัฒนามาเป็น ซีรีส์ 6 และ ซีรีส์ 7
ภัทรกิติ์ : ซีรีส์ 6 ไม่ได้ใช้พแลทฟอร์ม ซีรีส์ 7 แต่น่าจะไปทาง ซีรีส์ 5 มากกว่า คันนี้ดูธรรมดากว่า ซีรีส์ 6 ตัวที่เข้ามาก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก แนวคิด ซีรีส์ 6 ตัวที่แล้ว กับ ซีรีส์ 7 ของ เบงเกิล นั้น แนวคิดคล้ายกัน เป็นแมสส์เหมือนกัน ส่วนพวกเส้นพลิ้วไหว จะไปอยู่ใน ซีรีส์ เซด กันหมด
อภิชาต : อาจารย์จะบอกว่า คันนี้เป็นฝีมือของ คริส เบงเกิล
ภัทรกิติ์ : ครับ ความคิดผมนะ เพราะดูดีไซจ์นเรียบง่าย
อภิชาต : บอกว่า เขาไม่มายด์อยู่แล้วที่จะต้องทำยอดขายให้ได้มากที่สุด เขามองว่าเป็นรถอีกประเภทหนึ่งที่เน้น เอนจิเนียร์ มากกว่ายอดขาย
ภัทรกิติ์ : รถ บีเอมดับเบิลยู ทุกรุ่น เขาพยายามให้คนที่ขับได้ความรู้สึก ได้อารมณ์ แรงจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ เน้นความรู้สึกอารมณ์เป็นหลัก
อภิชาต : รูปลักษณ์ใน ซีรีส์ 6 คันนี้ ดูแล้วน่าสนใจ กระโปรงหน้ามีการแก้ปัญหาเทคนิค จากเอพิลลาร์ วิ่งมาจบที่โลโกแทบทั้งนั้น
ภัทรกิติ์ : เขามีหลักการดีไซจ์นให้เหมือนกับเป็นเสาปักอยู่ในน้ำ แล้วกระแสน้ำไหลผ่านคลื่นที่เกิดจากเสาต้นนั้นกระจายตัวออกไป นี่เป็นแนวคิดของเขา โดยสตาร์ทที่โลโก เป็นแนวคิดของการแหวกคลื่นธรรมชาติ
อภิชาต : ผมมองว่า มันทำให้รถคันนี้ดูมีความผสมผสานอยู่ในตัว ถ้าเราเป็นดีไซจ์เนอร์ เราจะชื่นชอบการดีไซจ์นแบบนี้ ถามอาจารย์ป้องว่า เคยเห็นดีไซจ์นรถ บีเอมดับเบิลยู แบบนี้ ในสมัย เบงเกิล หรือไม่ครับ
ภัทรกิติ์ : ไม่มีนะครับ
อภิชาต : ใช่ครับ คริส เบงเกิล เขาไม่ชอบ ตัวนี้น่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ ฮุยดงค์ พยายามแสดงออก
ภัทรกิติ์ : แต่รุ่นใหม่นี้ ดูประสบความสำเร็จ เอกลักษณ์ไฟ เดย์ไทม์ เขาดีไซจ์นให้เป็นลักษณะที่เรียกว่า ฮาโลริง (HALORING) ที่ยี่ห้ออื่นทำไม่ได้ ถ้าเป็น เเอลอีดี เอาดี เป็นต้นฉบับนำมาก่อน แต่ถ้าเป็นไฟฮาโล บีเอมดับเบิลยู เขาทำมานานแล้ว ตอนนี้เป็นฮาโลแบบ แอลอีดี แล้วด้วย
อภิชาต : ผมไม่ชอบ บีเอมดับเบิลยู สมัยก่อน ช่องว่างระหว่างกันชนหน้ากับหม้อน้ำ อยู่ห่างกันไม่เกิน 10 ซม. แต่ตอนนี้มันเกินเกือบฟุตแล้ว เพื่อความปลอดภัยหรือเปล่า
ภัทรกิติ์ : ลดต้นทุนหรือเปล่าครับ บริษัท ฯ ไม่อยากลงทุนอะไรสูง
อภิชาต : ตรงนี้ผมเถียงครับ มันไม่สมควรจะมี ตรงสัดส่วนของโลโก ไม่สมควรจะมีเส้นอะไรทั้งนั้น
ภัทรกิติ์ : อันนั้นเป็นความฝันของดีไซจ์เนอร์ครับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฝากระโปรงขนาดใหญ่ ขนาดนี้ ทั้งแพง แถมโดนชนที เคาะยากมาก รูปร่าง 3 มิติขนาดนี้ คงต้องเปลี่ยนกันชนไปเลย ประเด็นเรื่องของการชน ด้านหน้าทุกชิ้นเป็นวัสดุสังเคราะห์ทั้งหมด ไม่ใช่เหล็ก ซึ่งถ้าทำงุมลงมาด้านหน้าอาจจะสอบไม่ผ่านก็เป็นได้
อภิชาต : คำนึงถึงความปลอดภัยของคนในรถมากขึ้น
ภัทรกิติ์ : แต่ผมว่าน่าจะเป็นกฎหมายใหม่ที่ยุโรปมากกว่า ไม่เพียงคำนึงถึงความปลอดภัยของคนในรถเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความปลอดภัยของคนโดนชนด้วย ที่อาจารย์ไม่ชอบบริเวณ ฝากระโปรงต้องสูงขึ้นจากห้องเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้หัวฟาดฝากระโปรง มีคนเคยคิดให้ฝากระโปรงกระดกขึ้นด้วยเวลาชน
ฟอร์มูลา : บีเอมดับเบิลยู รุ่นใหม่ๆ ฝากระโปรงหน้าจะเป็นแบบนี้ทั้งหมด เริ่มมาตั้งแต่ซีรีส์ 7 ซีรีส์ 5 ซีรีส์ 6 ส่วน ซีรีส์ 3 ต้องรอตัวใหม่ ฝากระโปรงจะเป็นแบบนี้ด้วย
อภิชาต : ผมว่า บีเอมดับเบิลยู รุ่นใหม่ๆ ไม่จำเป็นจะต้องไปใส่พวกสปอยเลอร์ ก็สวยอยู่แล้ว เขาพยายามแก้ปัญหาของรุ่นที่แล้ว แต่รุ่นนี้เนียนกว่า ไม่เป็นก้อน ไฟท้ายก็ดี ดูรวมๆ แล้วโอเค
ภัทรกิติ์ : ภายในของ ซีรีส์ 6 รุ่นนี้ พูดตรงๆ ว่าเหมือนกับภายในของ ซีรีส์ 7 ซีรีส์ 5
ฟอร์มูลา : มองผ่านๆ เหมือนถอดแบบกันมาเลย
ภัทรกิติ์ : เป็นการผสมผสานการดีไซจ์นในทุกรุ่นไปแล้ว อาจจะมีความเป็นสปอร์ทมากกว่า เน้นที่ตำแหน่งคนขับมากกว่า เนื่องจากไม่มีอะไรไหลออกมาหาคนนั่งเลย ทุกอย่างตอบสนองคนขับ
อภิชาต : เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก มองจากภาพแล้ว คนนั่งไม่เห็นอะไรเลย เห็นแต่เนื้อวัสดุ ภายใน ผมว่าจบนะครับ สเกทช์เป็นไง ตัวจริงตามนั้นเลย ผมว่าทีมงานเขาดีไซจ์นได้ดีนะ แต่ภายในก็จะมีวนเวียนตามของเดิมอยู่บ้าง อย่างพวกลายไม้ เห็นปุ๊บจะรู้ทันทีว่านี่คือภายในของ บีเอมดับเบิลยู
ภัทรกิติ์ : แต่ภายในสมัยก่อน ก่อนยุค เบงเกิล จะไม่ได้ออกแบบในลักษณะนี้ จะเน้นตามบุคลิกของคนซื้อ แต่พอยุคหลัง แทบจะเรียกว่าหลงทางกันเลยทีเดียว ว่านี่เข้าไปอยู่ในซีรีส์อะไรกันแน่ เหมือนกันไปหมด ประทับใจว่ามันดี คือ ความรู้สึกทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ที่อาจารย์พูดก็ถูกนะ ถ้าจะให้เร้าใจ คันนี้ไม่เร้าใจ ไม่มีอะไรสดใหม่ เพราะถ้าคุณเคยขับ ซีรีส์ 5 ซีรีส์ 6 คุณจะคุ้นเคยเลย
อภิชาต : เหมือนเราซื้อบ้าน ดูรูปทรงบ้าน เราชอบไหม พอตัดสินใจเขาไปดูภายใน เราจะตัดสินใจซื้อเพราะภายในมากกว่า เออ...มันใช่เลย ภายนอกเป็นแค่การเรียกลูกค้าเข้ามา แต่การตัดสินใจซื้อน่าจะอยู่ที่ภายในมากกว่า รถยนต์ก็เหมือนกัน ถึงเป็นเศรษฐีมีเงินที่จะจ่ายเงินซื้อได้ ผมว่า ภายในน่าจะอะไรที่หวือหวามากกว่านี้ อีกนิด ถ้าธรรมดาๆ มันก็จะเป็นแค่พรีเมียมซีดาน
ภัทรกิติ์ : ผมว่าปัจจุบันนี้ บีเอมดับเบิลยู เข้าสู่ยุค คอนเซอร์เวทีฟ แล้วนะ ยุค คริส เบงเกิล เป็นยุคอวองต์การ์ด แต่เขากลัวว่าความคิดสร้างสรรค์จะหายไป ก็เลยมีรถอนุกรม ไอ มารองรับ มันคอร์พอเรทคนละเรื่องกันเลย ออกแบบได้เต็มที่ เหมือนไม่ใช่รถรถ บีเอมดับเบิลยู ทุกอย่างคนละแนวกับ บีเอมดับเบิลยู
ฟอร์มูลา : สรุปแล้ว รถคันนี้น่าสนใจไหมครับ
อภิชาต : คันนี้ผมไม่ชอบกันชนหน้า ด้านท้ายยกมาจาก ซีเอส บางจุด ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็พอรับได้ พวกเซอร์เฟศที่เพิ่มขึ้นมาประมาณ 20 ชม. ก็ไม่เลว ภายใน ยังคอนเซอร์เวทีฟ ไม่แตกต่างจากของเดิมเท่าไร เป็นบริษัท ฯ รถยนต์ที่ทำธีมได้ตื่นตาตื่นใจมาก
ภัทรกิติ์ : ธีมน่าตื่นตาตื่นใจ แต่วัสดุอีกเรื่องหนึ่ง มองด้วยตากินขาด พอสัมผัส แล้วยังไม่ได้ แต่ถ้าพัฒนาดีๆ จะเป็น เซด 4 ตัวใหม่ได้เลย
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/84158