วิถีตลาดรถยนต์
ของฝากจากญี่ปุ่น
โดยปกติของฝากจากประเทศญี่ปุ่นออกจะเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้รับเป็นยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นขนมต่าง ๆ ที่มีหีบห่อสวยสะดุดตา จนบางครั้งผู้รับแทบจะไม่อยากแกะกล่องออกดูของที่อยู่ข้างใน หรือจะเป็นเสื้อผ้า, เครื่องไฟฟ้า ฯลฯ แต่ของฝากจากญี่ปุ่นที่มีมาถึงเมืองไทยเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ไม่เป็นที่ถูกใจปลายทางเป็นอย่างมาก ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ โดยเฉพาะบริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่มีโรงงานประกอบอยู่ในเมืองไทยต้องสะดุดหยุดกึกไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากสาเหตุที่ขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญในการประกอบรถยนต์แต่ละรุ่น ที่หาซื้อขายจากซัพพลายเออร์ในต่างแดนได้
ในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ถึงแม้ โตโยตา จะมียอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทที่ลดลงถึง 48.3 % แต่ก็ยังเป็นยี่ห้อที่มีผู้เลือกไปใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 1 เหมือนเดิม โตโยตา จำหน่ายรถยนต์ทุกประเภทรวมกันได้ 13,111 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 23.5 % ขณะที่ อีซูซุ เจ้าพ่อรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มียอดจำหน่ายที่ตามหลังมาไม่ห่างนัก โดยจำหน่ายไปได้ 12,996 คัน ห่างจาก โตโยตา เพียง 100 กว่าคันเท่านั้นได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 23.3 % มิตซูบิชิ ที่ลอยตัวไม่โดนหางเลขจากญี่ปุ่น เพราะฐานการประกอบพิคอัพโยกย้ายมาอยู่เมืองไทย เดือนพฤษภาคมนี้มียอดจำหน่ายที่พุ่งพรวดสูงกว่าพฤษภาคมปีที่แล้วเกิน 1 เท่าตัวขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยยอดจำหน่ายรวม 6,996 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 12.5 % ขณะที่ นิสสัน ยังป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ในยี่ห้อยอดนิยมอันดับที่ 4 จำหน่ายรถทุกประเภทได้รวมทั้งสิ้น 5,719 คัน ส่วนแบ่งตลาดรับไป 10.2 % ส่วนรถยอดนิยมอันดับที่ 3 เดิม เดือนพฤษภาคมนี้หล่นมาอยู่ในอันดับที่ 5 เลยทีเดียวสำหรับ ฮอนดา อีกยี่ห้อหนึ่งที่ของฝากจากแดนไกลพ่นพิษเต็มๆ เพิ่งจะเปิดตัวรถใหม่ก็ต้องหยุดรับจอง ประกอบรถไม่ได้ เพราะขาดชิ้นส่วนหลัก เดือนนี้ยอดจำหน่ายจึงเหลือเพียง 3,822 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้วถึง 59.8 % ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6.8 % เท่านั้น
เมื่อดูที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ รวมตั้งแต่ต้นปี อันดับรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นยอดจำหน่ายที่สูงกว่าช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วทั้งสิ้น โตโยตา จำหน่ายได้มากที่สุด 130,652 คัน ส่วนแบ่งตลาด 36.1 % อีซูซุ 67,141 คัน ส่วนแบ่งตลาด 18.6 % ฮอนดา 41,333 คัน ส่วนแบ่ง 11.4 % นิสสัน 30,755 คัน ส่วนแบ่ง 8.5 % และมิตซูบิชิ 28,095 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.8 %
การปรับตัวที่ลดลงของพี่ใหญ่อย่าง โตโยตา และฮอนดา ส่งผลกระทบไปยังตลาดรถยนต์ประเภทต่างๆ โดยทั่ว ตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ยอดจำหน่าย วีโก ของ โตโยตา หดหายไปกว่าครึ่งจากยอดปกติที่เคยทำได้ในทุกเดือน ส่งผลให้พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ มียอดจำหน่ายรวมที่ลดลงจากเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว 3.9 % มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 24,017 คัน ในส่วนของ โตโยตา ยอดจำหน่ายที่ทำได้ ทำให้อันดับหล่นไปอยู่ที่ 2 ในเดือนพฤษภาคมนี้ อีซูซุ ขยับขึ้นเป็นแชมพ์ ยอดจำหน่ายเดือนพฤษภาคมจำหน่ายไปทั้งสิ้น 11,085 คัน ส่วนแบ่งตลาด 46.2 % โตโยตา จำหน่ายได้ 4,493 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 18.7 % อันดับที่ 3 เป็นผลงานที่เยี่ยมยอดของ มิตซูบิชิ จำหน่ายไปได้ถึง 3,977 คัน คิดเป็น 16.6 % ของตลาดทั้งหมด นิสสันเป็นอีกยี่ห้อหนึ่งในตลาดพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่มียอดจำหน่ายลดลงเมื่อเทียบกับพฤษภาคม ปีที่แล้ว จำหน่ายไปได้ 1,483 คัน ลดลง 16.7 % ได้ส่วนแบ่งตลาด 6.2 % สำหรับ เชฟโรเลต์ อยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยยอดจำหน่าย 936 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.9 %
และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ยอดสะสมของ อีซูซุ ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเช่นกัน โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม อีซูซุ จำหน่ายรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อไปแล้วทั้งสิ้น 56,872 คันมีส่วนแบ่งตลาด 37.6 % ขณะที่อันดับ 2 โตโยตา มีอยู่ 51,444 คัน ส่วนแบ่งตลาด 34.1 % มิตซูบิชิ อยู่ในอันดับ 3 ด้วยยอด 16,495 คัน ส่วนแบ่ง 10.9 % นิสสัน เป็นอันดับ 4 ขายได้ 10,211 คัน ส่วนแบ่ง 6.8 % อันดับ 5 เชฟโรเลต์ ขายได้ 4,188 คัน ส่วนแบ่ง 2.8 % ยอดรวมทั้งตลาดตั้งแต่ต้นปี 151,058 คัน สูงกว่าปีที่แล้ว 24.7 % งานหนักแน่สำหรับ โตโยตา ที่จะทวงตำแหน่งแชมพ์คืน ต้องดูว่า วีโก ตัวใหม่ ที่ออกมาในเดือนกรกฎาคม ซึ่งฉวยโอกาสออกจำหน่ายก่อน ดี-แมกซ์ ตัวใหม่ จะกอบโกยยอดจำหน่ายขึ้นมาแซงคว้าตำแหน่งแชมพ์ยอดจำหน่ายปีที่ 6 ได้หรือไม่
ส่วนรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ เดือนพฤษภาคม 7 ยี่ห้อในตลาดที่ประกอบด้วย โตโยตา, อีซูซุ, มิตซูบิชิ, นิสสัน, ฟอร์ด, เชฟโรเลต์ และมาซดา มียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 917 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว 36.6 % ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีมีทั้งสิ้น 6,738 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.0 %
รถเอสยูวี มิตซูบิชิ ยังคงแข็งแกร่งในตลาดนี้ ยึดอันดับที่ 1 ของเอสยูวียอดนิยมเป็นเดือนที่ 2 จำหน่ายไป 1,950 คัน เบิกบานกันไปทั้งคลองหลวง ปทุมธานี อันดับที่ 2 โตโยตา เช่นเดิม จำหน่ายไป 617 คัน ตามมาเป็นอันดับที่ 3 ด้วย อีซูซุ 459 คัน เชฟโรเลต์ ที่ในเดือนมิถุนายน ถึงเวลาแล้วสำหรับ แคพทีวา ใหม่จะโดนใจอย่างแรงหรือไม่ประการใด ต้องดูตัวเลขยอดจำหน่ายในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม แต่เดือนพฤษภาคมโมเดลปัจจุบันจำหน่ายไป 302 คัน อยู่ในอันดับที่ 4 ส่วน ฮอนดา อยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยยอดจำหน่าย ซีอาร์-วี 288 คัน ตลาดรถเอสยูวี มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 3,995 คัน ลดลง 8.0 % รวม 5 เดือน ตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคม 23,071 คัน เพิ่มขึ้น 10.8 %
รถเอมพีวี เป็นตลาดเดียวที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เดือนพฤษภาคม มียอดจำหน่าย 1,268 คัน เพิ่มขึ้น 33.8 % โตโยตา หายห่วงสำหรับตลาดนี้ ยังไงก็แชมพ์แน่นอน เดือนพฤษภาคม โกยยอดจำหน่ายไปอีก 813 คันขณะที่ดาวรุ่งพุ่งแรง ปโรตอน รั้งอันดับที่ 2 เหมือนเดิม จำหน่ายได้ 185 คัน ฮอนดา อยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยยอด 116 คัน มิตซูบิชิ อันดับ 4 ขายได้ 85 คัน และซังยง อยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยยอด 16 คัน
เดือนมิถุนายน ภาคการผลิตจะกลับมาเหมือนเดิม ประตูโชว์รูมของหลายบริษัทที่เคยปิดรับลูกค้าใหม่ในเดือนพฤษภาคม จะเปิดกว้างต้อนรับลูกค้าใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์กลับมาสู่สภาวะเดินหน้า สรุปยอดจำหน่ายประจำเดือนเป็นบวกหรือไม่ น่าลุ้นดีเหมือนกัน
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83978