ประกันภัย
ถอนใบอนุญาตประกันเน่าอีก 2 บริษัท
ตามที่เราได้พูดคุยกันมาตลอดถึงนโยบาย "ประกันภัยไทยเข้มแข็ง" ที่มีมาตรการที่เข้มข้นในการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้เอาประกันและผู้เสียหาย พร้อมๆ ไปกับมาตรการกำกับและส่งเสริมบริษัทประกันภัยที่ต้องมีกองทุนสำรองความเสี่ยงภัยในระดับที่กำหนดในแต่ละปี และมีมาตรการลงโทษบริษัทประกันภัย
ตัวแทน-นายหน้าประกันภัย ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ส่งผลให้มีการลงโทษปรับและถอดถอนใบอนุญาตทั้งบริษัทประกัน และตัวแทน-นายหน้า จำนวนมากเป็นประวัติการณ์ของวงการประกันภัยในรอบ 3-5 ปี
โดย ปี 2551 คปภ. สั่งปิดบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด ด้วยข้อหามีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินกว่า 700 ล้านบาท และโยกย้ายเงินออกไปจากบัญชีบริษัท ฯ อีกกว่า 400 ล้านบาท รวมหนี้การค้าอื่นๆ อีกเพียบ เบ็ดเสร็จต้องถูกศาลสั่งล้มละลายไป
ปลายปี 2553 บริษัท เอ.พี. เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ของกลุ่มทุน เอพีเอฟ จากญี่ปุ่น ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว ทำให้ตั้งรับการจัดระบบเงินกองทุนไม่ทัน และมีกระแสว่าเป็นการฟอกเงินอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ ท้ายสุดเมื่อจำเป็นต้องเพิ่มทุน กลุ่มทุนญี่ปุ่นไม่เพิ่มทุน และถอนทัพกลับญี่ปุ่น อ้างว่าเพราะผลพวงจากพิษเศรษฐกิจทั่วสหรัฐอเมริกาและยุโรปในช่วงปลายปี 2551 ผลก็เป็นอีกรายที่สังเวยถูก คปภ. สั่งปิดถาวร ด้วยสาเหตุขาดเงินกองทุน 200 ล้านบาทเศษ ทั้งๆ ที่กลุ่มทุนญี่ปุ่น เพิ่งใช้เงินซื้อ บริษัทแอ๊ดวานซ์ อินชัวรันส์ จำกัด ซึ่งเป็นกิจการเดิมมาจากกลุ่มเกษตรรุ่งเรือง ในราคา 150 ล้านบาท ไม่ถึง 3 ปีเท่านั้น
สดๆ ร้อนๆ ปี 2554 กระทรวงการคลัง ได้มีคำสั่ง ที่ 709/2554 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2554 เรื่อง เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด และคำสั่ง ที่ 708/2554 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2554 เรื่อง เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ขอสรุปข้อเท็จจริงกรณี 2 บริษัทล่าสุด ดังนี้
1. กรณีบริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด
บริษัท ฯ มีฐานะการเงินดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย โดยมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 จำนวน 65.78 ล้านบาท สำนักงาน คปภ. ในฐานะผู้กำกับดูแลบริษัทประกันภัยได้ให้บริษัท ฯ แก้ไขฐานะการเงิน แต่บริษัท ฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ นายทะเบียน ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 แห่ง พรบ. ประกันวินาศภัย พศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พศ. 2551 สั่งให้บริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553 ซึ่งต่อมาบริษัท ฯ ได้ประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ทำให้ฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 บริษัท ฯ มีเงินกองทุนครบถ้วนตามกฎหมาย แต่บริษัท ฯ ยังคงขาดสภาพคล่องเป็นจำนวนมาก ทั้งไม่สามารถชำระหนี้สินและค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนตามสัญญาประกันภัยได้ ซึ่ง คปภ. ได้ให้โอกาสบริษัท ฯ ในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ค้างคา เป็นระยะเวลานานพอสมควร หากแต่บริษัท ฯ ก็ไม่มีความคืบหน้า กลับมีจำนวนค่าสินไหมทดแทนค้างจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ถึงขั้นที่เรียกได้ว่า ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง โดยบริษัท ฯ มีค่าสินไหมทดแทนค้างจ่าย จำนวนสูงถึง 232.05 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด ยังคงดำเนินกิจการต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน อาศัยอำนาจตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2554
2. กรณีบริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท ฯ มีการลงทุนประกอบธุรกิจอื่นโดยฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด มีการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของบริษัท ฯ ให้แก่บุคคลภายนอกโดยมิชอบ และทำธุรกรรมทางการเงินที่ตามปกติวิสัยของผู้ประกอบธุรกิจไม่พึงกระทำ บริษัท ฯ จึงมีการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ คปภ. อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 แห่ง พรบ. ประกันวินาศภัย พศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พศ. 2551 สั่งให้ บริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2554
สำนักงาน คปภ. ในฐานะผู้กำกับดูแลบริษัทประกันภัยได้ให้บริษัทแก้ไขฐานะการเงิน แต่บริษัท ฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ บริษัท ฯ ยังคงดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย จัดสรรทรัพย์สินไม่เพียงพอกับหนี้สินและภาระผูกพันต่อเจ้าหนี้ของบริษัท ฯ ซึ่งมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน ณ วันที่ 31 มกราคม 2554 จำนวน 24.61 ล้านบาท ทั้งได้พบว่า ผู้บริหาร หรือผู้บริหารร่วมกับบุคคลอื่นกระทำการอันมิชอบ เป็นเหตุให้สินทรัพย์ของบริษัท ฯ สูญหายเป็นจำนวนมาก โดยเบื้องต้นผู้บริหารของบริษัท ฯ รับว่าจะนำสินทรัพย์มูลค่าจำนวน 116.86 ล้านบาทคืนกลับมาเป็นของบริษัท ฯ โดยนำฝากประจำไว้กับสถาบันการเงิน ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2554 และบริษัท ฯ รับทราบว่า คณะกรรมการ คปภ. มีมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554 เห็นชอบให้สำนักงาน คปภ. เสนอเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยทันที หากบริษัท ฯ ไม่ดำเนินการตามคำมั่นที่ให้ไว้ และเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาบริษัท ฯ ก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ บริษัท ฯ ยังคงมีฐานะการเงินหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย หรือประชาชน อาศัยอำนาจตามมาตรา 59 แห่ง พรบ. ประกันวินาศภัย พศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2554
สำหรับมาตรการในการรองรับหลังการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด และบริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ในครั้งนี้คาดว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทประกันวินาศภัยอื่นๆ โดย สำนักงาน คปภ. ได้รับความร่วมมือจากบริษัทประกันภัยให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย ในกรณีกรมธรรม์ที่ยังมีระยะเวลาคุ้มครองเหลืออยู่ ให้ทำประกันภัยกับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือ โดยสามารถซื้อความคุ้มครอง 1 ปี แล้วบริษัทประกันภัยจะขยายระยะเวลาความคุ้มครองเพิ่มเติมให้เท่ากับระยะเวลาประกันภัยที่เหลืออยู่ตามกรมธรรม์ประกันภัยเดิม หรือบริษัทประกันภัยอาจให้ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาคุ้มครองที่เหลืออยู่ โดยผู้เอาประกันภัยจะต้องโอนสิทธิที่จะได้รับเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่เหลือจากผู้ชำระบัญชี กองทรัพย์สินของบริษัทในคดีล้มละลาย หรือจากกองทุนประกันวินาศภัยให้แก่บริษัทที่รับประกันภัยใหม่ สำหรับรายชื่อบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย สอบถามได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186 หรือสามารถดูได้จากเวบไซท์ของสำนักงาน คปภ. (www.oic.or.th)
สำหรับผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยของบริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด และบริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ให้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชี และกองทุนประกันวินาศภัย ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่กองทุนประกันวินาศภัยออกประกาศ โดยให้นำเอกสารต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 2 ชุดประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ ดังนี้ กรมธรรม์ประกันภัย บัตรประจำตัวประชาชน ใบเคลม ใบนัดชำระหนี้ หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงถึงมูลหนี้ หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล) หากไม่สามารถมายื่นได้ด้วยตนเอง จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมกับสำเนาบัตรประชาชน ผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจยื่นต่อผู้ชำระบัญชีของบริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด หรือ บริษัท วิคเตอรี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ได้ตามสถานที่ดังต่อไปนี้
ส่วนกลาง ยื่นได้ 3 แห่ง ดังนี้
(1) สำนักงาน คปภ. เลขที่ 22/79 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
(2) สำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ เลขที่ 287 ซอยรัชดาภิเษก 6 ถนนรัชดาภิเษก ท่าพระ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
(3) สำนักงาน คปภ. เขตบางนา เลขที่ 1/16 อาคารบางนาธานี ชั้น 8 ถนนบางนาตราด กม. 3 แขวง/เขตบางนา กรุงเทพมหานคร
ต่างจังหวัด ยื่นที่ สำนักงาน คปภ. ภาค และสำนักงาน คปภ. จังหวัดทั่วประเทศ สำหรับเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชี ณ สถานที่และภายในเวลากำหนด เช่นเดียวกับเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย พร้อมทั้งนำเอกสารแสดงความเป็นเจ้าหนี้ ต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนาจำนวน 1 ชุด ประกอบการขอยื่นชำระหนี้ ดังนี้ หลักฐานแสดงถึงมูลหนี้ บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล) หากไม่สามารถมายื่นได้ด้วยตนเอง จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ
อนึ่งปัจจุบันมีกองทุนประกันวินาศภัย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเจ้าหนี้ ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย ในกรณีที่บริษัทล้มละลาย หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตโดยเจ้าหนี้ ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากสัญญาประกันภัย จะต้องไปขอรับชำระหนี้จากผู้รับชำระบัญชี และ/หรือ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายก่อน หากจำนวนเงินที่ได้รับชำระหนี้จากบริษัท ฯ (ผู้ชำระบัญชี และ/หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์) มีไม่เพียงพอ เจ้าหนี้ดังกล่าวมีสิทธิได้รับชำระหนี้ส่วนที่ขาดจากกองทุน ฯ แต่รวมกันทุกสัญญาแล้ว ไม่เกิน 1 ล้านบาท/ราย
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83883