ใบไม้แล่นได้

คนที่เป็นนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ มักจะเป็นคนที่มีจินตนาการเดียวกันกับคนที่เขียนมันขึ้นมา หลายครั้งคนอ่านกับคนเขียนมีอารมณ์ร่วมกัน เห็นถึงยานในอนาคตต่างๆ ที่เหาะเหินไปบนฟ้า แล่นไปบนดิน หรือดำดิ่งลงไปในน้ำ   และไม่น่าเชื่อว่า อีกไม่นานต่อมา ยานเหล่านั้น ก็สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ จากจินตนาการกับความมุ่งมั่นของมนุษย์จึงทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น และคนที่เป็นผู้สร้าง ก็สมควรได้รับคำขอบคุณ และการยกย่องชมเชย   ใครๆ จะนึกถึงว่า เวลาของการขับรถยนต์ ที่ไม่มีท่อไอเสียได้มาถึงแล้วในยุคของเรานี้ น่าขอบคุณ นิสสัน กับความมุ่งมั่นของ การ์โลส โกส์น   นิสสัน อีวี ลีฟ ได้ชื่อว่าเป็นยี่ห้อแรก ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ไม่ได้ใช้พลังงานอื่นมาผสมปนเปเลย เป็นรถที่ผลิตออกมาสำหรับตลาดผู้บริโภคแท้ๆ มิใช่รถของบริษัท หรือองค์กร รถคันนี้ แม้จะยังมีอะไรให้ติติงอยู่บ้าง แต่ก็มีชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์แล้วล่ะ   นี่เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์วงการรถยนต์ที่มนุษย์ขับไปไหนต่อไหน โดยมันไม่ปล่อยมลพิษออกมา   ปลายปีที่แล้วตลาดในสหรัฐอเมริกา ลีฟ กับ โวลท์ ซึ่งเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ออกมาสู่ตลาดในเวลาใกล้เคียงกัน เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่ออกมาชนกันตรงๆ ราคาก็พอๆ กัน แต่เจ้า โวลท์ นั้นไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นลูกผสมที่มีเครื่องยนต์ใช้เชื้อเพลิงขนาดเล็กไว้ชาร์จแบทเตอรี ซึ่งถือว่าสะดวกมาก ด้วยเหตุนี้ จึงดูเหมือนว่ามีคนนิยมเหนือกว่า ลีฟ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ทำให้การผลิต ลีฟ ประสบปัญหากับความล่าช้า แม้ว่า ลีฟ จำนวน 600 คันได้ถูกส่งไปยังตลาดในสหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม   ภายใน ลีฟ สมกับเป็นรถพลังงานไฟฟ้า มันมีอุปกรณ์ที่ชวนให้นึกถึงนิยาย ไซไฟ เช่น ปุ่มขับ ขณะจอดรถจะมีไฟสีฟ้าขึ้น ระบบนำทาง บอกที่อยู่ของคุณ ด้วยภาพกราฟิคบนแผนที่ มีตัวหนังสือระบบดิจิทอลบอกว่ายังเหลือระยะทางอีกเท่าไรที่คุณต้องไป   เจ้าของสามารถตั้งพโรแกรมไว้ล่วงหน้าให้เปิดฮีเตอร์รอไว้ อาจจะ 10 นาทีก่อนที่คุณจะก้าวขึ้นรถ ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเหน็บหิมะตกปรอยอยู่ภายนอก   หน้าปัดพลาสติค ที่นั่งบุผ้าปรับเอนได้ ตรงนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ แต่ก็มาพร้อมกับบลูทูธ อุปกรณ์นำทาง ปุ่มเปิดหน้าต่างด้วยระบบเพาเวอร์   ใช้มอเตอร์กระแสไฟเอซี 80 กิโลวัตต์ ติดตั้งแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง ตัวเลขอ้างถึงการประหยัดพลังงานที่เทียบได้กับ 35.05 กม./ลิตร ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะบอกไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่ได้ใช้น้ำมัน ความเร็วอยู่ระหว่างประมาณ 160 กม./ชม.   ประเด็นที่ไม่ควรลืม คือ แม้จะเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า แต่ก็มีความร้อนได้เหมือนกัน ในอากาศที่หนาวเยือก เมื่อเปิดฮีเตอร์มันก็ใช้พลังงานมากเอาการ ดังนั้นผู้ขับขี่ก็อาจจะเลือกใส่เสื้อโคทให้หนาๆ เข้าไว้ และใส่ถุงเท้าหนาๆ ให้ร่างกายอบอุ่น เพื่อประหยัดพลังงาน ที่จริงอากาศหนาวเช่นนี้ ไม่ดีต่อความคงทนของแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนสักเท่าไร   แล้วก็มาถึงปัญหาที่ทุกคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ถ้าจะเป็นเจ้าของรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสักคัน จะมีอะไรเสียอีก นอกจากเรื่องที่ชาร์จแบทเตอรี ซึ่งถ้ารักจะขับ ลีฟ กันจริงๆ เจ้าของรถก็จะต้องติดตั้งที่ชาร์จแบทเตอรี 240 โวลท์ ไว้ภายในโรงรถ ซึ่งการชาร์จครั้งหนึ่งๆ กินเวลา 8 ชั่วโมง ต้องสังเกตดูด้วยว่าค่าไฟฟ้าที่บ้านคุณพุ่งไปเท่าไร แล้วเอาเงินที่คุณเคยจ่ายค่าน้ำมันไปโปะแต่โดยดี สำหรับคนที่จะขับแบบประเดี๋ยวประด๋าว ทดลองดูวันสองวันก็พอจะรู้ ก็สามารถเข้าไปที่สถานีให้บริการชาร์จแบทเตอรีที่เรียกว่า ควิค พาร์ค ไว้บริการ จากข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของ ลีฟ ผู้ทดลองขับรายงานว่าหลังจากที่แล่นไป 53.1 กม. จะต้องกลับไปชาร์จอีก 16 ชม. แบทเตอรีถึงจะเต็ม อยากจะขับรถไฟฟ้า ก็จะต้องอดทนกันหน่อย   จะว่าไปรถ นิสสัน ลีฟ นี่เหมาะกับคนที่อยู่นอกเมือง ที่มีพฤติกรรมการขับขี่ในแต่ละวันคงที่สม่ำเสมอ เช่นใช้เวลาขับเข้าเมืองครั้งละครึ่งชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมงอะไรแบบนี้ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้มือถือ ที่ว่าทุกคืนคุณต้องชาร์จแบทเตอรี ซึ่งถ้าคืนไหนลืมชาร์จ วันรุ่งขึ้นคว้ามันออกจากบ้าน โดยไม่มีแบทเตอรี ก็ย่อมจะหงุดหงิดเป็นธรรมดา   เมื่อตอนที่ โตโยตา ปรีอุส รถไฮบริดเข้ามาขายในเมืองไทย มันขายดีแบบเทน้ำเทท่า นั่นเป็นเพราะในราคาล้านกว่า คนที่ซื้ออยากได้ชื่อว่าเป็นคนที่เอาใจใส่สิ่งแวดล้อม สำหรับนิสสัน ลีฟ นี่ก็เช่นกัน คนที่ซื้อมาขับก็อยากจะได้ชื่อว่า ก้าวล้ำนำหน้าเหนือกว่าคนขับไฮบริด เพราะมันใช้ไฟฟ้าทั้งคัน และไม่มีวันปล่อยมลพิษแม้แต่นิดเดียว   แถมคุยทับเพื่อนๆ ได้แล้ว