ระหว่างเพื่อน
ราชวงศ์วินด์เซอร์
ราชวงศ์วินด์เซอร์ คือ ราชวงศ์ในปัจจุบันของสหราชอาณาจักรบริเทนใหญ่ และไอร์แลนด์เหนือ ปฐมราชันคือ พระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงสถาปนาพระราชวงศ์ขึ้นในวันที่ 17 กรกฏาคม 1917 เป็นการเปลี่ยนแปลงจากราชวงศ์เดิมเยอรมัน "แซกซ์-โคบวร์ก-โกธา" มาเป็นสหราชอาณาจักร "วินด์เซอร์"
และเมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาสอ่านหนังสือเรื่อง "พระราชินีนาถวิคทอเรีย" ซึ่งพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต หรือ "ว. ณ ประมวญมารค" ทรงประพันธ์ก็ทราบว่า พระราชวงศ์อังกฤษในปัจจุบันสืบเนื่องโดยตรงมาจากพระราชินีนาถวิคทอเรีย พระองค์นี้
พระราชินีนาถวิคทอเรีย ทรงครองราชสมบัติในปี 1837 และสิ้นสุดในปี 1901 ต่อด้วยรัชสมัยของพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 7 พระราชโอรสครองบัลลังก์ระหว่างปี 1901 จนถึงปี 1910
พระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชโอรสพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 7 ขึ้นเสวยราชย์ในปี 1910 จนถึงปี 1936
พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8 ครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม 1936 แต่ได้สละราชบัลลังก์ให้พระเจ้าจอร์จที่ 6 สมเด็จพระอนุชา ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน รัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 6 จึงเริ่มต้นในปี 1936 จนถึงปี 1952 อันเป็นปีที่พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระราชธิดาองค์ใหญ่เสวยราชย์ขณะมีพระชนมายุ 26 พระชันษา เริ่ม ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1952 สืบเนื่องมาถึงวันนี้
พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุคออฟเอดินบวร์ก เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1947 ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ มีพระราชโอรส และพระราชธิดา 4 พระองค์ คือ
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พรินศ์ออฟเวลส์ ประสูติเมื่อ 14 พฤศจิกายน 1948 รัชทายาทลำดับที่ 1 เจ้าหญิงแอนน์ ประสูติในปี 1950 เจ้าชายแอนดรูว์ ประสูติในปี 1960 และเจ้าชายเอดเวิร์ด ประสูติปี 1964
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พรินศ์ออฟเวลส์ ทรงเสกสมรสกับเลดีไดอานา สเปนเซอร์ เมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม ปี 1981 ณ มหาวิหารเซนท์ พอล วัดซึ่งสร้างโดย คริสโตเฟอร์ เรน และเป็นผู้สร้างพระราชวังเคนซิงทันด้วย
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พรินศ์ออฟเวลส์ และไดอานา พรินเซสส์ออฟเวลส์ มีพระโอรส 2 พระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 2 ประสูติในปี 1982 และเจ้าชายเฮนรี ออฟเวลส์ (ซึ่งเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่า เจ้าชายแฮร์รี) รัชทายาทลำดับที่ 3 ประสูติเมื่อปี 1984 นับเป็นพระราชนัดดาองค์ที่ 4 ของพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
นี่คือที่มาแห่งเทพนิยายรักร่วมสมัยระหว่างเจ้าชายวิลเลียม กับ เคท มิดเดิลทัน ซึ่งทั้งสองได้เข้าพิธีเสกสมรส ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา นับเป็นห้วงเวลาห่างจากพิธีเสกสมรสของเจ้าชายชาร์ลส์ พระบิดากับเลดี ไดอานา พระมารดาถึง 30 ปี
หลังพิธีเสกสมรสแล้ว พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้พระราชทานพระยศให้ เจ้าชายวิลเลียม เป็นดยุคออฟแคมบริดจ์ และ เคท มิดเดิลทันเป็น ดัชเชสส์ออฟแคมบริดจ์
พระยศดังกล่าวได้รับการมองจากสื่อเมืองผู้ดีว่า เป็นเพราะดยุคออฟแคมบริดจ์ที่ 2-เจ้าชายจอร์จพระราชนัดดาของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ก็เข้าพิธีเสกสมรสกับสาวสามัญชนเช่นกัน ในขณะที่เจ้าชายวิลเลียมนับเป็นดยุคออฟแคมบริดจ์ที่ 3
ส่วนดยุคออฟแคมบริดจ์ที่ 1 คือ เจ้าชายอโดลฟัส ฟเรเดอริค ซึ่งมีพระโอรสองค์เดียว ก็คือ เจ้าชายจอร์จ
นอกจากเจ้าชายวิลเลียมได้พระยศเป็นดยุคออฟแคมบริดจ์แล้ว ยังได้พระยศเป็น เอิร์ลออฟสตราเธิร์น และบารอนคาร์ริคเฟอร์กัส เป็นผลให้ดัชเชสส์ออฟแคมบริดจ์ได้พระยศเป็น เคาน์เตสออฟสตราเธิร์นและบารอนเนสส์คาร์ริคเฟอร์กัส
หลังการสิ้นพระชนม์ของไดอานา พรินเซสส์ออฟเวลส์ในปี 1997 พระชายาใหม่ของเจ้าชายชาร์ลส์คือ ดัชเชสส์ออฟโคร์นวอลล์
พิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม กับเคท มิดเดิลทัน ในโบสถ์มีบุคคลสำคัญทั่วโลกได้รับเชิญ ทั้งเป็นการเชิญโดยตรงจากพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และจากเจ้าชายวิลเลียม กับเคท ปรากฏว่าเจ้าชายวิลเลียม ทรงเชิญอดีตเพื่อนหญิงทั้ง 4 ราย ในขณะที่ เคท ก็เชิญอดีตเพื่อนชายอีก 2 รายมาร่วมพิธี งานนี้เป็นเรื่องเอนจอยสื่อเมืองผู้ดีอย่างไม่อั้น
หนังสือ สืบราชสมบัติ พระนิพนธ์ของ น.ม.ส. ตอนหนึ่งบันทึกว่า
"ปริ้นเซสอเลกซานดรินาวิกตอเรีย ซึ่งภายหลังได้เสวยราชย์ ทรงพระนามว่า ควีนวิกตอเรียนั้น เป็นพระธิดาของดยู้กออฟเก็นต์ พระราชโอรสของพระเจ้าจอชที่ 3 รองพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 แลข้อที่ว่าดยู้กออฟเก็นต์เป็นพระราชอนุชาผู้ใหญ่ของพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 เมื่อพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 สิ้นพระชนม์ ด้วยมิได้มีพระราชโอรสหรือธิดาสืบตระกูลของพระองค์ ราชสมบัติก็ต้องตกแก่พระราชอนุชาองค์ใหญ่คือ ดยู้กออฟเก็นต์ตามลำดับ แต่ดยู้กออฟเก็นต์สิ้นพระชนม์เสียก่อนพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ราชสมบัติจึงได้แก่พระธิดาของพระอนุชาองค์ใหญ่คือ ควีนวิกตอเรีย พระธิดาของดยู้กออฟเก็นต์"
เกี่ยวกับพระราชินีนาถวิคทอเรียนี้ "ว. ณ ประมวญมารค" ยังได้อธิบายเพิ่มเติมในหนังสือ "พระราชินีนาถวิกตอเรีย" ด้วยว่า
"ควีนวิกตอเรียประสูติเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1819 ที่พระราชวังเคนซิงตัน พระมารดาเป็นเจ้าหญิงเยอรมันทรงพระนามว่า วิกตอเรีย แมรี หลุยส เป็นแม่หม้ายของปรินซ์ชาลส์เจ้าผู้ครองนครไลนิงเง่น (Leiningen) เป็นธิดาองค์ที่ 4 ของฟรานซิส ดยู้กผู้ครองนครซักส์-โคบวก-ชาลแฟลด์ เป็นพระพี่นางของพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 1 แห่งประเทศเบลเยี่ยม"
เมื่อทรงเสกสมรสกับเอดเวิร์ด ดยุคออฟเคนท์แล้วก็ประทับอยู่ด้วยกันที่อโมร์บัค (AMORBACH) ใกล้ไลนิงเจนในเยอรมนี
เมื่อดัชเชสส์ทรงพระครรภ์ดยุคจึงตกลงพระทัยจะเสด็จกลับประเทศอังกฤษ เพราะพระโอรส หรือพระธิดาที่จะประสูติ มีสิทธิ์ที่จะสืบราชสมบัติอันดับที่ 5 จึงสมควรที่จะประสูติในประเทศอังกฤษ
ดังนี้แล้ว ดยุค จึงกู้เงินสำหรับเดินทาง เช่ารถม้าพาดัชเชสส์ผ่านดินแดนประเทศต่างๆ หลายประเทศ ข้ามทะเลกลับมาประเทศอังกฤษ เพื่อจะให้พระธิดาประสูติที่พระราชวังเคนซิงทัน อันเป็นสถานที่ซึ่งทางราชการอังกฤษจัดถวายเป็นที่ประทับ
เมื่อเจ้าหญิงอเลกซานดรินาวิกทอเรียมีพระชนมายุเพียง 8 เดือน พระบิดาก็ประชวรสิ้นพระชนม์ ในปีเดียวกันนั้นพระเจ้าจอร์จที่ 3 ก็สิ้นพระชนม์ลง พรินศ์ รีเจนจึงครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าจอร์จที่ 4
ดยุคออฟเคนท์พระบิดาของเจ้าหญิงวิคทอเรีย มีหนี้สินทิ้งไว้มากมาย ดัชเชสส์ทรงได้รับความลำบากพระทัยเป็นอันมาก เกือบจะพาพระธิดาหลบไปจากประเทศอังกฤษ แต่โชคดีที่ทรงได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากเจ้าชายเลโอโพลด์ พระอนุชา ซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ในประเทศอังกฤษ (ยังมิได้เป็นพระเจ้ากรุงเบลเยียม)
ดัชเชสส์จึงสามารถประทับอยู่ต่อไปที่พระราชวังเคนซิงทันอย่างเงียบๆ ได้ ทรงเลี้ยงพระธิดามาอย่างเข้มงวดมาก เข้มงวดจนเกินไป แต่ที่ประหลาดที่สุด ก็คือ ดัชเชสส์ทำพระองค์เป็นศัตรูกับพระญาติสนิทของสามีทุกพระองค์ รวมทั้งคนสำคัญทุกคนในประเทศอังกฤษด้วย แม้พระเจ้าแผ่นดิน หรืออัครมหาเสนาบดีก็ไม่ได้รับการยกเว้น
ควีนวิคทอเรียทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ท พระโอรสองค์ที่ 2 ของดยุคแอนซ์ หรือเออเนสส์ ผู้ครองนคร แซกซ์-โคบวร์ก-โกธา มีพระราชโอรสด้วยกัน 4 พระองค์ พระราชธิดา 5 รวม 9 พระองค์ โดยที่ทุกพระองค์ได้ทรงเสกสมรสทั้งหมด และต่างก็ทรงมีพระโอรสธิดาองค์ละมากๆ ควีนจึงมีพระราชนัดดา คือ หลานย่าหลานยายถึง 32 พระองค์ มีพระราชปนัดดาหรือเหลนถึง 78 พระองค์ ลูกของเหลน หรือ "ลื่อ" อีก 102 และหลานของเหลนอีก 50
ดังนี้ พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งประเทศอังกฤษ และเจ้าชายฟิลิพ ดยุคออฟเอดินบวร์ก พระราชสวามี ต่างก็เป็นลูกของเหลน หรือ ลื่อ ของควีนวิคทอเรียด้วยกันทั้ง 2 พระองค์ อนึ่งในปี 2012 ที่จะมาถึง นับเป็นปี พัชราภิเษก DIAMOND JUBILEE การครองราชย์ครบรอบ 60 ปีของพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ด้วย
เรื่องโดย : "สยาม เมืองยิ้ม"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ระหว่างเพื่อน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83506