ร่มไม้ชายศาล
"รับฝากของ !!"
คนบ้านเรานั้น จัดอยู่ในประเภท "รายได้ต่ำ รสนิยมสูง" ตัวอย่าง คือ การใช้รถยนต์ แพงมหาโหดเพราะภาษีที่โดนรีดแต่ต้นทาง เพื่อให้นักการเมืองเอาเงินไปยำ เอ๊ย...ไปใช้ แต่เราก็ก้มหน้าก้มตา ซื้อได้ซื้อดี ไม่เกรงใจค่าเงินบาทที่อ่อนด้อยกว่าประเทศผู้ผลิตแม้แต่น้อย รุ่นเลิศแค่ไหน ราคาเท่าไร ก็ซื้อได้
เรายังซื้อรถสไตล์แฟชัน คือ เลือกสวยในความรู้สึกของตนก่อนเพื่อน ออพชันของเล่น ต้องเพียบการขับขี่ดีไม่ดีเป็นเรื่องทีหลัง พอมีรุ่นใหม่ออกมา เห็นว่ารถของเราไม่สวยซะแล้ว มองมุมไหนก็ไม่ถูกใจ ครับเน้นเรื่อง "สวย" อย่างที่บอก แม้ยี่ห้อเดียวกัน รุ่นใกล้ๆ กัน ที่ซื้อมายังใช้ได้อีก 5 ปี 7ปีสบายๆ แต่ทนไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเอาไอ้ที่สวยโดนใจ เงินทองจะมีไม่มี ดิ้นรนจนได้
อีกอย่าง เดี๋ยวนี้คนไทยนำสมัย ชอบใช้รถเกียร์อัตโนมัติมากขึ้น โดยเฉพาะรถเก๋ง ส่วนใหญ่ไม่คบเกียร์ธรรมดาแล้วล่ะ รถกระบะก็เช่นกัน หันไปใช้เกียร์อัตโนมัติเป็นแถว เชื่อไหม ที่เมกะหนึ่งในเจ้ายุทธจักรเรื่องรถยนต์ ผลิตออกมาขายก่อนใครในโลก พัฒนารถเกียร์อัตโนมัติมาไม่น้อย แต่คนที่นั่นแปลก ยังทู่ซี้ใช้รถเกียร์ธรรมดาซะส่วนมาก รถเก๋งก็เช่นกัน ผมเห็นแล้วงง อดถามไม่ได้
ยูทำไมยอมเมื่อยขาเมื่อยแขนกับการเปลี่ยนเกียร์รถขนาดนั้น ไอไม่เข้าใจเลยน่ะ จอร์จ
พอโดนไต่สวนแบบไม่ได้ตั้งตัว ฝรั่งเป็นงงเหมือนกัน หลังจากนิ่งคิดอยู่อึดใจ จึงแถลงออกมาว่า
ไอไว้ใจเกียร์ธรรมดามากกว่า ไม่เสียง่าย ถ้ามีปัญหายูรู้ไหม ค่าแรงบ้านไอมันโหดมากๆ ก็แค่นี้ละมั้ง
จากคำตอบแสดงว่า ฝรั่งให้พวกเราเป็นหนูทดลองยา ด้วยการใช้รถเกียร์อัตโนมัติ ผลิตขึ้นมาแท้ๆ แต่ไม่ไว้ ใจว่ามันจะทนทานแค่ไหน เลยทนใช้เกียร์ธรรมดาซะนี่ เออ ช่างเป็นไปได้
เชื่อไหม หลังจากคุยกับผมเรื่องความสะดวกสบาย บอกเขาด้วยว่ารถที่บ้านไอใช้เกียร์อัตโนมัติมาตลอด ไม่เห็นมันจะยุ่งยากอะไรนักหนา ถ้ารู้จักดูแลให้ดี ขายรถไปแล้วเกียร์ยังปกตินี่นา ไม่ช้าไม่นานพี่แกขายรถ มาซดา 6 เกียร์ธรรมดาทิ้งไป หันไปซื้อ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ป้ายแดง เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 6-7 แสนบาท (ว้าว...ถูกมากๆ) มาใช้โดยไม่ลังเล แล้วยิ้มแป้น บอกว่าสบายจัง ผจญหิมะได้ด้วย
นี่คือเรื่องแปลกอย่างหนึ่งของอเมริกันชนและฝรั่งที่อื่นอีกด้วย อียังปักใจเชื่อ และเลือกใช้รถเกียร์ธรรมดาซะเป็นพื้น ทั้งๆ ที่ประเทศกว้างใหญ่ไพศาล จากฝั่งมหาสมุทรแอทแลนทิคยาวเหยียดไปจรดฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค นั่งเครื่องบินยังรากงอก มีถนนให้ขับยาวเหยียด แต่ยอมเมื่อยกับการเหยียบ
คลัทช์เปลี่ยนเกียร์ซะงั้นแหละ เอเมน มาว่ากันด้วยคดีความอย่างเคย
เป็นเรื่องของการไปโน่นมานี่แล้วรับฝากของ ซึ่งโลกทุกวันนี้ทำให้คนเราใจแคบและต้องระมัดระวัง เช่น การเดินทางไปเมืองนอก เจ้าหน้าที่ทุกประเทศจะเตือนให้หลีกเลี่ยงการรับฝากข้าวของ จะซักไซ้เรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะของที่รับฝากถือว่า อันตราย อาจเป็นของต้องห้ามยาเสพติด ที่สยองชวนขนหัวลุก คือ ระเบิด ไงพี่น้อง ยิ่งโดยสารเครื่องบินยิ่งสยองขนาดหนักเลยล่ะพี่
งานนี้ นายดวงดี ก็รับฝากกระเป๋าใบย่อมๆ จาก นางหอมกรุ่น นำมาในรถยนต์ของตัวเอง ระหว่างเดินทาง เจอด่านเจอตำรวจตรวจค้น ปรากฏว่ามีห่อยาบ้า แกะออกมานับได้ตั้ง 4 พันกว่าเม็ด เนื้อยาบ้าหนักกว่า 100 กรัม จำนวน และน้ำหนักยาบ้าขนาดนี้ เอาผิดข้อหามียาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้ทันที
ตำรวจเขาเก่ง สอบปากคำแล้ว นายดวงดี ยอมรับว่า รู้อยู่เหมือนกันไอ้ที่รับฝาก คือ ยาบ้า แต่ไม่ได้เอาไปขายที่ไหน ตนมีฐานะอาชีพเป็นหลักแหล่ง ไม่คิดค้ายาบ้าอยู่แล้ว นัดกันว่าจะส่งมอบให้ นางหอมกรุ่น ต่อไป เขาจะเอาไปขาย หรือทำอะไรไม่รู้
ตำรวจเขาคว้าคอ นางหอมกรุ่น กับพวกมาได้เช่นกัน และดำเนินคดีต่างหาก ส่วน นายดวงดี นั้นกลายเป็นดวงซวยซะมากกว่า เพราะอัยการหิ้วตัวไปฟ้อง ขอให้ศาลลงโทษ ข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งโทษหนักนายดวงดี จ้างทนายสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินเอาผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต คำให้การชั้นตำรวจเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
นายดวงดี ดิ้นรนด้วยการให้ทนายยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วไม่ลังเล พิพากษายืน ให้ นายดวงดี ติดคุกยาวอย่างเดิม
จำเลย คือ นายดวงดีหน้าเหลือง ลุ้นเฮือกสุดท้าย ด้วยการยื่นฎีกา ยืนยันว่าแค่รับฝาก ไม่ได้เอาไปขายเอง ศาลฎีกาเพ่งดูคดีนี้จนได้ที่แล้ว จึงชี้ขาดออกมาว่า
เท่าที่โจทก์นำสืบได้ความชัดว่า นายดวงดี รับฝากยาบ้าจาก นางหอมกรุ่น โดยไม่มีเจตนาจะเอาไปขายเองโดยตรง จึงเอาผิดข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้หรอก
ฟังแค่นี้ นายดวงดี อย่าเพิ่งตีปีกดีใจ คิดว่าดวงดีแล้วเหมือนชื่อ เพราะการรับฝากของพรรค์นี้โดยรู้ว่ามันคือยาบ้า แม้ไม่ได้เอาไปขายให้ใคร ก็ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการค้ายาบ้าของ นางหอมกรุ่น มีโทษ 3 ใน 4 ของการเป็นตัวการ ศาลฎีกาจึงวางโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน ลดให้ 1 ใน 3อย่างที่ศาลล่างว่าไว้ เหลือจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน
เป็นยังไงครับ การรับฝากของแบบนี้ คุ้มไหมกับการติดคุกติดตะราง หมดอนาคต แม้ นางหอมกรุ่น จะสะสวยหอมกรุ่นจริงๆ ก็ไม่ควรเสี่ยงรับฝากอย่างเด็ดขาด คนเราต้องตื่นตัว ระวังตัว ใครฝากอะไรไปกับเราหรือรถเรา หรือรถที่เรานั่งไปด้วย ถ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซวยสถานเดียว ไม่ว่าจะชื่อโคตรเฮงหรือดวงดีก็ตามที
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5808/2553
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/83171