วิถีตลาดรถยนต์
รถใหม่ขยับตัวคึกคักรับปลายปี
แค่ผ่านพ้นเดือนพฤศจิกายนไป ยอดรวมทั้งหมดก็เกินกว่า 700,000 คันไปแล้ว เฉพาะตัวเลขยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนเดือนเดียว ก็เกือบแตะหลักแปดหมื่นคัน เป็นตัวเลขที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน สำหรับเดือนพฤศจิกายน ความโดดเด่นน่าสนใจมากที่สุดสำหรับธุรกิจยานยนต์ในประเทศต้องโฟคัสไปที่ การเปิดตัว โตโยตา ปรีอุส รถยนต์ไฮบริดที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก ต่อจาก 2 เจเนอเรชันก่อนหน้านี้ โดยที่ โตโยตา ตั้งเป้ายอดจำหน่ายไว้ที่เดือนละ 1,000 คัน ซึ่งดูแล้วไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด เพราะเวลานี้ผู้บริโภคตื่นตัวกับกระแสพลังงานทางเลือกใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการลดความสิ้นเปลืองในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมาก ซึ่ง โตโยตา ปรีอุส ใหม่ นี้มีคุณสมบัติที่ว่าครบถ้วนทุกประการ รวมไปถึงการเปิดราคาที่โดนใจนักเลงรถใหม่อย่างแรง ที่น่าสนใจตามมาน่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของค่าย นิสสัน ที่ในเดือนพฤศจิกายน เปิดประตูโชว์รูมนำรถยนต์รุ่นใหม่ขึ้นสู่โชว์รูม 5 โมเดลรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันพิเศษของ นิสสัน มาร์ช, เทอานา, ทิอิดา หรือจะเป็นโมเดลใหม่ของ นาวารา และเอกซ์-ทเรล ขณะที่ค่าย เชฟโรเลต์ ก็มีสปอทโฆษณาของ เชฟโรเลต์ ครูซ ซีดานรุ่นใหม่ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในงาน MOTOR EXPO ออกมาให้เห็นได้ยินได้ฟังกันอย่างถี่ยิบ
และจากความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 30 วันของเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ยอดจำหน่ายของรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ รวมกันสูงถึง 78,874 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์เดือนพฤศจิกายนปี 2552 ถึง 38.3 % ส่วนยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนพฤศจิกายนผ่านหลัก 700,000 คัน ขึ้นไปอยู่ที่ 707,235 คัน สูงกว่าที่เคยทำได้ในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2552 ถึง 48.3 % เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ภาพของความเป็นดีทรอยท์แห่งเอเชียชักจะกลับมาเฉิดฉายให้เห็นกันอีกแล้วสำหรับหลายต่อหลายคน แต่หากจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้วคงเป็นไปได้ยากเสียแล้ว เพราะตลาดรถยนต์ประเทศจีนกำลังหอมหวนขึ้นหม้อเสียเหลือเกิน ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นแนวหน้าของโลกดูเหมือนว่าจะให้ความสำคัญกับที่นี่เป็นพิเศษ บางค่ายถึงขนาดมีโมเดลพิเศษสำหรับตลาดประเทศจีนโดยเฉพาะเลยก็มี
กลับมาที่บ้านเรากันดีกว่า ในจำนวนรถยนต์รุ่นใหม่ป้ายแดงที่จำหน่ายออกไปในเดือนพฤศจิกายน บแรนด์ที่ถูกเลือกให้เป็นพาหนะคู่ใจสูงที่สุดยังคงเป็นรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ โตโยตา โดยจำหน่ายไปได้ถึง 33,622 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดถึง 42.6 % รถยนต์ยอดนิยมรองลงมาเป็นรถที่เป็นกำลังหลักของค่าย อีซูซุ ผู้นำรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เดือนพฤศจิกายนเก็บยอดจำหน่ายเข้าคลังได้ไปอีก 15,443 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 19.6 % ตามด้วยอันดับ 3 ค่าย ฮอนดา มียอดจำหน่ายทั้งเดือนที่ 10,146 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 12.9 % อันดับที่ 4 เป็นรถยนต์ของค่าย นิสสัน มียอดจำหน่ายทุกโมเดลรวมกัน 5,238 คัน ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6.6 % และอันดับที่ 5 มิตซูบิชิ ยอดจำหน่ายทั้งสิ้น 4,182 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.3 %
ขณะที่ยอดจำหน่ายที่แต่ละบแรนด์ทำได้ตั้งแต่ต้นปี รวมมาจนถึงเดือนพฤศจิกายน มากที่สุด 5 อันดับแรกก็เหมือนกับ 5 อันดับแรกของเดือนพฤศจิกายน ไล่เรียงจาก 1 ถึง 5 ประกอบด้วย โตโยตา 288,562 คัน กินส่วนแบ่งการตลาดไป 40.8 % อีซูซุ 135,363 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 19.1 % ฮอนดา 102,094 คัน ส่วนแบ่งตลาด 14.4 % นิสสัน 48,801 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.9 % และมิตซูบิชิ 34,814 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.9 % สำหรับช่วงเวลาที่เหลืออีกเพียงเดือนเดียวก็จะปิดหีบยอดจำหน่ายปี 2553 แล้ว คงไม่ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอันดับยอดจำหน่ายสูงสุด 5 อันดับแรกแต่อย่างใด มีแต่ว่าใครจะจำหน่ายได้มากกว่าปีก่อนหน้านี้มากน้อยเท่าไหร่แค่นั้นเอง และในฉบับหน้าจะได้รู้กัน
ภาคส่วนของรถพิคอัพ 1 ตัน ในแง่มุมของยอดจำหน่ายรวมทั้งปีของเซกเมนท์ พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยังยากที่จะชี้ชัดลงไปได้ว่า ใครจะเป็นเบอร์ 1 ของตลาดนี้ เพราะตัวเลขยอดจำหน่ายของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ อีซูซุ กับโตโยตา ยังทิ้งกันไม่ขาด ถึงแม้ว่าเมื่อผ่านพ้นเดือนพฤศจิกายนไป อีซูซุ จะมียอดจำหน่ายรวมที่เหลื่อมกว่าอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่ขาดพอที่จะนอนใจได้ ช่วงห่างเพียงแค่ 600 กว่าคัน อะไรก็เกิดขึ้นได้
ในเดือนพฤศจิกายน ความนิยมของ ไฮลักซ์ วีโก กลับมาสูงสุดอีกครั้ง ทำยอดจำหน่ายได้ 13,575 คัน เป็น 40.5 % ของตลาดรวมทั้งหมดที่มีอยู่ 33,493 คัน ซึ่งเป็นยอดจำหน่ายที่สูงกว่าเดือนพฤศจิกายน ปีก่อนหน้านี้ 37.1 % ส่วนคู่แข่งสำคัญ อีซูซุ จำหน่ายไป 12,997 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 38.8 % อันดับ 3 มิตซูบิชิ ยอดจำหน่าย 2,248 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 6.7 % เบอร์ 4 ของตลาด นิสสัน มียอดจำหน่ายที่ 2,024 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.0 % และมาซดา ที่กลับมาคึกคักกระชุ่มกระชวยมากขึ้นด้วย บีที-50 ช่วงล่างใหม่ ทำยอดจำหน่ายเป็นอันดับ 5 ได้ไป 702 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 2.1 %
สำหรับพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดสำหรับ โตโยตา ที่จะประกาศความเป็นพิคอัพยอดนิยมปี 2553 ขณะที่บแรนด์อื่นที่มีโพรดัคท์จำหน่ายในตลาดนี้ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับแต่อย่างใด เหลืออยู่เพียงรอดูว่ายอดรวมทั้งปีจะทำได้เท่าไหร่ เฉพาะเดือนพฤศจิกายน ตลาดนี้มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 1,861 คัน สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 15.7 % เช่นเคย บแรนด์ที่จำหน่ายเกินหลักพันต่อเดือนมีเพียง โตโยตา บแรนด์เดียวเท่านั้น ตัวเลขหยุดอยู่ที่ 1,401 คัน ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 75.3 % อันดับ 2 เป็น อีซูซุ 280 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 15.0 % อันดับ 3 นิสสัน 83 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.5 % อันดับ 4 มิตซูบิชิ 49 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.6 % และอันดับ 5 เชฟโรเลต์ 25 คันส่วนแบ่งการตลาด 1.3 %
ในส่วนของรถกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเอสยูวี เป็นตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงในทางบวกสูงที่สุด ยอดสะสมของปี 2553 นับมาจนถึงเดือนพฤศจิกายนมีจำนวนทั้งสิ้น 49,396 คัน เทียบกับมกราคมถึงพฤศจิกายนปี 2552 เป็นการปรับตัวที่สูงขึ้นถึง 58.1 % ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายนมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 5,466 คัน ปรับตัวสูงขึ้น 49.4 % เป็นอีกตลาดหนึ่งที่ โตโยตา ประกาศชัยชนะล่วงหน้าได้ทั้งแชมพ์ในแต่ละเดือน และแชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดรวมเมื่อสิ้นปี ในส่วนของรองแชมพ์ก็ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน จาก มิตซูบิชิ ไป ฮอนดา อีซูซุ และเชฟโรเลต์ ตามลำดับ
เดือนพฤศจิกายน โตโยตา กวาดยอดเพิ่มไปอีก 2,157 คัน ส่วนแบ่ง 39.5 % ของตลาดทั้งหมด อีซูซุ จำหน่ายไป 1,060 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 19.4 % มิตซูบิชิ ตามมาไม่ห่างจำหน่ายไปได้ 1,017 คัน รับส่วนแบ่งตลาด 18.6 % ฮอนดา จำหน่าย ซีอาร์-วี ไปอีก 755 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาด 13.8 % และแคพทีวา ของ เชฟโรเลต์ ได้ไป 230 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.2 %
สำหรับในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปี เราจะได้รู้กันแล้วว่าปี 2553 ที่ผ่านไป มีรถยนต์ใหม่ป้ายแดงออกจากโชว์รูมไปอยู่บนท้องถนนทั่วประเทศเพิ่มขึ้นกว่าปี 2552 เท่าไหร่ และตลาดรถยนต์แต่ละประเภท บแรนด์ไหนได้รับความนิยมสูงสุด และรองลงมาเป็นบแรนด์ไหนกันบ้าง แต่ดูแล้วบอกได้เลยว่าแฮพพีเกือบถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ราคาหลักแสน หรือที่มีราคาค่าตัวเป็นสิบๆ ล้านบาท
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/82655