วิถีตลาดรถยนต์
ตั้งหน้าตั้งตาโกยยอดกันต่อไป
ไตรมาสที่ 3 ผ่านพ้นไป ยังเหลือเวลากอบโกยยอดจำหน่ายกันอย่างเป็นกอบเป็นกำอีก 1 ไตรมาสหรือ 3 เดือน ซึ่งก็น่าจะเป็นที่สำราญบานใจของผู้จำหน่ายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงทองของการซื้อขาย โดยเฉพาะต้นเดือนธันวาคม วาระของการจัดงานมหกรรมรถยนต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาซื้อง่ายขายคล่องมากที่สุด ถึงแม้ว่าการคาดการณ์ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2553 นี้จะมีการปรับให้สูงขึ้นกว่าเดิมที่คาดไว้ แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายใหม่นี้ก็จะถูกทุบแตกกระจายอย่างแน่นอน
สำหรับเดือนกันยายน รถยนต์จากหลายๆ ค่ายที่มีพโรแกรมจะเปิดตัวเป็นโมเดลสุดท้ายของปี เริ่มทยอยออกมาให้เห็นกันบ้าง ขณะที่รถยนต์โมเดลใหม่ของบางค่ายซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้เริ่มลื่นไหลทำออร์เดอร์เข้าโชว์รูมอย่างคึกคัก ส่วนอีกหลายค่ายอยู่ในช่วงเตรียมตัวเตรียมความพร้อมให้เต็มที่ ก่อนจะเปิดผ้าคลุมกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงจะได้ยลโฉมในงาน MOTOR EXPO อย่างแน่นอน
ยอดจำหน่ายรถใหม่ป้ายแดงในช่วงเดือนกันยายน อยู่ที่ประมาณ 68,261 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับปีที่ผ่านมายังห่างกันถึง 19,612 คัน หรือเท่ากับ 40.3 % และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม ปรากฏว่าเป็นตัวเลขที่ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 4 % สำหรับยอดสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนกันยายนนั้นแตกต่างกันกว่าครึ่ง ปี 2553 ผ่านไป 10 เดือนมียอดสะสมรวมทั้งสิ้น 556,349 คัน ขณะที่ช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมียอดจำหน่ายสะสมอยู่เพียง 366,484 คัน ต่างกันถึง 51.8 % เฉพาะเดือนกันยายนเดือนเดียว โตโยตา กวาดยอดจำหน่ายเพิ่มอีก 27,557 คัน คิดเป็น 40.4 % ของยอดจำหน่ายรวมทั้งหมด ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วย อีซูซุ 11,811 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 17.3 % ฮอนดา จำหน่ายได้ 10,012 คันส่วนแบ่งตลาด 14.7 % นั่นเป็น 3 บแรนด์ที่มียอดจำหน่ายรวมของรถยนต์ทุกประเภทสูงเกินกว่า 10,000 คันในเดือนกันยายน สำหรับยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปีเป็นที่แน่นอนว่า บแรนด์ที่จะมียอดจำหน่ายรวมสูงสุดเมื่อสิ้นปี 2553 เป็น โตโยตา อันดับ 1 อีซูซุ อันดับ 2 และตามมาด้วย ฮอนดา เป็นอันดับที่ 3 นิสสัน น่าจะยึดตำแหน่งอันดับที่ 4 เช่นเดียวกับอันดับที่ 5 ซึ่งตกเป็นของ มิตซูบิชิ แต่จะวางใจได้เท่าใดนัก เพราะ มาซดา ตามหลังมาห่างกันอยู่แค่ 1,000 กว่าคันเท่านั้น ถ้ารถเล็กของ มาซดา ยังแรงดีไม่มีตกโอกาสเบียดแทรก มิตซูบิชิ ขึ้นไปคว้าอันดับที่ 5 แทนก็ยังพอเป็นไปได้เช่นกัน
สำหรับพิคอัพ 1 ตัน ยอดจำหน่ายในเดือนกันยายน มีผลกระทบบ้างในส่วนของกำลังซื้อจากภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ แต่ยอดจำหน่ายที่ได้มาก็เพียงพอให้เหนือกว่ายอดจำหน่ายของเดือนกันยายนปีที่แล้ว อีกทั้งความสดใหม่ของ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ซูเพอร์ ไททาเนียม ที่เพิ่งจัดจำหน่าย รวมไปถึง ดี-แมกซ์ เวอร์ชันอื่นๆ ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวพิคอัพ รวมไปถึงการโหมโฆษณาอย่างหนักของ โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก ที่เน้นเรื่องของความประหยัด ตบด้วยพโรโมชันพิเศษที่เต็มใจจัดให้ ทำให้ถึงจะมีการชะลอตัวลงไปบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อย
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เดือนกันยายน หายหน้าหายตาไปจากสตอคของแต่ละบแรนด์รวมกันทั้งสิ้น 26,890 คัน เป็นปริมาณจำนวนที่สูงกว่าเดือนกันยายนปีที่แล้ว 34.2 % และเป็น อีซูซุ ที่ได้เป็นพระเอกประจำเดือน สามารถทำยอดจำหน่ายเกินหน้า โตโยตา ไปเพียง 113 คันเท่านั้น คว้ายอดจำหน่ายสูงสุดเดือนกันยายนไปครอง อีซูซุ มียอดจำหน่ายในตลาดพิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ รวมทั้งสิ้น 10,364 คันได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 38.5 % ส่วน โตโยตา ตกสู่สภาวะจำยอม รับตำแหน่งที่ 2 ไปนอนกอดอีกครั้ง
โดยมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 10,251 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 38.1 % ต่างกันแค่จุดทศนิยมเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ มิตซูบิชิ เพราะขยับจากอันดับที่ 4 ในเดือนที่แล้ว ได้ยอดจำหน่ายทั้งสิ้น 1,877 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 7.0 % เฉือนเอาชนะ นิสสัน ไปแบบฉิวเฉียด ยิ่งกว่าคู่ของ อีซูซุ กับ โตโยตาเสียอีก เพราะมียอดจำหน่ายที่มากกว่า นิสสัน เพียง 24 คันเท่านั้น นิสสัน ได้อันดับที่ 4 กับยอดจำหน่าย 1,853 คัน รับส่วนแบ่งการตลาดไป 6.9 % และอันดับที่ 5 เป็นของ บีที-50 จาก มาซดา มียอดจำหน่าย 744 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.8 %
ยอดจำหน่ายรวม 10 เดือน ตั้งแต่มกราคมถึงกันยายนมีทั้งสิ้น 230,311 คัน มากกว่าช่วงระยะเวลา 10 เดือนของปี 2552 ถึง 45.2 % อีซูซุ นำมาเป็นอันดับที่ 1 มียอดสะสม 91,109 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 39.6 % ตามด้วย โตโยตา มียอดรวมอยู่ทั้งสิ้น 90,997 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 39.5 % อะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับคู่ชิงแชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดประจำปี 2553 ระหว่าง อีซูซุ กับ โตโยตา ขณะที่อันดับอื่นๆ ที่ 3, 4 และ 5 ค่อนข้างจะแน่นอนว่าเป็น นิสสัน 16,038 คัน ส่วนแบ่ง 7.0 % มิตซูบิชิ 12,537 คัน ส่วนแบ่ง 5.4 % และเชฟโรเลต์ 5,155 คัน ส่วนแบ่ง 2.2 % ตามลำดับ
ในส่วนของพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ การรักษาตำแหน่งแชมพ์ยอดจำหน่ายทั้งแบบรายเดือนและรวมยอดสิ้นปี ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากสำหรับ โตโยตา เพราะในเดือนกันยายนจากยอดรวม 1,591 คัน พิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อของ โตโยตา มีผู้เป็นเจ้าของไป 1,269 คัน กวาดส่วนแบ่งตลาดไปถึง 79.8 %ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ อีซูซุ ซึ่งมียอดจำหน่ายอยู่เพียงแค่ 142 คัน กับส่วนแบ่งการตลาด 8.9 %เท่านั้น อันดับที่ 3 เป็นของ มิตซูบิชิ 67 คัน รับส่วนแบ่งตลาด 4.2 % เบียดแซง นิสสัน ขึ้นมาได้ส่วน นิสสัน มียอดจำหน่ายพิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อทั้งหมด 61 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 3.8 %และอันดับที่ 5 เป็นของ ฟอร์ด จำหน่ายได้ 38 คัน รับส่วนแบ่งการตลาด 2.4 % รวม 10 เดือนปี 2553โตโยตา จำหน่ายพิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อไปแล้ว 9,341 คัน ส่วนแบ่งตลาด 70.2 % จากยอดจำหน่ายของทั้งตลาดรวมกัน 13,312 คัน เรียกว่าเวลาที่เหลืออีก 3 เดือน โตโยตา ไม่ต้องขายรถประเภทนี้ก็ยังไม่มีใครตามทันอย่างแน่นอน
ในส่วนของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยังทำตัวเลขยอดจำหน่ายที่สวยสดอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพรวมของตลาดรถยนต์ปรับตัวสูงขึ้น เดือนกันยายน มียอดจำหน่ายรวม 30,315 คัน เพิ่มสูงขึ้นจากเดือนกันยายนปีที่แล้ว 44.5 % สูงกว่าเดือนสิงหาคม 12.6 % รถที่ร้อนแรงสุดต้องยกให้ ฟอร์ด ฟิเอสตา เพราะแค่เริ่มสตาร์ทก็พาให้บแรนด์มียอดจำหน่ายอยู่ในอันดับที่ 5 เขี่ย มิตซูบิชิ หลุด 5 อันดับแรกไปเฉย โดยแชมพ์ประจำเดือน โตโยตา คว้าไปครองด้วยยอดจำหน่าย 12,025 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 39.7 % ฮอนดา ยังคงรั้งอันดับที่ 2 ไว้ด้วยยอดจำหน่ายทั้งสิ้น 9,083 คัน ส่วนแบ่งตลาด 30.0 % อันดับที่ 3 เป็นของ นิสสัน จำหน่ายไป 3,482 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 11.5 % อันดับที่ 4 มาซดา 2,179 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.2 % และสุดท้ายอันดับที่ 5 เป็นของ ฟอร์ด 979 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.2 % และน่าจะเป็นของ ฟอร์ด ไปอีกหลายเดือนอยู่เหมือนกัน
สำหรับตลาดรถเอสยูวี มียอดจำหน่าย 4,431 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน ปีที่แล้ว 31.5 % ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี 39,016 คัน เพิ่มขึ้น 62.3 % ส่วนรถเอมพีวี มียอดจำหน่าย 1,098 คัน เพิ่มขึ้นจากกันยายน ปีที่แล้วอย่างมากมายถึง 144.5 % รวมตั้งแต่ต้นปีมียอดจำหน่าย 9,988 คัน เพิ่มสูงขึ้น 136.5 % โค้งสุดท้ายของปี 2553 เริ่มในเดือนตุลาคม คงจะได้เห็นรถยนต์โมเดลใหม่เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะความน่าสนใจในช่วงปลายปี ต้องดูไปที่ เชฟโรเลต์ ครูซ ที่จะเปิดตัวในงาน MOTOR EXPO และจะสามารถโลดแล่นในตลาดรถยนต์เมืองไทยได้ขนาดไหนนั้น ต้องรอชมกันต่อไป
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/82454