รู้ไว้ใช่ว่า
เข้าอู่ รถหาย !
เมื่อก่อนเงินทองที่หามาได้ มักอยู่กับเราเสียส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีสิ่งล่อตาล่อใจสารพัดอย่าง ให้เงินเผ่นออกจากกระเป๋าไปง่ายๆ
ต่างจากเดี๋ยวนี้ จ่ายจนไม่มีจะจ่าย หมดตูดไม่รู้ตัว เผลอเมื่อไหร่ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทันที หากไม่มีวินัยทางการเงิน ไม่มีสตางค์ ดันอยากไปหมดทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้การหารายได้โดยสุจริต มักไม่สมดุลรายรับ ในที่สุดก็หาทางคดโกง หลอกลวง ต้มตุ๋น ลักวิ่งชิงปล้น เป็นโจรมันดื้อๆ ใส่สูทก็ยังเป็นโจร
แรกๆ อาจทำเพื่ออยู่รอด พอเห็นว่าได้มาง่าย ไม่ต้องอาบเหงื่อนี่หว่า ก็ถือโอกาสเอาไปกินเที่ยวสุรุ่ยสุร่าย หรือไม่ก็หวังตั้งตัวจากทรัพย์สินของคนอื่น ที่เขาหามาได้อย่างเหนื่อยยาก แล้วสูญเสียไปด้วยความช้ำชอกระกำใจสุดประมาณ
คนสมัยนี้จึงโน้มเอียงไปในทางเป็นโจรมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ปวกเปียกเป็นมะเขือเผา กฎหมายก็ตามไม่ทัน จับมาได้ กว่าจะลงโทษแต่ละราย ใช้กระบวนการใช้เวลามากมาย แล้วยังเอาผิดไม่สาสมกับความชั่วที่มันก่อ ขังคุกปีสองปี เดี๋ยวนี้โจรรู้สึกแค่คันๆ เหมือนยุงกัด อยู่ในคุกไม่ทันไร ได้ส่วนลดนั่นนี่ พวกที่กลายเป็นโจรโดยสันดาน จึงตั้งป้อมตั้งแต่วันแรกที่หลุดจากเรือนจำ ตูต้องหาเหยื่อใหม่ทันที เหงามือ ไม่ได้หาเงินเที่ยวมานาน
ที่แปลก คือ รัฐบาลทุกรัฐบาลระยะหลังๆ ไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้านจากโจรภัยเท่าที่ควร ไม่เคยมีวาระแห่งชาติในเรื่องนี้ ตั้งหน้ากัดกันแย่งกันเป็นใหญ่ลูกเดียว หนักๆ เข้าข้าราชการประจำซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามจับกุมเอามั่ง สนุกกับเรื่องอื่น ไม่แยแสสนใจเรื่องที่ชาวบ้านโดนโจรเล่นงาน
อุตส่าห์กระหืดกระหอบไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่แสดงอาการเซ็งนกกระจอกเทศ บ่ายเบี่ยงไม่รับแจ้งความ หรือฝืนใจรับแจ้งแบบส่งเดช แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นในกอไผ่ เอ็งจะฉิบอ๋าย...ยังไงก็ช่าง ทำราวกับไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่ก็ยังสวมเครื่องแบบโก้ กินเงินเดือนจนเกษียณ
ทุกวันนี้คนที่โดนโจรขึ้นบ้านไม่รู้กี่ครั้ง จนต้องใช้นิ้วมือนิ้วเท้านับ บ้านทั้งหลังเหลือแต่ซาก เจ้าหน้าที่ก็ยังปัดสวะ บอกว่าช่วยเหลืออะไรไม่ได้ จนกระทั่งโจรที่มันลงมือตัดสินใจยึดเป็นอาชีพ อย่างเป็นล่ำเป็นสันไปเลยสำหรับประเทศไทย กลางวันแสกๆ ออกหากินหน้าตาเฉย ไม่ต้องรอมืดค่ำให้ชาวบ้านนอนหลับเสียก่อน ที่แปลกอีกอย่างหนึ่ง คือ ขยันไปดูงานเมืองนอกกันจัง สำหรับผู้ที่กินเงินเดือนจากน้ำตาและหยาดเหงื่อชาวบ้านจากภาษี แต่ไม่ยักสนใจจดจำวิธีการของประเทศที่เขาเล่นงานโจรจนอยู่หมัด บ้านไม่มีรั้ว รถจอดไม่ต้องลอคกุญแจ เขาทำได้ เพื่อมาปรับปรุงบ้านเมืองของตนเอง ให้คุ้มกับข้าวน้ำที่ราษฎรเลี้ยงดู แถมยังกร่างใส่เขาอีก ในฐานะตูเป็นเจ้าหน้าที่นะเฟ้ย และตั้งหน้าจะเอาตำแหน่งใหญ่โตมโหฬาร เป็นเกียรติแก่ตระกูลของตูทั้งนั้น
บอกตรงๆ หากปล่อยให้อยู่ในสภาพนี้ ผมนึกไม่ออกว่า สุจริตชนคนไทย จะงอมพระรามเพราะภัยโจรหนักหนาสาหัสขนาดไหน บ้านเมืองจะสงบสุขอย่างในอดีตได้หรือไม่ นี่คือเรื่องจริงเลยล่ะตัวเอง ไม่ได้ล้อเล่น แน่นอนนอกจากส่งเสริมเศรษฐกิจ ส่งเสริมศีลธรรม ซึ่งคงได้ผลแค่ระดับหนึ่ง แต่ปลายเหตุ คือ การปราบปรามจริงจัง ตัวอย่างเช่น จับได้ ตัดมือ หรือเอาไปขังลืมบนเกาะ ก็ต้องทำ จึงจะเอาอยู่ ใช่ไหม...
คดีนี้คือตัวอย่าง นส. หน้าขาว พวกขายเครื่องสำอางโฆษณาแหลกทางทีวี จนชาวบ้านระอา ได้ยินชื่อแล้วอยากเอาไปออกสปอท แล้วเธอก็หน้าขาววอกด้วยความตกใจ เมื่อรู้จาก นายเครื่องยนต์ เจ้าของอู่เล็กๆ ริมถนนว่า รถยนต์ของเธอที่เอาไปจอดซ่อม โดนโจรห้าร้อยละลายลักเอาไปแล้ว ตัวเขากับตำรวจตามหาไม่เจอหรอก
ค่อยยังชั่วที่เธอกัดฟันซื้อประกันจาก บริษัท ว. ฯ จึงหายหน้าซีดเมื่อบริษัทรับผิดชอบ ไม่บิดเบี้ยว ตรวจสอบว่าโดนขโมยไปจริง ก็จ่ายให้ตามวงเงินประกัน เมื่อ นส. หน้าขาว เห็นว่าคุ้ม จึงไม่ดิ้นรนฟ้องร้อง นายเครื่องยนต์ ให้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งศาลฎีกาเคยตัดสินว่าฟ้องเรียกร้องได้
คนที่ฟ้อง นายเครื่องยนต์ คือ บริษัทประกันภัย อ้างว่าไม่ดูแลรักษารถของลูกค้าตามสมควร ดันจอดไว้ริมถนนหน้าอู่ จะไปเหลือเหรอ จึงต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่บริษัทประกันจ่ายให้แก่ นส. หน้าขาว พร้อมดอกเบี้ย
นายเครื่องยนต์ กัดฟันจ้างทนายสู้คดี อ้างว่ารับซ่อมฐานคนรู้จัก เก็บรักษารถเยี่ยงวิญญูชนคนทั่วไปเขาทำกัน ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินยกฟ้องให้ นายเครื่องยนต์ ได้เมาด้วยความดีอกดีใจ
ขึ้นยกสอง เพราะบริษัทประกันตามบี้ด้วยการยื่นอุทธรณ์ ยืนยันว่า นายเครื่องยนต์ ประมาทเลินเล่อจริงๆ
ศาลอุทธรณ์ออกเหงื่อไม่มาก แล้วพิพากษายืนให้ นายเครื่องยนต์ ได้เฮอีกรอบหนึ่ง
เกมยาวอยู่แล้ว บริษัทประกันไม่ยอมวางมือง่ายๆ ยื่นฎีกาขึ้นไป ลุ้นจนยกสุดท้าย ศาลฎีกาต้องเหล่ดูสำนวนคดีนี้เพิ่มขึ้นอีกคดีหนึ่ง ทำท่าจะตาเหล่ซะให้ได้ เพราะคดีรอคิวเยอะจัดแล้วชี้จนขาดออกมา
ข้อที่ว่า นายเครื่องยนต์ รับฝากรถด้วยความระมัดระวัง เยี่ยงวิญญูชนหรือไม่ ต้องเปรียบเทียบกับคนทั่วๆ ไป ว่าในภาวะนั้นทำได้แค่ไหน เมื่อปรากฏว่าเป็นอู่ขนาดเล็ก ห้องแถวติดขอบถนน ไม่อาจกั้นรั้วหรือหายามเฝ้า การจอดรถริมถนนหน้าอู่ ลอคประตูลอคพวงมาลัยไว้ ตอนเกิดเหตุ นายเครื่องยนต์ นอนที่อู่ ได้ยินเสียงสตาร์ทรถรีบออกมาดู เห็นรถหายวับ ก็รีบแจ้งตำรวจสายตรวจที่ผ่านมาและออกตามหา ถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ไม่ประมาทเลินเล่อหรอก ไม่ต้องรับผิดหรอก ศาลล่างยกฟ้องถูกต้องแล้ว
ศาลฎีกาต้องพิพากษายืน เมื่อยหน่อยก็ยอมล่ะนะ
เห็นคดีนี้แล้วหนาว เวลาเอารถไปจอดซ่อมตามอู่ ถ้าเขาไม่มีที่เก็บรถมิดชิดหน่อย พอที่จะป้องกันโจรได้ มันลักขโมยไป เจ้าของรถซวยชัดๆ ถ้าศาลตัดสินออกมาอย่างคดีนี้ สำหรับกรณีที่ทางอู่ไม่มีที่จอดจริงๆ ไม่มีรั้วล้อมหรือยามเฝ้าให้ได้จริงๆ และถือว่าทางอู่ระมัดระวังในการเก็บรักษารถตามสมควรแล้ว ซวยอย่างหนักก็แล้วกัน ใครเอารถเข้าอู่ อ่านเจอคดีนี้ ตัวใครตัวมันเลยล่ะ จึงต้องพิจารณาดูให้ดีว่าจะทำยังไง
ดีนะที่ นส. หน้าขาว เธอทำประกันชั้นหนึ่งไว้ด้วย จึงได้เงินจากประกันพอรอดตัว ไม่ทำประกัน คงต้องฟ้องทางอู่ แล้วโดนยกฟ้อง หงายท้องเป็นหนที่สองหลังจากรถหาย หายาดมแก้หน้ามืดไม่ทันก็แล้วกัน
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10082/2551
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2553
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/82423