วิถีตลาดรถยนต์
รถยนต์นั่ง รับบทพระเอก
ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยชั่วโมงนี้ ยังคงเป็นเวลาเงินเวลาทองของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอยู่ถึงแม้ว่าราคาจำหน่ายของน้ำมันดีเซล จะมีการปรับลดตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล โดยเฉพาะรถพิคอัพ 1 ตันหดหายลงไป
จากที่เคยเป็นพระเอก ต้องกลายมาเป็นพระรอง รวมไปถึงผู้ใช้รถพิคอัพ เริ่มทำความเข้าใจได้ว่าเครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นเครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด ทนทานสูงสุดแล้ว เมื่อเทียบกับการใช้เครื่องยนต์เบนซิน แล้วต้องไปสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบแกสเพิ่มเติม ทำให้บรรดาร้าน หรืออู่ที่รับติดตั้งอุปกรณ์ระบบแกสที่เคยคึกคักไปด้วยบรรดาผู้นำรถมารอติดตั้ง ต้องเงียบเหงาวังเวงไป จนอู่บางรายถึงกับต้องปิดตัวเองไปแล้วก็มี
ภาพของรถยนต์ที่เข้าคิวรอเติมแกสยาวเหยียดเป็นกิโลเมตร เริ่มหดสั้นลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ต้องยอมรับว่าปีนี้จะเป็นปีทองของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอย่างแท้จริง เป็นตลาดเดียวที่มียอดจำหน่ายปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เฉพาะเดือนกันยายนปรับตัวสูงขึ้นถึง 20.2 % และส่วนหนึ่งที่ฉุดให้ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งเติบโตขึ้นในเดือนกันยายนนี้ มาจากการเปิดตัวของรถเก๋ง ฮอนดา ซิที ที่มียอดจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ผู้บริหารของ ฮอนดามั่นอกมั่นใจในยอจำหน่าย จนถึงกับปรับเพิ่มเป้ายอดจำหน่ายประจำปีให้สูงมากขึ้นอีก
สำหรับภาพโดยรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศ เดือนกันยายนปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนปีที่แล้ว ยังมีส่วนต่างกันอยู่ 10.5 % โดยในเดือนเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว รถยนต์ทุกบแรนด์จำหน่ายไปได้ทั้งสิ้น 53,491 คัน ขณะที่เดือนกันยายนปีนี้ จำหน่ายไปได้ 47,881 คันห่างกันอยู่ 5,610 คัน เป็นยอดจำหน่ายรวมที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันซึ่งส่วนต่างที่ทำให้เกิดการลดตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เกิดจากการปรับตัวลดลงของตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์นั่นเอง ซึ่งเป็นตลาดหลักของประเทศ และส่งผลให้ค่ายรถยนต์ต่างๆมียอดจำหน่ายรวมที่ปรับตัวลดลงแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบแรนด์เล็ก หรือแบรนด์ใหญ่
อย่าง โตโยตา พี่ใหญ่ของวงการปรับตัวลดลงไป 19.0 % อีซูซุ ติดลบ 2.9 % เป็นต้น ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างโดดเด่นในเดือนกันยายนนี้ ได้แก่ ฮอนดา ที่ได้ ซิที ใหม่ มาสร้างกระแสฟีเวอร์นั่นเองฮอนดา มียอดจำหน่ายที่สูงขึ้น 25.4 % เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนปีที่แล้ว ส่วนรถยนต์บแรนด์ใหม่ก็ไม่หวือหวาเท่าที่ควร ในบรรดาน้องใหม่ด้วยกันแล้ว ปโรตอน จากแดนเสือเหลืองดูดีที่สุดจำหน่ายไปได้อีก 200 กว่าคันในเดือนนี้ ส่วนรายอื่นยังมียอดจำหน่ายอยู่ในหลัก 10 เท่านั้น
จากยอดจำหน่ายรวมของรถยนต์ทุกรุ่น ทุกเซกเมนท์ ในเดือนกันยายนที่ 47,881 คัน โตโยตายังยืนหยัดในความเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเหมือนเช่นเดิม เดือนนี้สอยยอดจำหน่ายไปได้อีก 19,093 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 39.9 %
ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วย อีซูซุ ที่เป็น 1 ใน 2 บแรนด์ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ในสังกัดรวมเกินกว่าหลักหมื่นคันขึ้นไป โดยที่ อีซูซุ เจ้าพ่อรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดจำหน่ายรวมที่10,901 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 22.8 %
อันดับที่ 3 ของรถยนต์ขายดีในเดือนกันยายนเป็น ฮอนดา ที่จำหน่ายไปได้ถึง 8,054 คันมีส่วนแบ่งตลาด 16.8 %
อันดับที่ 4 เป็น นิสสัน ทำยอดจำหน่ายรวมทุกโมเดลในทุกเซกเมนต์ได้ 2,485 คัน
ส่วนแบ่งตลาด 5.2 %
อันดับที่ 5 ตกเป็นของบรรดารถยนต์โมเดลต่างๆ ของค่าย เชฟโรเลต์ ที่มียอดจำหน่ายรวมกันที่1,754 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 3.7 % โดย 5 อันดับแรกของรถยนต์ที่จำหน่ายได้มากที่สุดในเดือนกันยายน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดือนสิงหาคมแต่อย่างใด
สำหรับตลาดรถยนต์นั่งที่ดูดีมีน้ำมีนวลกว่าตลาดรถยนต์ประเภทอื่นๆ ในธุรกิจการค้าการขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงในปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงผันผวนพอสมควร ในเดือนกันยายนนี้ ฮอนดา ซิที ใหม่ ถึงแม้จะเพิ่งเริ่มออกสตาร์ท เรียกว่าอยู่ในช่วงฮันนีมูน แต่ก็สามารถทำให้ยอดจำหน่ายโดยรวมของเก๋ง ฮอนดา ดีดตัวไล่บี้เก๋งรุ่นต่างๆ ของ โตโยตา ได้อย่างเข้มข้น แถมเมื่อหักยอดจำหน่ายของเดือนกันยายนไปแล้ว ยังมีออร์เดอร์เหลืออยู่ในมืออีกเป็นจำนวนมาก
สงสัยว่างานนี้ โตโยตา มีหนาวสำหรับยอดจำหน่ายในเดือนต่อไป
รถยนต์นั่งบแรนด์อื่นที่มีรถยนต์ในเซกเมนท์เดียวกับ ฮอนดา ซิที ใหม่ ก็ดูเหมือนจะโดนแชร์ลูกค้าไปมิใช่น้อยเหมือนกัน เพราะมียอดจำหน่ายที่ลดลงจากเดือนสิงหาคมอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็น นิสสัน หรือ เชฟโรเลต์ ขณะที่ มาซดา แรงขึ้นมาอีกเดือนหนึ่ง กลับเข้าสู่รถยนต์นั่งยอดนิยม 5 อันดับแรกของเดือนได้อีกครั้ง
ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เดือนกันยายนอยู่ที่ 18,209 คัน ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดือนสิงหาคม 3.9 % และสูงกว่าเดือนกันยายนปีที่แล้ว 20.2 % โตโยตา อยู่ในอันดับ 1 ของรถยนต์นั่งที่จำหน่ายได้สูงสุดที่ 7,860 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 43.2 % ฮอนดา ได้คลื่นลูกใหม่ทำยอดจำหน่ายไล่จี้มาติดๆ ที่ 7,452 คัน ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 40.9 % นิสสัน ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 อีกวาระหนึ่ง ด้วยยอดจำหน่าย 667 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.7 % ส่วน เชฟโรเลต์ถอยหลังมาอยู่ในอันดับที่ 4 ทำยอดจำหน่ายได้ 641 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาด 3.5 % และอันดับที่ 5 เป็น มาซดา จำหน่ายไปได้ 522 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 2.9 %
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่เป็นตลาดหลักของประเทศ และใช้เป็นดัชนีชี้วัดสภาพเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนส่วนหนึ่งได้อย่างเด่นชัด โดยเฉพาะรถยนต์ประเภทพิคอัพ 1 ตันขับเคลื่อน 2 ล้อ มียอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเดือนกันยายน ยอดจำหน่ายพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ รวมกันทั้งตลาดอยู่ที่ 21,610 คันลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนปีที่แล้ว ตลาดรถยนต์ประเภทนี้ลดลงถึง 25.0 %
โดยที่ ไฮลักซ์ วีโก ใหม่ สร้างความคึกคักให้กับตลาดได้พอสมควร แต่ยังสู้ความต้องการของอีซูซุ ดี-แมกซ์ ไม่ได้ ต้องเปิดทางให้ อีซูซุ เป็นเบอร์ 1 ของตลาดรถยนต์ประเภทนี้ต่อไปอีก1 เดือน โดย อีซูซุ มียอดจำหน่ายที่ 9,758 คัน ส่วนแบ่งตลาด 45.2% โตโยตา อยู่ในอันดับที่ 2 จากยอดจำหน่าย 7,298 คัน ส่วนแบ่งตลาด 33.8 % นิสสัน อยู่ในอันดับที่ 3ทำยอดจำหน่ายได้ 1,671 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.7 % อันดับที่ 4 เป็นของ มิตซูบิชิยอดจำหน่าย 1,060 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.9 % และอันดับที่ 5 เป็น เชฟโรเลต์ยอดจำหน่าย 928 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.3 %
และเมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ปรากฏว่าบรรดาผู้จำหน่ายพิคอัพทั้งหลาย มียอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงทั้งสิ้น อีซูซุ ติดลบน้อยที่สุด0.4 % โตโยตา 38.1 % นิสสัน 24.8 % มิตซูบิชิ 34.2 % เชฟโรเลต์ 28.0 % ฟอร์ด 46.5 %และ มาซดา 73.0 % ไม่นับรวม ทาทา ที่ไม่มียอดจำหน่ายในปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นบแรนด์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดในปีนี้ ถ้าดูตามตัวเลขนี้แสดงว่าเศรษฐกิจบ้านเราปีนี้ไม่แฮพพีแน่นอน
ส่วนตลาดพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ซอยย่อยออกมาจากพิคอัพ 1 ตัน มียอดจำหน่ายที่สูงขึ้นพอสมควร จากการเพิ่มมากขึ้นของยอดจำหน่ายในส่วนของ โตโยตา และ อีซูซุ ยอดรวมของรถยนต์ประเภทนี้ เดือนกันยายนอยู่ที่ 1,527 คัน สูงกว่าเดือนสิงหาคมเกือบ 300 คันแต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงต่างกันมากถึง 27.4 %
โตโยตา ทำยอดจำหน่ายพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้ 921 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 60.3 % อีซูซุ เข้าป้ายมาในอันดับที่ 2 จำหน่ายได้ 441 คัน ส่วนแบ่งตลาด 28.9 %อันดับ 3 เป็นของ นิสสัน ส่วนแบ่งตลาด 4.3 % ได้จากยอดจำหน่าย 66 คัน อันดับที่ 4 มิตซูบิชิจำหน่ายไป 58 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 3.8 % ส่วน ฟอร์ด อยู่ในอันดับที่ 5ยอดจำหน่าย 20 คัน ส่วนแบ่งตลาด 1.3 %
รถเอสยูวี เป็นอีกตลาดหนึ่งที่มียอดจำหน่ายสูงขึ้นจากเดือนสิงหาคม ทำยอดจำหน่ายรวมได้2,509 คัน พระเอกของตลาดนี้ ที่มีส่วนทำให้ยอดจำหน่ายรวมทั้งหมดเพิ่มมากขึ้น ต้องยกให้กับโตโยตา ฟอร์ทูเนอร์ ใหม่ ทำให้ยอดจำหน่ายรถเอสยูวีของ โตโยตา สูงถึง 1,433 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดไปถึง 57.1 % ส่วนอันดับที่ 2 เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฮอนดา ซีอาร์-วีมียอดจำหน่ายที่ 602 คัน ส่วนแบ่งตลาด 24.0 % ตามด้วยอันดับที่ 3 เชฟโรเลต์ แคพทีวา175 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7.0 % มิตซูบิชิ โดดเด่นในตลาดนี้อีกครั้งหนึ่งด้วย ปาเจโร สปอร์ทโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 จากยอดจำหน่าย 128 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 5.1 % ขณะที่ อีซูซุเฉือน ฟอร์ด ไปเพียงคันเดียว ทำให้อยู่ในอันดับที่ 5 จากยอดจำหน่าย 56 คัน ส่วนแบ่งตลาด2.2 %
รถเอมพีวี ยอดรวมเดือนกันยายน 480 คัน ติดลบเมื่อเทียบกับกันยายนปีที่แล้ว 14.6 %โตโยตา 288 คัน มิตซูบิชิ 126 คัน ซูซูกิ 44 คัน ซังยง 14 คัน และ เกีย 6 คัน
อีก 3 เดือนที่เหลืออยู่ เป็นช่วงไตรมาสที่ 4 ไตรมาสสุดท้ายของปี แน่นอนว่าทุกค่ายต้องเดินหน้าสร้างยอดกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่อยู่ในโพรแกรมที่จะออกจำหน่ายในปีนี้ ต้องมีโพรโมชันพิเศษ ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาต่อไปนี้ จะเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคอีกครั้งหนึ่งที่จะมีอำนาจต่อรองในการซื้อขายได้มากขึ้น เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด คุ้มค่ากับเงินที่ต้องเสียไปมากที่สุด และแน่นอน ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม ที่เป็นช่วงระยะเวลาของงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25" ที่ค่ายรถยนต์ต้องโหมแคมเปญกันอย่างหนักณ เมืองทองธานี นั่นเอง
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/79080