พิเศษ(4wheels)
ISUZU D-MAX GOLD SERIES PRESS TRIP
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เชื้อเชิญคณะสื่อมวลชน ล่องใต้ไปกับขบวน อีซูซุ ดี-แมกซ์ โกลด์ ซีรีส์ ซูเพอร์ คอมมอนเรล อีกครั้ง บนเส้นทาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี สู่อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช
การเดินทางเริ่มต้นที่ สนามบินสุราษฎร์ธานี หลังจากเข้าประจำที่นั่งในรถแล้ว ขบวนก็มุ่งตรงไปร้านเจ-คลาสส์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน เขื่อนอเนกประสงค์ที่ให้ประโยชน์ทั้งด้านการชลประทาน และการผลิตกระแสไฟฟ้า อันเป็นจุดหมายแรกที่เราจะฝากท้องไว้ บุฟเฟท์ขนมจีนเรียงรายให้เราได้ลองลิ้มชิมรสกันอย่างไม่อั้น ทั้งน้ำยา และแกงไตปลา ราดเส้นขนมจีนแบบขลุกขลิก บวกกับผักท้องถิ่นสดๆ ให้รสชาติเด็ดถึงใจ แบบปักษ์ใต้แท้ๆ ทำเอาอาหารจานอื่นกลายเป็นพระรองไปเลย
เมื่อท้องอิ่ม คณะของเราก็เปลี่ยนจากรถไปลงเรือล่องชมธรรมชาติในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน แท่งภูเขาหินที่โผล่พ้นน้ำ ก่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาจนได้ชื่อว่า กุ้ยหลินเมืองไทย คณะก็แวะพักบริเวณแพของอุทยานแห่งชาติเขาสก น้ำใสๆ ทำให้สมาชิกหลายคนอดรนทนไม่ไหว ต้องกระโดดลงไปรับความชุ่มฉ่ำ บ้างก็ขอออกกำลังพายเรือแคนู เพื่อย่อยอาหารกลางวัน บ้างก็ขอนั่งดื่มด่ำชมวิวทิวทัศน์ พร้อมเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ อยู่บนแพ
เหมือนฟ้าเป็นใจ หลังจากกลับขึ้นฝั่ง สายฝนก็เทลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้ได้มีโอกาสใช้ปุ่ม 4H ของระบบ TOUCH-ON-THE-FLY ที่สามารถเปลี่ยนการขับเคลื่อนจากระบบ 2 เป็น 4 ล้อ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งทำให้การขับขี่ในสภาพถนนเล็ก คดเคี้ยว และเปียกลื่น มั่นใจยิ่งขึ้น แถมเบรคก็หยุดได้ดั่งใจสั่ง
ขบวนรถ อีซูซุ ดี-แมกซ์ โกลด์ ซีรีส์ เดินทางถึง ราชาคีรี รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งตั้งอยู่บนผาสุดหาดในเพลา อย่างปลอดภัย จากระเบียงห้องพัก มองออกไปเห็นทะเลสงบไร้คลื่น ทำให้สภาพจิตใจที่สับสนวุ่นวาย สงบ และสบายขึ้น
รุ่งเช้าของวันใหม่ เตียงอุ่นสบายไม่อาจฉุดรั้งให้นอนต่อได้ เพราะยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้รออยู่ จึงต้องออกเดินทางกันแต่เช้า ลัดเลาะผ่านป่ายางตลอด 2 ข้างทาง สู่ท่าเรือหมู่บ้านแหลมประทับ ซึ่งมีเรือหางยาวจอดเรียงรายรออยู่ หลังจากใส่ชูชีพเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่บ้านจัดแจงแบ่งคณะของเราออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อลงเรือไปชมความงามยามเช้าของอ่าวเสด็จ พื้นที่ทะเลตอนเหนือสุดของอำเภอขนอม ซึ่งมีเรือลำเล็ก ลำน้อยของชาวบ้าน รวมทั้งเรือประมงขนาดใหญ่ จอดหากุ้งหาปลากันอยู่ เรือของเราล่องเข้าใกล้เขาพับผ้า ซึ่งเกิดจากหินดินดาดและหินอัคนี ที่มีลักษณะแยกตัวออกดูเหมือนซ้อนกันเป็นชั้นๆ
ลอยล่องอยู่กลางทะเลสักพัก เสียงลุงเจ้าถิ่นจากเรือลำแรก ก็ร้องบอกให้พรรคพวกดับเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวน พร้อมชี้มือไปที่วงน้ำ ที่ห่างจากตัวเรือไปเพียงไม่กี่เมตร อึดใจเดียว ครีบสีเทาๆ ของปลาชนิดหนึ่งก็โผล่พ้นน้ำ พร้อมกับเสียงฮือฮาของคนเมืองหลวงที่ดังขึ้น และนี่ก็คือ สิ่งที่เราสู้อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าเพื่อหวังจะได้เห็น เจ้าโลมาสีชมพู เสียงฮือฮายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อฝูงโลมาทั้งสีเทาและสีชมพู ปรากฎตัวเป็นระยะๆ รอบเรือ คล้ายจะเล่นซ่อนหา ความพยายามที่จะลั่นชัทเตอร์เก็บภาพสวยๆ ดูเหมือนจะไม่สัมฤทธิ์ผล สมาชิกส่วนใหญ่จึงถอดใจ ขอดูด้วยตาแล้วเก็บภาพความน่ารักของพวกมันไว้ในใจ บางตัวกระโดดพ้นน้ำไล่งับปลาตัวเล็กๆ เป็นอาหารเหมือนกับกำลังแสดงโชว์ในสวนสัตว์ แต่นี่คือทะเลขนอม บ้านของพวกมัน ที่นี่แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่เบียดเบียนกันของมนุษย์และสัตว์โลก จึงไม่แปลกที่ชาวบ้านแถบนี้จะร่วมกันอนุรักษ์ไม่ให้เจ้าโลมาต้องสูญหายไป
หลังจากดูโลมากันจนเต็มอิ่ม เรือก็วกไปที่เกาะนุ้ย เพื่อสักการะหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตามตำนานเชื่อกันว่า หลวงปู่ทวดได้แสดงปาฏิหาริย์ เมื่อครั้งที่ถูกโจรสลัดจับตัวลงเรือไป แต่เรือกลับหยุดนิ่งไม่สามารถแล่นต่อไปได้ หลายวันผ่านไปน้ำจืดบนเรือก็หมด สร้างความเดือดร้อนให้กับพวกโจรเป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่ทวดจึงได้ใช้เท้าเหยียบลงบนผิวน้ำทะเล เพื่อให้พวกโจรได้มีน้ำจืดดื่ม คณะของเราจึงไม่พลาดที่จะพิสูจน์ บ่อน้ำจืดกลางทะเล ที่มีลักษณะเป็นบ่อน้ำตามธรรมชาติขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายรอยเท้า ซึ่งจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อน้ำทะเลลดลง ทุกคนต่างลองตักน้ำในบ่อมาชิม และยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่าจืดสนิท
การเดินทางยังไม่สิ้นสุด เมื่อร่ำลาความสุขของทะเลขนอมแล้ว ขบวน อีซูซุ ดี-แมกซ์ โกลด์ ซีรีส์ จึงมุ่งตรงไปที่ร้านลำพูเจ้าเก่า เพื่อลิ้มความอร่อยของอาหารทะเลสดๆ ทั้งปูนึ่ง กั้งทอด อย่างจุใจ จากนั้นจึงเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ไปชมความน่ารักแสนรู้ของเจ้าลิงกังที่ "ศูนย์ฝึกลิงกะแดะแจะเพื่อการเกษตร" ลิงกังตัวผู้ขนาดอายุ 2-6 ปี ต่างแสดงความสามารถในด้านต่างๆ ทั้งเก็บมะพร้าว คลายเชือก เพื่อช่วยเหลือตัวเองในยามคับขัน รวมทั้งการแสดงโชว์ขี่จักรยานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ปิดท้ายกับอาหารมื้อเย็นมื้อสุดท้ายที่สหกรณ์ CO-OP ที่อร่อยจนพลาดไม่ได้ รวมทั้งซื้อสินค้าโอทอพเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
เรื่องโดย : ถาวร พรมพิทักษ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2551
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/78853