โลกติดล้อ
ปี 2020 มีด้วยหรือรถใช้น้ำมัน !?!
30 ปีมาแล้ว มีหนังโฆษณาบลัฟกันระหว่างเครื่องดื่มยอดนิยมของ 2 ยี่ห้อ ทำได้เจ็บมาก เครื่องดื่มยี่ห้อ เอ สร้างเรื่องว่านักโบราณคดีไปขุดซากโบราณวัตถุ พบกับซากขวดซึ่งรูปทรงเหมือนเครื่องดื่มยี่ห้อ บี แล้วหันมามองหน้ากันเลิกลั่กว่า นี่มันขวดอะไรนี่ ความหมาย ก็คือ ยี่ห้อนั้นตายไปนานแล้ว จนกลายเป็นซากวัตถุโบราณ
อีกหลาย 10 ปี ต่อจากนี้ อาจจะมีคนลืมไปแล้วก็ได้ว่า ครั้งหนึ่งเคยมีรถที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง
แม้แต่บอสส์ใหญ่ของ ปตท. ฯ ยังประกาศดังลั่นออกมาแล้วว่า ปีหน้าจะเลิกขายน้ำมันเบนซิน 95 ฟังแล้วเหมือน เอ ฟังผิดไปหรือเปล่า ก็ต้องรอเกิดขึ้นจริงๆ ก่อนถึงจะเชื่อ
ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวา เพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นเวทีระดมรถที่ใช้พลังงานสะอาด มาประชันโฉมกัน บรรยากาศภายในงาน เต็มไปด้วยความเขียว สายน้ำเย็นฉ่ำ จำลองธรรมชาติกันมา มีการทำม่านน้ำ ฝนจำลองในเทนท์ขนาดใหญ่ มีตัวหนังสือสโลแกนฉายวาบขึ้นมาว่า ปลดปล่อยพลังงานแห่งธรรมชาติ
รถที่เข้ามาโชว์ในงานนี้ ได้แก่ 9-เอกซ์ ไบโอ-ไฮบริด (9-X BIO HYBRID) ของ ซาบ ซึ่งใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงควบคู่กับพลังงานแสงอาทิตย์จากแผงที่อยู่บนหลังคา รถคันนี้ ชื่อ ซาบ ก็จริง แต่มาจากค่าย เจเนอรัล มอเตอร์ส
วันนี้ต่างจากวันวาร ไม่มีรถยนต์ค่ายไหนพูดเรื่อง แรงม้า กันอีกแล้ว มีแต่คำว่า พลังไบโอ ในงานแสดงรถยนต์เต็มไปด้วยสีเขียว ไฟ พื้นรถ รถบางยี่ห้อเอาเถาวัลย์เขียวๆ มาห้อยประกอบบริเวณแท่นที่โชว์รถเสียอีก
ในยุคที่น้ำมันขึ้นราคาไปทุกวัน และกฎเข้ม เรื่องการปล่อยไอเสียค้ำอยู่ตรงนั้น คงไม่มีค่ายรถเจ้าไหน ดันทุรังไม่คิดเรื่องพลังงานทางเลือกเป็นแน่ ค่ายรถทุกแห่งเห็นพ้องต้องกันว่า ที่เคยเล่นเรื่องพลังงานทางเลือก เพื่อสร้างภาพ เอาเด่นเอาดังนั้น คราวนี้ไม่ใช่แล้ว แต่เป็นเรื่องเอาจริงกัน เพราะยุคที่รถจะไม่ใช้น้ำมันกำลังจะมาถึงแน่นอน และทุกค่าย ต้องเร่งหาทางออกกันให้ได้
เรากำลังอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ริค แวกอเนอร์ (RICK WAGONER) ซีอีโอ ของ จีเอม ให้สัมภาษณ์ ความเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาเร็วกว่าที่คาดคิด เขายังคิดด้วยว่าผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาจะยินดีจ่ายเงินสำหรับรถเล็กที่เต็มไปด้วยเครื่องใช้ไม้สอย อัดแน่น เหมือนที่คนในยุโรปเป็นอยู่ขณะนี้
ถามว่า พลังงานทางเลือกอะไร จะอยู่ยั่งยืนมากที่สุด หันมาดู โตโยตา ซึ่งรถ ปรีอุส ของค่ายนี้เป็นรถ ไฮบริด ใช้พลังงานไฟฟ้ากับน้ำมันสลับกัน ได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่ใช่แค่หน้าตาจิ้มลิ้ม แต่เป็นตัวที่ปั๊มเงินให้บริษัท ฯ ซึ่งได้ทั้งเงิน และชื่อ ตั้งแต่ออกวางตลาดเมื่อปี 1997 สร้างยอดขายแล้วถึง 1.3 ล้านคัน ส่วนในยุโรป เลกซัส เวอร์ชัน ไฮบริด ของโตโยตา ก็ขึ้นไปเคียงบ่าเคียงไหล่กับ เมร์เซเดส-เบนซ์/บีเอมดับเบิลยู และ เอาดี สามารถทำยอดขายได้ถึง 2 เท่าในยุโรป เป็น 54,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี เลกซัส ตั้งใจเอาตัวนี้ออกมาสู้รถยุโรปไฮเอนด์ที่เป็นเครื่องดีเซล และก็สมปรารถนาจริงๆ
ในบรรดาผู้ผลิตด้วยกัน ต่างคนต่างก็พัฒนากันไปในวิถีทางของตัวเอง จะว่าไปแล้ว ขณะนี้ยากที่จะลงมติกันแน่ชัดว่าอะไรจะมาแทนน้ำมันกันจริงๆ คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ จึงจะเห็นแนวทางเด่นชัด อย่างค่าย จีเอม นั้น รถ ลิทซ์ (LUTZ) ก็ใช้เอธานอล ค่ายนี้มีความเห็นว่า ไม่มีเทคโนโลยีไหนจะลด CO2 ได้เท่ากับเอธานอล
ค่ายรถยุโรป โถมวิจัยพัฒนาไปในทิศทางของ ไฮบริด ค่าย ไดมเลร์ นำ พโรโทไทพ์ เมร์เซเดส เอสยูวี ที่เรียกว่า บลู เทค ไฮบริด (BLUE TEC HYBRID) และคุยว่าก้าวไปอีกขั้น ด้วยการใช้แบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน ซึ่งใช้กันในมือถือ เมร์เซเดส-เบนซ์ จะใช้เทคโนโลยีนี้ใน เอส 400 (S 400) ไฮบริด ที่จะออกมาในปีหน้านี้
หันมาดูด้านพลังงานไฮโดรเจนกันบ้าง ดีเทร์ เซทเช (DIETER ZETSCHE) ซีอีโอ ของ ไดมเลร์ เล่าให้ฟังว่าเขาได้ลองขับรถต้นแบบ เมร์เซเดส-เบนซ์ ที่ใช้พลังงาน เซลล์เชื้อเพลิง (FUEL CELL) แล้ว และมันพร้อมที่จะออกสู่ตลาด ตอนนี้ก็ยังติดแค่การผลิตในปริมาณมากสำหรับตลาดในวงกว้าง เพื่อทำราคาให้เหมาะสม และผู้บริโภคสามารถซื้อได้ และปัญหาอีกอย่าง ก็คือ ปั๊มเติมไฮโดรเจน ซีอีโอ ของ ไดมเลร์ บอกว่า ตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขาสามารถแก้เองได้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องจัดการเรื่องสาธารณูปโภคให้ เอาเข้าจริงกว่าจะถึงยุครถใช้ไฮโดรเจนจริงๆ ก็คงกลางทศวรรษหน้า
ค่าย บีเอมดับเบิลยู แม้จะวิ่งตามกระแส และพัฒนารถ ไฮบริด เช่นเดียวกับคนอื่น และตอนนี้ก็นำ เอกซ์ 6 มาแสดง และบอกว่าจะวางตลาดในปี 2009 แต่ก็ยังคงยืนยันว่าถ้าพูดถึงปัจจุบันนี้ ดีเซลก็ยังเป็นพลังสะอาดที่ถือว่ามีประสิทธิภาพที่สุด
มิคาเอล กานัล (MICHAEL GANAL) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ บีเอมดับเบิลยู บอกว่า รถ มีนี ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลนั้น ก็ไม่ได้ปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า ปรีอุส ของ โตโยตา แถมราคาถูกกว่า ปรีอุส ถึง 5,000 เหรียญสหรัฐ ประมาณ 165,000 บาท
โตโยตา เองก็กำลังวางแผนจะนำ ไฮบริด ออกมาอีก 18 โมเดล ภายในปี 2009 และกำลังค้นคว้าวิจัยทางเลือกอื่นๆไปพร้อมกัน ที่รู้แน่ๆ ก็คือ ค่ายนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะหยุดนิ่งอยู่แค่ทางเลือกเดียว แต่ต้องหาทางเลือกอื่นๆ ไว้ให้มากที่สุดเช่นกัน
เรื่องโดย : เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2551
คอลัมน์ Online : โลกติดล้อ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/78826