ประกันภัย
แนวทางปฏิบัติตาม พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 5) พศ. 2551
คงจำกันได้นะครับ เมื่อประมาณกลางปี 2550 ผู้เขียนได้นำเสนอเรื่อง การประกันภัยตาม พรบ. ที่มีการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 4) พศ. 2550 โดยเฉพาะเรื่องการยกเลิกเครื่องหมายแสดงว่ามีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถ และกรมการประกันภัยได้กำหนด แนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 4) พศ. 2550 จากนั้นก็ได้หยุดนำเสนอต่อไป เนื่องจากมีแหล่งข่าวจากกรมการประกันภัย (ชื่อเดิม) ว่าจะมีการแก้ไขเพิ่มเติม การประกันภัยตาม พรบ. (ฉบับที่ 5)
ในปี 2551 ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายประกันภัยหลายฉบับ ทำให้หน่วยงานและโครงสร้างการกำกับดูแลการประกันภัย เบี้ยประกันภัย กองทุนต่างๆ ก็ได้รับผลของกฎหมาย ต้องเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งจะได้นำเสนอในลำดับถัดไป
สำหรับชื่อของหน่วยงาน กรมการประกันภัย เดิมนั้น ขณะนี้หน่วยงานก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อใหม่ คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งถือเป็นองค์กรอิสระตามกฎหมายใหม่ (มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนธันวาคม 2550) มีโครงสร้าง และบทบาทหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิม ตาม พระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย พศ. 2550
เหตุผลสำคัญท้าย พรบ. ที่ต้องปรับเปลี่ยนชื่อและโครงสร้าง คือ การประกอบธุรกิจประกันภัยของไทยได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และหลากหลายรูปแบบ มีเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้านบาท/ปี จำนวนผู้เอาประกันภัยก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกรรมทางการเงินชนิดหนึ่งที่มีผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ และผู้เอาประกันซึ่งเป็นผู้บริโภค องค์กรซึ่งกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยจึงต้องมีความเป็นอิสระ และคล่องตัวเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลต่อการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย ซึ่งหน่วยงานกรมการประกันภัยเดิมอยู่ในสังกัดของกระทรวงพาณิชย์ ไม่สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจ และไม่มีความคล่องตัว และขาดความเป็นอิสระในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย จึงมีความจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
หลังจากชื่อและโครงสร้างหน่วยงานเปลี่ยนไป บทบาทของ คปภ. ก็มีความชัดเจนขึ้นอีกระดับ ในการพัฒนาธุรกิจประกันภัยของประเทศ ได้มีกฎหมายอีกหลายฉบับคลอดตามกันมา เช่น พรบ. ประกันวินาศภัย พศ. 2550/พรบ. ประกันชีวิต พศ. 2550/พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พศ. 2535 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พศ. 2550)/คณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ/ประกาศ และคำสั่งต่างๆ
ที่จะนำเสนอในฉบับนี้ คือ คำสั่งนายทะเบียนที่ 1/2551 เรื่อง การกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันรถยนต์ตาม พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พศ. 2535 (สั่ง ณ วันที่ 4 มกราคม พศ. 2551) โดย จันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. ในฐานะนายทะเบียน คำสั่งนี้มีผลตั้งแต่ 1 มีนาคม 2551 เป็นต้นไป สาระสำคัญของคำสั่ง คือ ประกาศลดอัตราเบี้ยประภัยรถยนต์ตาม พรบ. โดยให้ใช้เบี้ยประกันภัยที่ประกาศใหม่นี้ แทนเบี้ยประกันภัยที่เคยประกาศไว้เมื่อ 5 ตุลาคม 2548
เบี้ยประกันภัยใหม่นี้จะลดค่าเบี้ยลง 100 บาท จากเดิม สำหรับรถที่ใช้งานโดยทั่วไป ได้แก่ รถเก๋ง รถพิคอัพโดยสาร และพิคอัพบรรทุก ส่วนรถใหญ่ และรถอื่นๆ ยังคงใช้ในพิกัดอัตราเดิม ทั้งนี้ความคุ้มครองต่างๆ ยังเป็นไปตามกฎหมายประกันภัยตาม พรบ. ไม่ได้ถูกลดลงไปด้วย สำหรับการลดเบี้ยประกันภัยนี้ ยังไม่รู้แน่ชัดว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร พิกัดเบี้ยประกันโดยสังเขปดูได้ท้ายบทความนี้
กฎหมายอีกฉบับที่เกี่ยวกับ พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยอีกฉบับที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลใช้บังคับในเดือนสิงหาคม พศ. 2551 (180 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา) คือ พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 5) พศ. 2551 เนื้อหาสาระที่สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มข้อความในวรรค 3 ของมาตรา 7 ซึ่งข้อความเต็มๆ ทั้งมาตรา คือ
มาตรา 7 ภายใต้บังคับมาตรา 8 เจ้าของรถซึ่งใช้รถหรือมีรถไว้เพื่อใช้ ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย โดยประกันภัยกับบริษัท
จำนวนเงินเอาประกันภัย ให้กำหนดตามชนิด ประเภท และขนาดของรถ แต่ต้องไม่น้อยกว่าจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
สำหรับรถที่เจ้าของรถได้จัดให้มีการประกันภัยความเสียหายต่อผู้ประสบภัย โดยเอาประกันภัยครอบคลุมความเสียหายต่อผู้ประสบภัยและทรัพย์สิน ตามชนิด ประเภท และขนาดของรถที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงแล้ว ไม่ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยอีก
มาตรา 8 รถดังต่อไปนี้ไม่ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายตามมาตรา 7
1. รถสำหรับเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท และรถสำหรับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
2. รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด
3. รถของกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น และรถยนต์ทหารตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร
4. รถอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
โดยสรุป เนื้อหาของ พรบ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ฉบับที่ 5) พศ. 2551 คือ รถที่ทำประกันภัยภาคสมัครใจ ซึ่งกรมธรรม์นั้นได้มีความคุ้มครองรวมถึงความเสียหายต่อผู้ประสบภัย และทรัพย์สินอยู่แล้ว ไม่ต้องจัดทำประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยตาม พรบ. อีก
เหตุผล ในการประกาศใช้ พรบ. ฉบับนี้ คือ การที่เจ้าของรถได้เอาประกันภัยภาคสมัครใจครอบคลุมความเสียหายต่อผู้ประสบภัยและทรัพย์สินแล้ว ถือได้ว่าจะสามารถเยียวยาให้กับผู้ประสบภัยซึ่งได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยแล้ว ยังสามารถชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้ประสบภัยอีกส่วน ซึ่งผู้เอาประกันภัยในลักษณะดังกล่าวข้างต้นจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และเกิดความเป็นธรรม เพราะปัจจุบันเจ้าของรถผู้ได้เอาประกันภัย ต้องถูกบังคับให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยด้วย ทั้งๆ ที่เจ้าของรถได้เอาประกันภัยครอบคลุมความเสียหายต่อผู้ประสบภัยและทรัพย์สินไว้แล้ว
ในทางปฏิบัติ คปภ. กำลังยกร่างรูปแบบกรมธรรม์ใหม่ที่รวมการประกันภัยทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับไว้ในฉบับเดียวกัน ซึ่งรูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร จะนำส่วนไหนไปใช้เป็นหลักฐานในการต่อทะเบียนรถกับกรมขนส่ง และผู้ประสบภัยจะได้รับการชดเชยชดใช้ค่าเสียหายแตกต่างไปอย่างไร จะได้นำมาเสนอในฉบับต่อๆ ไป ก็คอยติดตามกันนะครับ
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/78610