มุมมองนักออกแบบ
ฮอนดา แจซซ์ แนวคิดเดิม เติมความสด
ฮอนดา แจซซ์ เป็นรถแฮทช์แบค 5 ประตู ยอดนิยม ทั้งเป็นผู้ปลุกกระแสรถเล็กท้ายตัดในบ้านเรา หลังจาก ฮอนดา เคยประสบความสำเร็จกับ ซีวิค 3 ประตู ด้วยยอดขายถล่มทลายเมื่อราว 10 กว่าปีก่อน
การเปิดตัวครั้งแรกของ แจซซ์ ในบ้านเรา เมื่อปลายปี 2547 คือ เทคนิค รุก แทนการ รับ หลังจากที่พ่ายต่อ โตโยตา ในศึกมวยเล็ก ระหว่าง เด็กปั้น ซิที กับ โซลูนา วีออส ซึ่ง แจซซ์ ก็ทำผลงานได้ดี พลิกเกมกู้หน้า ทำยอดขายสวยหรู จากรูปทรงที่เข้าตา และประโยชน์ใช้สอยสารพัด จนคู่แข่ง โตโยตา ต้องส่ง ยารีส ออกมาเบรค
อาจด้วยเหตุผลนี้เอง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จึงเลือกให้ แจซซ์ ใหม่ เปิดตัวก่อน และ ดอง ซิที ใส่ขวดโหล ไว้เผยโฉมครึ่งปีหลัง เพิ่มข้อเด่น ด้านความสด ท้ารบ โตโยตา วีออส ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว
แต่กลับมาก่อน อย่าเพิ่งคิดไกล ! แจซซ์ ใหม่ จะไปได้สวยหรือไม่ การตลาดไม่ใช่คำตอบทั้งหมด...การออกแบบรถรุ่นนี้ เด่นจุดใด ด้อยตรงไหน คำตอบอยู่ในบทสนทนา
ฟอร์มูลา : เห็นตัวจริงของ แจซซ์ กันแล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับ ?
โกศล : เป็นรถที่ยังคงแนวคิดการออกแบบจากรุ่นเดิมไว้มาก
ภัทรกิตติ์ : แต่ก็คม และกลมขึ้น ฉะนั้นรูปร่างของมันเลยเหมือน ลูกหนำเลี้ยบ มากขึ้น สูตรการออกแบบเดิมๆ ที่ทำให้ แจซซ์ ฮอทฮิท ยังคงอยู่ในรุ่นใหม่ครบถ้วน
อภิชาต : ฐานล้อยาวขึ้นหรือเปล่า ?
ฟอร์มูลา : ยาวขึ้น 5 ซม. รุ่นเดิม 2,450 รุ่นใหม่ 2,500 มม.
อภิชาต : สัดส่วนโดยรวม ผมว่าใช้ได้ทีเดียว
ภัทรกิตติ์ : แม้จะคม และกลมขึ้น แต่ก็มีความแหลม และเรียว ผสมผสานอยู่ด้วย โดยรวมเลยดูแล้วไม่อุ้ยอ้าย
คมกฤช : ฝากระโปรงหน้าสั้นลง และลาดเทมากขึ้น ส่วนกระจกบังลมหน้าทั้งกว้าง ทั้งใหญ่ และเอนลงพอควร
อภิชาต : คนขับ และคนนั่งเบาะหน้า จำต้องรับแสงแดด และความร้อนเต็มที่แน่ ฉะนั้นระบบแอร์ของรถคันนี้ ต้องทำให้ดีมากๆ
คมกฤช : ตอนซื้อ เซลส์ต้องแถมฟีล์มกรองแสงบานหน้าเต็มมาเสียดีๆ
อภิชาต : ในความคิดของผม สัดส่วนของเขาใช้ได้ทีเดียว ยิ่งถ้ารถเป็นสีอ่อน จะเห็นเส้นด้านข้างชัดเจน ทำให้ดูว่ารถใหญ่ขึ้นได้ ผมว่าโจทย์การออกแบบของเขา คือ ทำอย่างไรให้รถเล็กดูใหญ่ และโปร่ง ฮอนดา ตอบโจทย์ด้วยการ ยืด เสา เอ ให้เอน และล้ำไปกินพื้นที่ฝากระโปรงหน้ามากขึ้น แผงคอนโซลจึงต้องลึกมาก เมื่อบวกกับความกว้าง จึงดูคล้ายโต๊ะเขียนแบบของสถาปนิกไปเลย วิธีนี้ได้ผล แต่ข้อเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานของรถลักษณะนี้ คือ ความร้อนที่เข้ามาในห้องโดยสารมากขึ้น รวมถึงความร้อนจากเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้ โต๊ะเขียนแบบ ในรถ แทนที่จะไปอยู่ใต้ฝากระโปรงนอกรถ
ภัทรกิตติ์ : แต่วิศวกรอาจจะบอกว่า แค่ติดแผงกันความร้อนหนาๆ ก็จบฟอร์มูลา : สังเกตได้ว่าเครื่องยนต์ของ แจซซ์ จะโย้มาด้านหน้ารถ ข้อสันนิษฐาน คือ ฮอนดา น่าจะตั้งใจออกแบบเครื่องยนต์มาสำหรับรถหน้า กุด โดยเฉพาะ เพื่อให้ใช้พื้นที่ได้คุ้มสุดในความยาวรถเท่าเดิม สามารถดันห้องโดยสารมาทางหน้ารถได้มากขึ้น ต่างจากคู่แข่ง ที่ใช้เครื่องยนต์ที่โย้ไปข้างหลัง ห้องเครื่องจึงต้องยาวกว่า ซึ่งไปเบียดเบียนพื้นที่ห้องโดยสาร แถมเสียพื้นที่ว่างระหว่างเครื่องยนต์กับกันชนหน้าไปเฉยๆ มองแบบนี้ อาจารย์เห็นอย่างไร ?
ภัทรกิตติ์ : หากมองในมุมของความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ผมเห็นด้วยที่สุด เป็นความฉลาดในการออกแบบ ที่เอาเรื่องวิศวกรรมเครื่องยนต์ไปคิดร่วมตั้งแต่แรกด้วย แต่พื้นที่ว่างระหว่างเครื่องยนต์กับกันชนหน้า ก็ใช่จะไร้ประโยชน์ ห้องเครื่องที่โล่งขึ้น ช่วยระบายความร้อน และหากรถเกิดชนขึ้นมา ช่องว่างตรงนี้จะเป็น ระยะปลอดภัย สามารถยุบตัวได้โดยไม่กระทบอุปกรณ์ภายในห้องเครื่อง ช่วยประหยัดค่าซ่อม
อภิชาต : และถ้าวางเครื่องในลักษณะนี้ จะเหมือนกับ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์ เปี๊ยบเลย
ฟอร์มูลา : ส่วนประกอบอื่นๆ ล่ะ ?
ภัทรกิตติ์ : กระจกมองข้างมีขนาดใหญ่ขึ้น มุมมองดีกว่ารุ่นก่อน
อภิชาต : โดยรวมแม้จะยึดแนวคิดเดิม แต่คาแรคเตอร์ด้านท้าย เปลี่ยนไปนะ
คมกฤช : ส่วนท้ายของหลังคา ทำงุ้มลง คล้าย เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์
ภัทรกิตติ์ : เขาเปลี่ยนหมดเลย กระจกหลังบานเล็กลง แคบนิดเดียว คนขับที่ตัวเตี้ย จะมองยาก ทัศนวิสัยด้านหลัง เลยไม่ค่อยดีเท่าไร
ภัทรกิตติ์ : เนื่องจากยึดแนวคิดเดิม ถ้ามองจากด้านหน้า ต้องแฟน ฮอนดา เท่านั้น ถึงจะดูออกว่าเป็น แจซซ์ ใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม แจซซ์ ได้กลายเป็นรถในใจคนไปแล้ว มันกลายเป็นภาษา ที่ผมขอเรียกว่า ภาษาของ แจซซ์ ไม่ต่างกับ มีนี หรือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์
คมกฤช : แต่หุ่นมันก็เฉียบขาดขึ้นนะ
ภัทรกิตติ์ : ดุดันขึ้นด้วย ดูจี๊ดจ๊าด ปราดเปรียว
อภิชาต : รูปทรงให้ความรู้สึกว่า รถคันนี้ต้องขับสนุก
ภัทรกิตติ์ : เห็นมือจับประตู ผมว่าแบบนี้ไม่ดีเท่าไร ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ฮอนดา ถึงยังใช้แบบนี้อยู่ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุแล้ว คนจะเข้าไปช่วย มือจับประตูแบบนี้ ต้องหงายมือขึ้นแล้วดึง ออกแรงได้ไม่ถนัดเท่าแบบคว่ำมือดึง คู่แข่งเขาหันไปใช้มือจับแบบคว่ำมือดึงกันหมด
อภิชาต : อาจารย์รู้ไหมครับว่า บริษัทที่ทำมือจับประตูที่ญี่ปุ่น มีไม่กี่บริษัทเอง แล้วบริษัทรถยนต์ เขาก็จะไม่พัฒนาไปกว่านี้แล้ว รถบ้านๆ แบบนี้ใช้เฉพาะแมคานิคเดิม เปลี่ยนรุ่นทีก็ออกแบบตัวมือจับใหม่เท่านั้น
ฟอร์มูลา : สันตรงฝากระโปรงหน้า มีไว้ทำอะไร ?
คมกฤช : ถ้าตอบแบบ เอนจิเนียริง เป็นการเพิ่มความแข็งแรง
ภัทรกิตติ์ : แต่ถ้าตอบแบบสไตลิง ก็คือการเพิ่มความดุดัน
ฟอร์มูลา : มองภาพรวมภายนอกแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ?
ภัทรกิตติ์ : เป็นรถที่คมในระดับหนึ่ง
คมกฤช : เฉียบด้วย ด้านท้ายยิ่งสวย
โกศล : แต่ผมว่า ท้ายกลายเป็นว่าคล้ายซีวิครุ่นเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
อภิชาต : สังเกตกันไหมครับว่า รถเดี๋ยวนี้เขามักตั้งใจออกแบบให้ จบสะดุด
ฟอร์มูลา : จบสะดุด ?
อภิชาต : เหมือนละครจบแบบหักมุม คือ ถ้าไล่มองตัวรถจากด้านข้าง จากหน้ารถมาดูเนียนตา แต่พอถึงตอนท้ายกลับสะดุด เหมือนออกแบบไม่เสร็จ แต่จริงๆ นั่นแหละเสร็จแล้ว
ฟอร์มูลา : มาวิจารณ์ภายในกันบ้างครับ ?
ภัทรกิตติ์ : เบาะนั่งหลัง ดูน่าสงสารมากเลยครับ
อภิชาต : กระจกหลังลงได้แค่นี้เหรอครับ ไม่สุดเหรอ
ภัทรกิตติ์ : ไม่สุดครับ ติดซุ้มล้อ แต่ผมว่าภายในดูสวิงสวายกว่าตัวเก่าจมเลยนะครับ มีรายละเอียดมากขึ้น ของเดิมจะเรียบๆ แบบญี่ปุ่น
โกศล : เบาะหลังพับได้หรือเปล่า ?
ฟอร์มูลา : ได้ครับ เป็นแบบ อุลทราซีท เหมือนเดิม ที่เพิ่มขึ้นก็คือ ปรับเอนได้นิดหน่อย และประตูหลังเปิดได้กว้างมากขึ้นจากเดิม 70 เป็น 80 องศา แก้ไขปัญหาของรุ่นที่แล้ว คือ พับเบาะแล้วใส่ของได้มากจริง แต่ขนเข้าประตูไม่ได้
ภัทรกิตติ์ : ผมติดที่เบาะหลังเท่านั้น มันนั่งไม่สบายเท่าไร แต่เบาะหน้าสุดยอด และเราค้นพบอีกอย่างหนึ่งแล้วว่า แจซซ์ รุ่นนี้ออกแบบมาให้ใส่ขวดน้ำใหญ่ๆ ขนาดขวดลิตรได้เลย
โกศล : เพราะรถมันร้อนใช่ไหม ?
อภิชาต : แหม...ก็พื้นที่ด้านหน้าของห้องโดยสารเปิดรับแดดขนาดนั้น
โกศล : จอดกลางแดดนานๆ คงจับพวงมาลัยไม่ได้เลย รุ่นเก่าเป็นแบบนี้หรือเปล่า ?
ภัทรกิตติ์ : เขาเลยออกแบบให้คนขับได้กินน้ำเย็นตลอด เพราะมีช่องวางขวดน้ำหน้าช่องแอร์ด้วย
คมกฤช : ถูก...คุณได้กินน้ำเย็น แต่ใบหน้าคุณก็ยังต้องปะทะกับแดดร้อน
ภัทรกิตติ์ : ฉะนั้น ต้องมีน้ำอีกขวดไว้ราดหัว
โกศล : เรื่องวัสดุภายใน ผมว่าดูแข็งกระด้าง ไม่สบายตา ไม่นุ่มนวลชวนสัมผัส
คมกฤช : นี่เป็นตัวอย่างของรถปุ่มกดภายในไม่มาก
ภัทรกิตติ์ : เขาอาจจะอยากใส่เยอะกว่านี้ แต่เปลือง
ฟอร์มูลา : พวงมาลัยคล้าย ซีวิค เลยครับ ?
ภัทรกิตติ์ : สวยดีนะครับ แต่ผมว่าภายใน รุ่นที่แล้วลงตัวกว่านะ มันดูพอดี แต่รุ่นใหม่นี้ดู เวอร์ เหมือนหนังแนววิทยาศาสตร์มาก
โกศล : คิดเหมือนกัน รายละเอียดมันเยอะไป และการออกแบบชิ้นส่วนบางตัวมันเหมือนขาดเหตุผล
อภิชาต : หลักการออกแบบ มันต้องมีเหตุผลว่าทำไปเพื่ออะไร แต่บางมุมมันหาเหตุไม่ได้ ถ้าจะบอกว่าสวย มองทุกมุม ต้องสวยทุกมุม ไม่ใช่สวยเฉพาะมุมใดมุมหนึ่ง
ภัทรกิตติ์ : ภายในรุ่นนี้ ออกแบบสลับซับซ้อนมาก ไม่เหมือนรุ่นที่แล้ว
คมกฤช : อาจเป็นการออกแบบที่ล้ำเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้แล้วนะครับ
อภิชาต : สงสัยวันหลังต้องไปนั่งคุยกับนักออกแบบของ ฮอนดา แล้วล่ะ
ภัทรกิตติ์ : อีกอย่าง สังเกตได้ว่า รถคันนี้เป็นรถบ้านแท้ๆ เลยนะครับ เพราะมาตรวัดความเร็วอยู่ตรงกลาง โฟคัสเลยว่ารถคันนี้ไม่ ซิ่ง เน้นดูแต่ความเร็ว วัดรอบไม่มีความหมาย ทำเล็กๆ แอบไว้ข้างๆ
คมกฤช : เดี๋ยวพวกก็เอาวัดรอบมาใส่อยู่ข้างหน้าอีกนั่นแหละ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2551
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/78145