สัมภาษณ์พิเศษ(4wheels)
โยชิสึมิ คุราตะ ประธาน บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย รถสัญชาติ เกาหลี "ฮันเด" กลับใช้เป็นโอกาสคืนสังเวียนท้าชนบแรนด์ญี่ปุ่นอีกครั้ง "4 WHEELS" สัมภาษณ์พิเศษ โยชิสึมิ คุราตะ ประธาน บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ถึงแผนงานและกลยุทธ์การสร้างบแรนด์ของรถจากแดนกิมจิ
4 WHEELS : เพราะเหตุใด ฮันเด จึงกลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ?
คุราตะ : มีเหตุผลหลัก 2 ประการ คือ 1. ประเทศไทยอุตสาหกรรมรถยนต์ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และ 2. มีความสำคัญเป็นฮับของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอาเซียน อีกทั้งการดำเนินธุรกิจ ฮันเด ในประเทศไทย รับผิดชอบโดย โซจิสึ คอร์พอเรชัน บริษัททเรดิง ของญี่ปุ่น ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับ ฮันเด เกาหลี โดยเริ่มทำธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2539 จนประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายประเทศ เช่น ลาตินอเมริกา และเวเนซูเอลา
4 WHEELS : คิดว่าการกลับมาครั้งนี้ช้าไปหรือไม่ ?
คุราตะ : ไม่ช้า เพราะถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นผู้นำในตลาด และมีพื้นฐานตลาดพอสมควร แต่เราคิดว่า
ฮันเด มีโอกาสที่จะเริ่มต้น และเติบโตในตลาดนี้ รวมถึงมีสินค้าใหม่ที่จะนำเข้ามาสร้างในตลาดได้
4 WHEELS : จะใช้เงินลงทุนประมาณเท่าไร ?
คุราตะ : บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด มีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท โซจิสึ คอร์พอเรชัน
ถือหุ้น 70 % ที่เหลือ 30 % เป็นผู้ถือหุ้นคนไทย ซึ่งเหมือนเป็นจุดเริ่มต้น หากธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย อาจจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น หรือพิจารณาถึงการสร้างโรงงานผลิตในประเทศไทย
4 WHEELS : คุณคิดว่าการลงทุนจะมีความพร้อม และเหมาะสมเมื่อใด ?
คุราตะ : ปัจจุบัน ฮันเด ให้บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด เป็นผู้ผลิตรถ ฮันเด โดย ธนบุรี ฯ มี
กำลังการผลิตปีละ 20,000 คัน โดยปัจจุบันผลิตให้กับ เมร์เซเดส-เบนซ์ ทาทา และ ฮันเด ซึ่ง ฮันเด ผลิตเฉพาะ โซนาตา 2.0 และ 2.4 ยังมีกำลังการผลิตที่เหลืออยู่ หากในอนาคตใช้กำลังการผลิตเต็มที่ เมื่อถึงเวลานั้นจึงจะวางแผนเรื่องการลงทุนสร้างโรงงานของ ฮันเด อีกครั้งหนึ่ง
4 WHEELS : คุณวางนโยบายและแผนงานของ ฮันเด ไว้อย่างไร ?
คุราตะ : พื้นฐานสำคัญของนโยบายจะเน้นที่ลูกค้าเป็นหลัก โดยใช้นโยบาย RED CARPET
STRATEGY หรือการปูพรมแดง เพื่อดูแลลูกค้าของเราในฐานะคนพิเศษ ซึ่งลูกค้าจะได้รับความรู้สึกที่เหนือกว่าเมื่อมาเป็นลูกค้าของ ฮันเด รวมถึงจะทำทุกอย่างให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ไม่ใช่แค่การขาย และบริการ แต่จะรวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย
4 WHEELS : คุณมองว่า ฮันเด มีจุดแข็งจุดอ่อน ตรงจุดใด และการกลับมาครั้งนี้ต้องปรับปรุงในส่วน
ใด ?
คุราตะ : จากผลการสำรวจ เมื่อก่อน ฮันเด เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยใช้กลยุทธ์การแข่งขันเรื่อง
ราคา
แต่ไม่ได้ให้สิ่งที่ดีแก่ลูกค้า มีปัญหาเรื่อง การบริการอะไหล่ แต่สำหรับในการกลับมาครั้งนี้ จะเน้นพิเศษเรื่องของสินค้า ที่ปัจจุบันมีการลงทุนอย่างมากในเรื่องของการวิจัยและพัฒนา มีดีไซจ์นที่สวยงาม จนเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย
4 WHEELS : ถ้ามองในตัวสินค้าคุณคิดว่าอะไร คือ จุดแข็งและจุดอ่อนของ ฮันเด ?
คุราตะ : ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ตลาดหลัก คือ พิคอัพ แต่ ฮันเด ไม่มีรถพิคอัพ โดยรถของ ฮันเด จะเป็นรถเก๋ง ที่มีตั้งแต่ขนาดเล็กสุดจนถึงใหญ่สุด รวมถึงรถเอสยูวี ซึ่งปัจจุบัน ฮันเด มีเทคโนโลยีของ ฮันเด และโดดเด่นขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก เหนือกว่าคู่แข่งรถญี่ปุ่น
4 WHEELS : สินค้าของ ฮันเด ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดโลกคือรุ่นใด ?
คุราตะ : ฮันเด โซนาตา ถือเป็นรถเรือธง และรถเก๋งขนาดเล็ก เกทซ์ รวมถึงเอสยูวี ซันตา เฟ
4 WHEELS : สำหรับการเปิดตัวในประเทศไทยจะมีรุ่นใดบ้าง ?
คุราตะ : มี 3 รุ่น คือ โซนาตา เนื่องจากคุณภาพของสินค้าเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก โดยมีรางวัล
ต่างๆ รับรอง สินค้า ทั้งในด้านความปลอดภัย ดีไซจ์น คุณภาพการผลิต การใช้งาน รุ่นต่อมา คือ คูเป หรือที่รู้จักกันดีคือ ตีบูโรน เป็นรถสปอร์ท ที่ขับสนุก มีชีวิตชีวา เหมาะสม เป็นสีสันใหม่ ให้ความรู้สึกสดชื่น และ ซันตา เฟ เป็นรถเอสยูวี มีความหลากหลายเรื่องเทคโนโลยี และเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา ส่วนรถเล็กที่ยังไม่นำเข้ามานั้น เนื่องจากปัจจุบันรถญี่ปุ่นที่ผลิตในประเทศไทย ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากกว่า 80 % แต่ ฮันเด ยังเป็นการนำเข้าชิ้นส่วน ซีเคดี มาจากเกาหลี เรื่องชิ้นส่วนในประเทศไม่สามารถแข่งขันได้กับรถญี่ปุ่น แต่ในอนาคตด้วยเทคโนโลยี รวมถึงความโดดเด่นของสินค้า คงจะมีการขยายตลาดสู่รถเล็ก แต่อย่างไรก็ตามต้องรอดูการสร้างพื้นฐานของการสร้างบแรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ และตัวแทนจำหน่ายมีความพร้อมก่อน
4 WHEELS : ปัจจุบัน ฮันเด ในประเทศไทยมีความพร้อมมากน้อยเพียงใด ?
คุราตะ : ปัจจุบัน ฮันเด ประเทศไทย ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันมีพนักงาน 70 คน แต่จะไม่หยุดเพียง
เท่านี้ เนื่องจากยังมีการคัดสรรบุคลากรที่จะมาร่วมงานกับ ฮันเด อีก คาดว่าคงจะมีถึง 100 คน ในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพื่อมาสนับสนุนความพร้อมของการลงทุนในเรื่องของตัวแทนจำหน่าย และลูกค้า ส่วนการสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการภายในสิ้นปีนี้จะมีทั้งหมด 14 แห่ง และจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 34 แห่ง เพื่อครอบคลุมพื้นที่หลักในประเทศไทย
4 WHEELS : คุณจะนำกลยุทธ์ใดมาลบภาพของ ฮันเด ในอดีต ?
คุราตะ : กลยุทธ์จะต้องนำหลายสิ่งมาผสมผสานกัน เช่น ราคา คุณภาพ สินค้า ดีไซจ์น ที่สำคัญต้อง
ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วที่สุด และดีที่สุด แต่การทำงานต้องทำเป็นขั้นตอน โดยอันดับแรก คือ ต้องทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งจากการศึกษาตลาดที่ผ่านมา ลูกค้าจะถูกทอดทิ้ง มีปัญหาเรื่องอะไหล่ และราคาขายต่อ ดังนั้นทางแก้ไข คือ นำจุดเด่นของสินค้ามาใช้เป็นสื่อในการทำตลาด ซึ่งมีทั้ง เทคโนโลยี คุณภาพ การดีไซจ์น ที่หากเปรียบเทียบกับรถญี่ปุ่นแล้วสามารถแข่งขันกันได้ โดยการสำรวจยังพบว่ารถบางรุ่นของ ฮันเด เหนือกว่ารถญี่ปุ่น ไม่ใช่รถราคาถูก แต่ก็ไม่ใช่สินค้าที่แพง ยังมีลูกค้าที่เลือกซื้อสินค้าเพราะคุณภาพ และราคาเหมาะสม
นอกจากนี้จะเน้นไปที่การบริการ ไม่ได้ขายรถอย่างเดียว พนักงานขายไม่ได้ขายรถเพียงอย่างเดียว
แต่เป็นที่ปรึกษาด้านผลิตภัณฑ์ ให้ความเป็นเพื่อน เป็นมิตร เมื่อคุณมีปัญหาอะไร เราจะอยู่เคียงข้าง
คุณ สิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้คนที่รู้สึกผิดหวัง กับ ฮันเด กลับมามอง และเปิดโอกาสให้เรา นำสิ่งเหล่านี้กลับมาสู่ใจลูกค้า
4 WHEELS : ในประเทศเกาหลี ฮันเด มียอดขายเท่าใด ?
คุราตะ : ประเทศเกาหลีโดยรวมมียอดการผลิตเมื่อปีที่แล้ว 1.7 ล้านคัน รวมทั้งตลาดในประเทศและ
ส่งออก โดยส่วนใหญ่เป็นตลาดในประเทศมีปริมาณกว่า 1.1 ล้านคัน โดย ฮันเด มียอดขาย 581,000
คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50 % ของตลาดรวม
4 WHEELS : ส่วนในประเทศไทย คุณคิดว่าเราสามารถแข่งขันกับ เกีย ได้หรือไม่ ?
คุราตะ : ได้แน่นอน เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายและการตลาดของ ฮันเด และ เกีย แตกต่างกัน โดย ฮันเด จุดยืนจะเน้นกลุ่มรถหรู ส่วน เกีย เน้นการเป็นเจ้าของได้ง่าย กลุ่มวัยรุ่น โดยการตลาดจะใช้รูปแบบนี้เหมือนกันทั่วโลก เช่นเดียวกันประเทศไทยก็จะใช้การตลาดรูปแบบนี้เช่นกันในระยะยาว
4 WHEELS : คุณอยากให้รัฐบาลมีการปรับปรุงอุตสาหกรรมรถยนต์ในด้านใด ?
คุราตะ : ในแง่ของปัจจัยในการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย รัฐบาลมีการสนับสนุนอุตสาหกรรม
รถยนต์อย่างต่อเนื่อง ไม่เฉพาะการเชิญชวนให้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ทำตลาดในประเทศ และส่งออก แต่ยังมีการสนับสนุนในเรื่องของซัพพลายเรื่องชิ้นส่วน ทำให้คุณภาพของรถยนต์ และสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมีคุณภาพโดดเด่นกว่าประเทศอื่น ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยดีมาก และเป็นการสร้างพื้นฐานให้อุตสาหกรรมรถยนต์
อีกส่วนหนึ่งเป็นปัจจัยเรื่องราคารถยนต์ในประเทศไทย เทียบกับอัตรารายได้เฉลี่ยต่อคนเทียบกับ
ประเทศอื่น ราคารถยนต์ค่อนข้างสูง ถ้ามีการพิจารณาเรื่องพิกัดอัตราภาษีให้เหมาะสม คิดว่าประชาชนน่าจะสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้มากกว่านี้ และแน่นอนตลาดรถยนต์เมืองไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก
4 WHEELS : คุณมีหลักการ และเป้าหมายอย่างไรในการบริหารงาน ฮันเด ในประเทศไทย ?
คุราตะ : อย่างแรก ต้องมองว่าจะทำอย่างไรให้ ฮันเด มีภาพลักษณ์ที่ดี และกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง คือ การคาดหวังเรื่องของยอดขายที่จะต้องเติบโตตามมา และอยากให้ ฮันเด เป็นตัวเลือกของคนไทย คนใช้ ฮันเด มีไลฟ์สไตล์โดยเฉพาะ มีความเป็นตัวตนของลูกค้า เชื่อว่า สินค้าใหม่ ยี่ห้อใหม่ เป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้นในการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ที่เลือก
4 WHEELS : คุณตั้งเป้าความสำเร็จของ ฮันเด ในไทยไว้กี่ปี ?
คุราตะ : สิ่งแรกคือ การวางพื้นฐานแรก สำหรับการสร้างบแรนด์ ใช้ระยะเวลา 3 ปี ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ตัวเลข ในระยะ 3 ปีแรก แต่เป็นความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้ามากกว่า การขายที่จะสร้างตัวเลขยอดขายง่ายมาก เพียงแค่ลดราคา แต่จะเป็นการทำงานระยะสั้น สิ่งที่ต้องการ คือ ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดี ใส่ใจ และรัก ฮันเด
4 WHEELS : จนถึงช่วงเวลานั้น คุณคิดว่า ฮันเด จะมีรถจำหน่ายกี่รุ่น ?
คุราตะ : การเปิดตัวครั้งแรก 3 รุ่น แต่รุ่นที่จะเน้นมากที่สุด คือ โซนาตา ส่วน คูเป และ ซันตา เฟ
เหมือนเป็นรุ่นที่เสริมตลาด เพื่อสร้างความหลากหลาย โดยในเรื่องของสินค้าใหม่วางแผนไว้ว่าจะมีรถ
รุ่นใหม่เปิดตัวประมาณ 3-5 รุ่น/ปี
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/77741