เทคนิคตีนโต
ISOFIX ความปลอดภัยของเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ความใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัยนั้น คนไทยเราไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไรนัก ขนาดเข็มขัดนิรภัยยังต้องบังคับถึงจะยอมคาด มีจำนวนน้อยเท่านั้นที่คาดเข็มขัดนิรภัย เพราะตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองจริงๆ ยังไม่นับรวมเรื่องของความปลอดภัยในการทำงานอื่นๆ ที่คนไทยไม่ค่อยใส่ใจกัน จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ความปลอดภัยในการเดินทางโดยรถยนต์นั้น มีอันตรายมากทีเดียว บ้านเราขาดการปลูกฝังในเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะความปลอดภัยสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ส่วนเรื่องการใช้รถใช้ถนนนั้น ยิ่งแล้วใหญ่ เข็มขัดนิรภัยก็คาดแค่ไม่ให้โดนจับ ไม่ได้สนใจว่าจะช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดกับตัวคุณเองได้มากขนาดไหน ซ้ำร้ายสื่อสิ่งพิมพ์รายวันยังชอบพาดหัวข่าวให้เห็นบ่อยๆ ว่า "ตายเพราะเข็มขัดนิรภัย" โดยคนเขียนไม่ได้ดูเหตุผลเลยว่า การเสียชีวิตนั้นเป็นเพราะความร้ายแรงของอุบัติเหตุ ที่เกิดจากแรงกระแทกที่มันรุนแรงมากกว่าปกติ เพราะเข็มขัดนิรภัยนั้นจะช่วยตรึงผู้ขับขี่ไม่ให้กระแทกกับคอนโซลหน้ารถ หรือกระเด็นออกไปนอกรถ กรณีที่ความรุนแรงของการชนมีมาก ขนาดที่คอนโซลหน้ายุบมาถึงตัวผู้ขับขี่ ลักษณะนี้ เข็มขัดและถุงลมนิรภัยก็ช่วยอะไรไม่ได้แน่นอน ที่เลวร้ายกว่านั้น คือ เรื่องการนำเด็กโดยสารไปกับรถ มากกว่า 99 % ของผู้ใช้รถทั้งหมดที่จะเห็นความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยสำหรับเด็ก ในบ้านเรารถเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นของเด็กๆ ที่เคลื่อนที่ได้มากกว่า ผู้ปกครองมักจะปล่อยให้เด็กนั่งตัก หรือวิ่งเล่นไปมาตามความพอใจ โดยหารู้ไม่ว่านั่นเหมือนกับการปล่อยให้ลูกหลานวิ่งเล่นบนระเบียงสูงๆ ที่ไม่มีราวกั้น ไม่ต่างกันเลย ถ้าคุณปล่อยให้เด็กอยู่ในรถโดยไม่ใส่ใจในความปลอดภัย
อย่าคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นนะครับ ถ้าคุณปล่อยให้เด็กนั่งหน้า แล้วขับรถด้วยความเร็ว 40 กม./ชม. ยกตัวอย่างว่า ลูกคุณประมาณ 5-6 ขวบ น้ำหนักราว 30 กก. ในความเร็วคงที่เช่นนี้ ถ้าคุณชนกับเสาไฟฟ้าหรือกำแพง เด็กจะกระเด็นไปปะทะกับกระจกหน้าหรือคอนโซลหน้า แรงปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เทียบเท่ากับน้ำหนักประมาณ 1 ตัน ความรุนแรงจะมากขึ้นตามความเร็วและน้ำหนักตัวของเด็ก แรงปะทะที่รุนแรงนี้ เด็กอาจจะกระเด็นออกไปนอกรถได้ง่ายๆ แม้คาดเข็มขัดนิรภัยก็ไม่สามารถช่วยได้ ซ้ำร้ายรถที่มีถุงลมนิรภัย ยิ่งเป็นอันตรายสำหรับเด็ก เพราะการทำงานของถุงลมนิรภัยนั้น รุนแรงมากพอที่จะทำให้เด็กบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิตในทันที เพราะแรงปะทะที่เกิดขึ้นระดับนี้ เท่ากับผู้ใหญ่ดิ่งลงมาจากตึกชั้น 2 โดยเอาหน้าอกกระแทกพื้น คิดดูว่ามันจะรุนแรงขนาดไหน และเด็กที่ร่างกายยังไม่แข็งแรง มีโอกาสบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงกว่าผู้ใหญ่หลายเท่าตัว
เด็กแรกเกิดจนถึงอายุราว 12 ปี หรือจนกว่าความสูงจะมากกว่า 120 ซม. ถึงจะเหมาะสำหรับเข็มขัดนิรภัยติดรถแบบที่ผู้ใหญ่ใช้อยู่ ถ้าแบ่งประเภทของเด็กตามความเหมาะสม จะสามารถแบ่งได้ 3 ระดับ สำหรับการเลือกใช้เบาะสำหรับเด็ก
- เด็กแรกเกิดถึงอายุประมาณ 1 ปี เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์มากที่สุด เนื่องจากกระดูกต้นคอยังอ่อนมาก และน้ำหนักของศีรษะก็มีมากถึง 1 ใน 4 ของน้ำหนักตัว ผู้ใหญ่จะมีน้ำหนักของศีรษะเพียง 6 % ของน้ำหนักตัว หมายความว่าเมื่อเกิดแรงปะทะ โอกาสที่เด็กจะคอหักมีมากกว่าหลายเท่าตัว เด็กในวัยนี้ต้องใช้เบาะสำหรับเด็ก ที่มีลักษณะเป็นแบบตะกร้าและต้องนั่งหันหลังไปทางหน้ารถ ตำแหน่งที่ดีที่สุด คือ นั่งหันหลังชนกับคนขับจะดีที่สุด กรณีที่เกิดอุบัติเหตุแผ่นหลังของเด็กจะช่วยรับแรงกระแทกส่วนหนึ่ง โอกาสที่จะเกิดคอหักหรือการบาดเจ็บที่ต้นคอจะน้อยลงมา เมื่อเด็กมีความสูงใกล้ขอบเบาะ ต้องเปลี่ยนใหม่ให้เหมาะสมกับขนาดและน้ำหนักตัวของเด็ก
- สำหรับเด็กอายุ 1-3 ขวบ ยังต้องนั่งหันหลังพิงกับคนขับเช่นเดิม เพราะร่างกายของเด็กยังอยู่ในช่วงพัฒนา ทั้งโครงสร้างกระดูกกำลังเปลี่ยนแปลงและยังอ่อนแอมาก ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
- เมื่อเด็กมีอายุมากกว่า 3 ปี หรือความสูงถึงพนักพิงเบาะ ต้องเปลี่ยนเบาะใหม่อีกครั้ง และสามารถปรับเปลี่ยนท่านั่งให้หันหน้าไปทางหน้ารถได้ปกติ เพราะร่างกายมีความแข็งแรงเพียงพอ ซึ่งเบาะสำหรับเด็กโตนี้ สามารถใช้งานได้นานกว่า แล้วจะดูได้อย่างไรว่าเด็กจะพร้อมเดินทางได้แบบปกติ เมื่อเด็กมีความสูงของร่างกายมากกว่า 120 ซม. ขึ้นไป หรือเมื่อให้ลองนั่งในตำแหน่งปกติแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย ถ้าสายเข็มขัดพาดผ่านไหล่พอดี ไม่พาดผ่านลำคอ ก็ถือว่าเลิกใช้เบาะเด็กได้ครับ
ISOFIX คืออะไร ?
คือมาตรฐานที่ทำขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก และเพิ่มความสะดวกในการใช้งานของเบาะนั่งสำหรับเด็ก เป็นความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตรถและผู้ผลิตเบาะนั่งสำหรับเด็ก เพื่อเป็นมาตรฐานการใช้งานในอนาคต พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นมาตรฐานของจุดยึดที่ตัวรถกับเบาะนั่งสำหรับเด็กที่ผลิตโดยบริษัททั่วๆ ไป เมื่อรถคุณมีจุดยึด ISOFIX คุณก็สามารถซื้อเบาะนั่งสำหรับเด็กที่ใช้มาตรฐาน ISOFIX ได้ทันที และเบาะนั่งที่มีมาตรฐานนี้ สามารถโยกย้ายไปใช้กับรถรุ่นอื่นๆ ที่มี ISOFIX ได้ทันที เพราะที่ผ่านมาการติดตั้งเบาะเด็กนั้นมีปัญหาพอสมควร เช่น การติดตั้งได้เฉพาะรุ่นรถ ลักษณะนี้จะไม่สามารถนำไปใช้กับรถรุ่นอื่นได้ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ หรือเบาะที่สามารถใช้ได้กับรถทุกรุ่น โดยใช้เข็มขัดนิรภัยของรถยึดไว้ แบบนี้ความปลอดภัยจะค่อนข้างน้อย เพราะติดตั้งแล้วอาจจะไม่พอดีกับรถทุกรุ่น
มาตรฐาน ISOFIX จึงเป็นมาตรฐานในการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์และเบาะสำหรับเด็กโดยเฉพาะเพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับเด็กในการใช้งานจริง มาตรฐานนี้มีใช้งานในบ้านเรานานแล้ว ในรถยนต์หลายรุ่น แต่เจ้าของรถไม่รู้ว่า มันมีประโยชน์และมีข้อดีสำหรับลูกหลานเพียงใด ? โดยเฉลี่ยแล้วเด็กจะต้องเปลี่ยนเบาะประมาณ 3 ครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะการออกแบบของเบาะแต่ละรุ่นด้วย
ด้วยมาตรฐานนี้สามารถนำเบาะที่ไม่ได้ใช้ ส่งต่อไปยังครอบครัวอื่นได้ เพราะเบาะมีอายุการใช้งานยาวนาน การอุ้มเด็กไว้ในอ้อมกอด หรือนั่งบนตัก หรือปล่อยให้เด็กวิ่งเล่นในรถตามความพอใจ จะไม่มีความปลอดภัยสำหรับเด็ก เพราะเมื่อเกิดแรงปะทะอย่างรุนแรง ตัวผู้ใหญ่เองยังเอาตัวไม่รอด นับประสาอะไรกับเด็กที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ โปรดระลึกไว้เสมอว่า ชีวิตลูกหลานของคุณมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด การลงทุนสำหรับเบาะเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย ถ้าคิดเป็นเงินก็เฉลี่ยปีละ 3,000-4,000 บาทเท่านั้น
เรื่องโดย : พหลฯ 30
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : เทคนิคตีนโต
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/77678