ตอบจดหมาย(4wheels)
พวงมาลัยเพาเวอร์/ท่านั่งขับ/เหล็กกันโคลงหลัง
1. เมื่อต้องขับรถอ้อมเกาะกลางถนน ถ้าเป็นการเลี้ยวทันทีและต่อเนื่องจะไม่เป็นภาระในระบบเพา
เวอร์ แต่หากต้องจอดเพื่อรอจังหวะเลี้ยวเป็นเวลานานๆ โดยหักพวงมาลัยเลี้ยวจนสุดค้างรอไว้ อาจเป็นผลเสียต่อชิ้นส่วนของพวงมาลัยเพาเวอร์ได้
2. การนั่งขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อผิดท่า อาจทำให้คุณบาดเจ็บ หรือพิการเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต
เพราะลักษณะการใช้งานของรถต้องวิ่งไปบนทางวิบาก การกระเด้งกระดอนของรถ อาจทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อนได้
3. เหล็กกันโคลงกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่ใช้ระบบรองรับแบบอิสระ จะให้ผลดีต่อเมื่อขับบนทางเรียบ
ด้วยความเร็วสูงเท่านั้น ส่วนทางวิบากไม่ใช้จะดีกว่า
พวงมาลัยเพาเวอร์
ฉบับแรกจาก สนธยา นาคพงษ์/จ. ชุมพร ขอคำแนะนำเกี่ยวกับระบบพวงมาลัยเพาเวอร์
ถาม : ผมเพิ่งขับรถเป็นใหม่ๆ ซื้อรถพิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อมา อยากให้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ใช้ได้
นานๆ ต้องทำอย่างไร และข้อควรระวังในการใช้งานมีอะไรบ้าง ช่วยบอกด้วยครับ ?
ตอบ : ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ของรถขับเคลื่อน 4 ล้อทุกวันนี้ ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีให้
เหมาะสมกับสภาพการใช้งานในบ้านเรา คนขับแทบไม่ต้องไปกังวลกับการใช้งานแต่อย่างใด ขอให้มีการตรวจสอบระดับน้ำมันเพาเวอร์ในกระปุกที่อยู่ในห้องเครื่องยนต์ ไม่ให้พร่องลงไปมาก และหากพบว่าพร่องผิดปกติ ให้ตรวจเชคหารอยรั่ว และรีบนำรถเข้าศูนย์บริการทันที
วิธีการขับขี่ก็เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการขับในทางตรงนั้นไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไร แต่เมื่อต้องขับรถ
อ้อมเกาะกลางถนน ถ้าเป็นการเลี้ยวทันทีและต่อเนื่อง ก็ไม่เป็นภาระในระบบเพาเวอร์แต่อย่างใด แต่หากต้องจอดเพื่อรอจังหวะเลี้ยวเป็นเวลานานๆ โดยหักพวงมาลัยเลี้ยวจนสุดค้างรอไว้ อาจเป็นผลเสียต่อระบบและชิ้นส่วนของพวงมาลัยเพาเวอร์ได้ เนื่องจากในจังหวะของการหักเลี้ยวสุดของพวงมาลัยเพาเวอร์นั้น ปั๊มเพาเวอร์จะส่งแรงดันไฮดรอลิคที่สูงมาก เพื่อต้านแรงหมุนของระบบบังคับเลี้ยว แม้ว่าระบบของเพาเวอร์จะมีวาล์ว เพื่อระบายแรงดันส่วนเกินอยู่ก็ตาม แต่ด้วยแรงดันที่สูงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้ชิ้นส่วนของระบบเพาเวอร์ อย่างเช่น ลูกยาง ซีลยาง รับแรงดันไม่ไหว จนฉีกขาดหรือแตกเสียหายได้ ผลที่ติดตามมา คือ ระบบเพาเวอร์ไม่สามารถใช้การได้ หากจำเป็นต้องหยุดรถ เพื่อรอจังหวะเลี้ยว ให้ปล่อยพวงมาลัยอยู่ในลักษณะไร้แรงขืน เมื่อได้จังหวะเลี้ยวค่อยหักพวงมาลัย
ส่วนใหญ่ความผิดปกติของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ที่พบ คือ การรั่วที่จุดใดจุดหนึ่ง ทำให้ระดับของน้ำมันเพาเวอร์พร่องไป แรงดันของน้ำมันในระบบจึงไม่เพียงพอ สังเกตได้จากต้องออกแรงสาวพวงมาลัยมากขึ้น หรือปั๊มเพาเวอร์มีเสียงดัง หากมีอาการเช่นนี้ ให้หาจุดรั่วและรีบแก้ไขโดยเร็ว
ท่านั่งขับ
ฉบับที่สองจาก ไพโรจน์ ตติยกิจเจริญ/จ. ลำพูน ขอปรึกษาเรื่องการจัดตำแหน่งท่านั่งขับรถขับเคลื่อน
4 ล้อ
ถาม : ผมเคยอ่านเจอในนิตยสารรถยนต์เกี่ยวกับเรื่องท่านั่งขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงสงสัยอยู่ว่าการ
ขับรถแต่ละประเภทต้องมีท่านั่งเฉพาะด้วยหรือ และท่านั่งขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อแตกต่างจากการขับรถทั่วไปอย่างไร จะนั่งขับตามสบายได้หรือไม่ และมีผลต่อการขับอย่างไร ?
ตอบ : คนขับรถโดยทั่วไปมักจะนั่งโดยถือเอาความสบาย หรือความเคยชินเป็นหลัก ไม่ได้ให้ความสน
ใจในเรื่องความปลอดภัย การนั่งขับที่ไม่ถูกต้องส่วนใหญ่จะมีอยู่ 2 ลักษณะใหญ่ คือ นั่งชิดพวงมาลัย
มากเกินไป กับนั่งห่างพวงมาลัยมากเกินไป
การนั่งชิดพวงมาลัยมากเกินไป คนขับจะหมุนวงพวงมาลัยไม่ถนัด เนื่องจากข้อศอกติดชิดกับลำตัว
แถมการเหยียบคลัทช์และเบรคก็ไม่สะดวก เนื่องจากหัวเข่าไปชนกับขอบของพวงมาลัย ส่วนการนั่งห่างพวงมาลัยมากเกินไป บางครั้งไม่สามารถเหยียบคลัทช์หรือเบรคได้สุด หมุนพวงมาลัยไม่ถนัด เนื่องจากหัวไหล่ไม่แตะพนักพิงเบาะ เหมือนกำลังโหนพวงมาลัยอยู่ ทำให้ควบคุมรถได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ฉะนั้นท่านั่งขับที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญมาก ยิ่งเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยแล้ว การนั่งผิดท่าอาจทำ
ให้คุณบาดเจ็บ หรือพิการเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต เพราะลักษณะการใช้งานของรถต้องวิ่งไปบนทางวิบาก การกระเด้งกระดอนของรถ อาจทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อนได้ ท่านั่งขับที่ถูกต้องผู้ขับต้องสามารถเหยียบคลัทช์ และเบรคได้สุด หมุนพวงมาลัยได้โดยหัวไหล่ไม่หลุดจากพนักพิงเบาะ ข้อศอกไม่ติดลำตัว ตำแหน่งของพนักพิงควรตั้งฉาก จะทำให้แผ่นหลังตั้งตรง ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองด้านหน้าตัวรถและด้านข้างเป็นไปด้วยดี ที่สำคัญทุกครั้งที่นั่งขับอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย
เหล็กกันโคลงหลัง
ฉบับสุดท้ายจาก เกรียงศักดิ์ คำดี/จ. สระบุรี สับสนเกี่ยวกับการทำงานของเหล็กกันโคลง
ถาม : อยากทราบว่าเราติดตั้งเหล็กกันโคลงไว้เพื่ออะไร และรถขับเคลื่อน 4 ล้อ จำเป็นต้องติด
เหล็กกันโคลงหลังเพิ่มเติมหรือไม่ ติดแล้วจะมีผลดีอย่างไร ?
ตอบ : คุณไม่ได้บอกมาด้วยว่าช่วงล่างเป็นแบบไหน แบบอิสระ หรือคานแข็ง เมื่อถามมาแล้วก็จะตอบ
ให้ทั้ง 2 แบบแล้วกัน ก่อนอื่นมารู้จักกับเหล็กกันโคลงกันก่อน เหล็กกันโคลง หรือสเตบิไลเซอร์บาร์
(STABILIZER BAR) ทำจากเหล็กสปริงที่ออกแบบมาเป็นแนวตรง หรือดัดตามแบบเพื่อหลบชิ้นส่วน
ของระบบรองรับ และมีปลายทั้ง 2 ข้างยึดเข้ากับคานล่างของระบบรองรับทั้ง 2 ฝั่ง
รถที่ใช้ระบบรองรับแบบอิสระในแต่ละล้อ เหล็กกันโคลงแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลยเมื่อรถวิ่งในทาง
ตรง แต่จะมีบทบาทเมื่อขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เหล็กกันโคลงจะช่วยต้านการยกของล้อด้านที่อยู่ในโค้ง เพื่อให้ล้อทั้งซ้าย/ขวาสัมผัสพื้นได้เต็มที่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนในขณะเข้าโค้งให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่ใช้ระบบรองรับอิสระทั้ง 4 ล้อ การติดตั้งเหล็กกันโคลง จะมีผลดีหรือผลเสียขึ้นอยู่กับการใช้งานของรถคันนั้น หากวิ่งบนทางเรียบเป็นส่วนใหญ่ และใช้ความเร็วสูง การติดตั้งเหล็กกันโคลงจะช่วยให้รถเกาะถนนขณะเข้าโค้งได้ดีขึ้น แต่ถ้าใช้งานบนทางวิบากสมบุกสมบัน การติดตั้งเหล็กกันโคลงจะไม่เกิดผลดี เนื่องจากมันจะไปช่วยเสริมการลอยตัวของล้อด้านที่ไม่ได้ป่ายปีน ผลก็คือ แทนที่ล้ออีกด้านจะสัมผัสพื้นดินเพื่อที่จะตะกุยทาง กลับต้องลอยค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ไม่สามารถทำอะไรได้
สรุปว่า เหล็กกันโคลงกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่ใช้ระบบรองรับแบบอิสระ จะให้ผลดีต่อเมื่อต้องขับบน
ทางเรียบด้วยความเร็วสูงเท่านั้น ส่วนทางวิบากไม่ใช้จะดีกว่า
สำหรับรถพิคอัพที่ขับเคลื่อนล้อหลังผ่านเพลาหลังแบบคานแข็ง มีระบบรองรับแบบแหนบซ้อน
และชอคอับไขว้อยากติดก็ได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องติดสักเท่าไร เนื่องจากตัวเพลาหลังที่เป็นแบบคานแข็งนั้น ทำหน้าที่เป็นเหล็กกันโคลงไปในตัวอยู่แล้ว หากต้องการจะติดจริงๆ แนะนำให้ติดตั้งกับล้อคู่หน้าจะดีกว่า
เรื่องโดย : อีซี แมน
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ตอบจดหมาย(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/77415