ประกันภัย
กรณีศึกษา สัมพันธ์ประกันภัย ฯ ไปไม่รอด (3)
ต่อจากฉบับที่แล้ว หลังจากที่กรมการประกันภัยได้ยื่นคำขาดให้ บริษัทสัมพันธ์ประกันภัย ฯ แก้ปัญหาการขาดเงินกองทุน และเสริมสภาพคล่องให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 16 กค. 2550 มิฉะนั้น ทางกรม ฯ จะสั่งให้บริษัทดังกล่าวหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ซึ่งบริษัทสัมพันธ์ประกันภัย ฯ ก็ไม่สามารถแก้ไขสภาพคล่อง โดยการเพิ่มทุนได้ทันตามกำหนด ผลที่ตามมา คือ กรมการประกันภัย ได้สั่งให้บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ถือเป็นข่าวฮือฮาไปทั่ววงการประกันภัย บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับทอพเทนยังสั่นสะเทือนแล้วบริษัทประกันภัยเล็กๆ รองลงมามันน่าสงสัยจะอยู่ได้ยังไงกัน เป็นคำถามที่คนทำประกันภัยไม่รู้จะหาคำตอบที่แท้จริงจากที่ไหน
การแถลงข่าวของกรมการประกันภัยแจ้งว่า ตามที่นายทะเบียนได้มีคำสั่งที่ 12/2550 เรื่อง ให้บริษัท
ประกันวินาศภัยหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 สั่งให้บริษัท
สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงนั้น
กรมการประกันภัย ได้เปิดเผยว่า บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด มีฐานะการเงินดำรงเงินกองทุนไม่
ครบถ้วนตามกฎหมาย มีปัญหาสภาพคล่อง จัดสรรทรัพย์สินตามประเภทที่กฎหมายกำหนดไม่เพียง
พอกับเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ตกเป็นรายได้ของบริษัท และเงินสำรองสำหรับค่าสิน
ไหมทดแทน กรมการประกันภัยในฐานะผู้กำกับดูแลบริษัทประกันภัย ได้ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่เข้า
ตรวจสอบ กำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด รวมทั้งใช้อำนาจตามพระ
ราชบัญญัติประกันวินาศภัย ปี 2535 ดำเนินการกับบริษัทตามขั้นตอนของกฎหมาย และได้ให้บริษัท
ดำเนินการแก้ไขฐานะการเงินและเร่งรัดให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทน พร้อมทั้งได้เชิญกรรมการผู้มี
อำนาจของบริษัทมาพบหลายครั้ง เพื่อรับทราบฐานะการเงิน และให้ปรับปรุงแก้ไขฐานะการเงินให้
ดำรงเงินกองทุนตามกฎหมายและมีสภาพคล่อง แต่บริษัทก็ไม่สามารถดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา
ฐานะการเงินและยังคงค้างจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ประชาชนมาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก
นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เห็นว่า บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย
จำกัด ขาดเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมาย มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน และค้างจ่ายค่าสินไหม
ทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนเป็นจำนวนมาก การดำเนินการจึงอยู่ในลักษณะอันอาจเป็น
เหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 52 แห่งพระราช
บัญญัติประกันวินาศภัย ปี 2535 สั่งให้บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็น
การชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป จนกว่าจะสามารถแก้ไขปรับปรุงฐานะการเงิน
ให้มีความมั่นคง อยู่ในสถานะที่สามารถจะประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไปได้
เพื่อเป็นการรักษาสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย ถึงแม้ว่าบริษัทจะถูกสั่งให้หยุดรับ
ประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวก็ตาม บริษัทยังต้องเร่งดำเนินการดังต่อไปนี้
1. จ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ยังคงค้างจ่ายให้แก่ประชาชนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
2. ปรับปรุงแก้ไขฐานะการเงินให้มีความมั่นคงอยู่ในสถานะที่จะสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้
3. ให้บริษัทแจ้งพนักงาน หรือตัวแทนประกันวินาศภัยของบริษัทให้ยุติการชักชวนให้ประชาชนทำประ
กันภัยกับบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต
ดังนั้น ในระหว่างที่สั่งให้บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวนี้
ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนสามารถติดต่อขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ผู้ประสบภัยจากรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ฯ หากไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทน
จากบริษัทภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้ยื่นเอกสารครบถ้วน ก็สามารถขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกอง
ทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้ ทั้งนี้กรมการประกันภัยจะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปกำกับดูแลการดำเนินการ
ของบริษัท
จบคำแถลงข่าวของกรมการประกันภัยลง ก็ไม่ต้องสงสัยว่าคนที่เดือดร้อนก็คือลูกค้าผู้ทำประกันภัยกับบริษัทสัมพันธ์ประกันภัย ต้องหาทางที่จะไปทำประกันภัยกับบริษัทใหม่ ซึ่งต้องเสียเงินค่าเบี้ยประ
กันภัยอีกรอบแน่ๆ คนที่น่าจะซวยก็เห็นจะเป็นคนที่สำรองจ่ายค่าซ่อมหรือค่าสินไหมทดแทนแล้วรอตั้ง
เบิกกับบริษัท บริษัทไม่มีเงินจ่ายก็ต้องรอกันต่อไปว่าจะได้เมื่อไร จะได้ครบจำนวนหรือไม่ มันน่า
หงุดหงิดไหมละเมื่อเป็นอย่างนี้
อีก 3 พวกที่เดือดร้อนตามมาไม่แพ้กัน ก็คือ ผู้เสียหายที่รอการชดใช้จากบริษัท อันนี้เดือดร้อนสองเด้ง
เลยละ เด้งแรกก็เสียหายหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเจ็บตัว หรือต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไปแล้ว และ
ยังต้องมาเดือดร้อนจากการขอรอรับการชดใช้จากบริษัทที่มีปัญหาการเงิน ซึ่งไม่รู้จะจ่ายให้ได้เมื่อไร
มันเศร้าใจจริงๆ
พวกต่อมาเห็นจะเป็นเจ้าหนี้ทั้งหลายของบริษัท ได้แก่ บรรดาอู่ซ่อม ร้านอะไหล่ โรงพยาบาล เป็นต้น
ที่เดือดร้อนสุดๆ น่าจะเป็นอู่ซ่อมเพราะมีเงินทุนหมุนเวียนน้อย ต้องจ่ายค่าแรงงานลูกจ้างทุกสัปดาห์
กว่าจะซ่อมรถเสร็จทุกอย่างต้องสำรองจ่ายไปก่อน กว่าจะไปตั้งเบิกเงินค่าซ่อมจากบริษัทประกันภัย
ปกติก็ 2-3 เดือน ถึงจะได้ตัวเงินจริงๆ พอมาเจอบริษัทประกันมีปัญหาไม่มีเงินจ่ายอีก หรือ จะต้องมา
ถูกต่อรองตัดราคาจ่ายจริงเหลือ 30-50 % บรรดาอู่ซ่อมก็เจ๊งก่อนบริษัทประกันภัยแล้ว จึงไม่แปลกที่
มีข่าวอู่รวมตัวกันร้องเรียนเรื่องเบิกค่าซ่อมได้เงินช้า หรือบริษัทประกันภัยติดค้างค่าซ่อมจำนวนมาก ก็
เขาเดือดร้อนจริงๆนะสิ
พวกสุดท้ายน่าจะเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัยเองนั่นแหละ ที่จะไม่มีที่ทำงาน ต้องไปหางานที่
ใหม่ ภาระที่รับผิดชอบก็ต้องมาสะดุด ลูกจะได้เรียนต่อหรือไม่ ครอบครัวจะมีกินอยู่อย่างไร ค่าบ้านที่
อยู่อาศัยสารพัดติดขัดไปหมด อย่างบริษัทสัมพันธ์ประกันภัย ฯ มีพนักงานนับพันคน ก็มีคนหนึ่งพัน
ครอบครัวแหละที่เดือดร้อน ใครละจะมาช่วยบรรเทาให้เขาเหล่านั้นได้
จะเห็นได้ว่าแค่บริษัทประกันภัยหนึ่งแห่งมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างปกติ ปัญหาที่
ตามมามันสร้างความเดือดร้อนไปทั่วเลยทีเดียว มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่อยู่ในอำนาจของกรมการประ
กันภัยที่จะหาทางบรรเทาได้บ้าง นั่นก็คือ การขอรับค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบ
ภัยจากรถ
กรณีบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมการประกันภัย ได้เปิดเผยว่า
ตามที่นายทะเบียนได้มีคำสั่งที่ 12/2550 ให้บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัย
เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2550 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ซึ่งบริษัทไม่สามารถ
รับประกันภัยรายใหม่ได้ แต่จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
ทุกประเภทที่ได้รับประกันภัยไว้เดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่ได้ทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้ม
ครองผู้ประสบภัยจากรถ ปี 2535 หากไปก่อให้เกิดความเสียหายทางด้านชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย
แก่บุคคลใดและไม่ได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากบริษัท ผู้ประสบภัยหรือโรงพยาบาล/สถาน
พยาบาลที่ยื่นคำร้องแทนผู้ประสบภัยแล้วแต่กรณี สามารถขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทด
แทนผู้ประสบภัย ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท สำหรับความเสียหายต่อร่างกาย
(บาดเจ็บ) และ 35,000 บาท สำหรับความเสียหายต่อชีวิต
อธิบดีกรมการประกันภัยกล่าวย้ำว่า กรณีผู้ประสบภัยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล/สถานพยาบาล
โดยใช้สิทธิตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด โรงพยาบาล/สถานพยาบาล
สามารถรับมอบอำนาจจากผู้ประสบภัยในการขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นได้ตามปกติ เนื่องจากสิทธิของ
ผู้ประสบภัยยังคงมีอยู่ โดยหากบริษัทปฎิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือไม่ชดใช้ค่าสินไหมทด
แทนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้ยื่นเอกสารครบถ้วนก็ให้ยื่นขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทด
แทนผู้ประสบภัย และสำหรับผู้ประสบภัยรายใดที่ได้สำรองค่ารักษาพยาบาลไปก่อนหน้านี้ หากไม่ได้
รับค่าสินไหมทดแทนคืนจากบริษัทภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้ยื่นเอกสารครบถ้วน ก็สามารถขอรับค่า
เสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้เช่นกัน
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ได้ที่ กรมการประกันภัย จ.นนทบุรี โทร.
02-5474519-24 กลุ่มคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขตทุกเขต และสำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกจังหวัด
ฉบับหน้าค่อยมาคุยกันต่อนะครับ
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/77219