โค้งอันตราย
อยู่แบบไทยๆ
ชื่อเรื่องน่ารักดีไหมครับ ตั้งใจเขียนอย่างนั้นจริงๆ เพราะเราเป็นคนไทย อยู่เมืองไทย ก็ต้องอยู่กัน
แบบไทยๆ นี่แหละ
ขอนำเสนอเรื่องน่ารู้ประจำฉบับกันก่อน เพราะเห็นตามด่านชำระเงินของการทาง ฯ มักจะมีเจ้า
พนักงาน คอยเรียกรถที่ติดป้ายทะเบียนแบบสวยงาม ชนิดเอาไปตัดต่อมาน่ะ ท่านเชิญไปจอด
ข้างทาง แล้วก็เจรจากันเป็นนาน
เจรจากันเรื่องอะไรกระผมก็ไม่ทราบนะครับ
เล่าเรื่องป้ายทะเบียนต่อดีกว่า เดี๋ยวจะนอกเรื่องไปไกล
ตามกฎกระทรวง ออกมาตั้งแต่ปี 2547 โน่น กำหนดเอาไว้ว่า แผ่นป้ายทะเบียนสำหรับรถทั่วไป
ที่จริงตามกฎหมายเขาบอกหมด แต่เอาเป็นว่ารู้ก็แล้วกัน มีขนาดกว้าง 15 ยาว 34 ซม. แผ่นป้าย
แบ่งออกเป็น 2 บรรทัด บรรทัดที่ 1 เป็นตัวอักษรประจำหมวดตัวที่ 1 ตัวอักษรประจำหมวดตัวที่ 2
และหมายเลขทะเบียน บรรทัดที่ 2 เป็นตัวอักษรบอกชื่อกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัด เว้นแต่
อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้ใช้คำว่า เบตง
ขอบแผ่นป้ายอัดเป็นรอยดุน หมายเลขทะเบียนมีขนาดสูงไม่น้อยกว่า 6.5 ซม. กว้างไม่น้อยกว่า
3.5 ซม. ตัวอักษรบอกชื่อกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดมีขนาดสูงไม่น้อยกว่า 2 ซม. กว้างไม่น้อย
กว่า 1.5 ซม. แผ่นป้ายทะเบียนรถ ให้ติดตรึงไว้ในที่ที่เห็นได้ง่ายที่ด้านหน้ารถ 1 แผ่น และที่ท้าย
รถ 1 แผ่น การติดตรึงแผ่นป้ายต้องไม่กระทำในลักษณะที่ วัสดุที่ยึดแผ่นป้ายนั้น อาจปิดบังหรือ
ปิดทับตัวอักษรประจำหมวด หมายเลขทะเบียน และตัวอักษรบอกชื่อกรุงเทพมหานคร หรือ
จังหวัด และต้องไม่นำวัสดุ หรือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะก่อให้เกิดแสงสว่าง หรือเรืองแสง หรือไม่ก็ตาม
มาปิดทับ บัง หรือติดไว้ในบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นป้ายทะเบียนรถ
นี่ว่ากันตามตัวบทกฎหมายเชียวละ โดยเฉพาะข้อความวรรคสุดท้ายน่ะ เอาอะไรมาบังยังไม่ได้เลย
แต่บรรดารถอยากหล่อทั้งหลาย ก็ไม่ยอมเชื่อ ก็เลยต้องแวะคุยกับเจ้าพนักงานบ่อยหน่อย และ
อาจทำให้ธนบัตรในกระเป๋าท่านหดหายไปบ้างเป็นบางครั้ง
กลับมาเขียนตามชื่อเรื่องดีกว่า
ที่ว่าอยู่แบบไทยๆ น่ะ เพราะเพิ่งเห็นข่าวของกระทรวงอุตสาหกรรม ท่านเพิ่งจะประชาพิจารณ์
โครงการแผนแม่บทอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2550-2554 ท่านลงมือทำกันตอนเดือน 9 ปี 2550
เข้าไปแล้ว
เอ้า ว่ายังไงก็ว่าตามกัน ท่านตั้งเป้า 5 ปี จะผลิตยานยนต์ให้ได้ 2 ล้านคัน เพื่อเป็นฐานการผลิต
ที่สำคัญในเอเชีย
ท่านว่า การพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ผ่านมา ไม่ได้พึ่งกลไกการแข่งขันของภาคอุตสาห
กรรมเพียงอย่างเดียว แต่อาศัยกลไกของรัฐ ฯ ในการกำหนดกลยุทธ์ดึงดูดการลงทุน
จากผู้ประกอบการรถยนต์ต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนในไทยด้วย
(ร่าง) แผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปี 2550-2554 จะเป็นกลไกภาครัฐ ฯ
ที่สำคัญที่ช่วยสนับสนุน และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนา และการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรม
ไทยให้เติบโตขึ้นในภูมิภาคเอเชีย
แผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ระยะที่ 1 ปี 2545-2550 กำหนดวิสัยทัศน์อุตสาห
กรรมยานยนต์ไทย ปี 2554 ให้ ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ในเอเชีย สามารถ
สร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศ โดยมีอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีความแข็งแกร่ง
แต่ก็ต้องไม่ลืมกันว่า ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเฉพาะเงื่อนเวลา หลังปี 2553 หรือ คริสต์ศักราช 2010 ตามข้อตกลงการค้าเสรีที่จะต้องลดอัตราภาษีเหลือศูนย์ แถมยังมีเรื่อง ปัจจัยด้านการมุ่งหาพลังงานทดแทน เพื่อประหยัดพลังงาน จากปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ความต้องการใช้รถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นของประชาชน ถึงแม้จะผลักดันกันเรื่องแกสธรรมชาติกันใหญ่โต แต่พอเห็นค่าติดตั้งแล้ว ยอมเติมน้ำมันแพงดีกว่า
นี่ก็โหมโฆษณาไบโอดีเซลกันอีก ใครจะกล้าใช้ก็ไม่รู้ ยิ่งรถสมัยใหม่ ระบบคอมมอนเรล ที่รูฉีด
น้ำมันเล็กนิดเดียว มองแทบไม่เห็น ยิ่งไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง
ยังไงก็ประกาศรายละเอียดของแผนแม่บทภายในปีนี้ ก็จะดีนะครับ ข่าวจะได้ไม่ตกปีไปเสียก่อน
อยู่อย่างไทยๆ เรื่องที่ 2
ก็ไม่ทราบว่าท่านอ่านข่าวต่างประเทศกันบ้างหรือเปล่า บังเอิญพวกกระผมมีหน้าที่ต้องศึกษาข้อมูล หาข่าว หาเรื่อง เอ้ย หาบทความดีๆ มานำเสนอ ก็เลยคุ้นเคยกับศัพท์คำว่า RECALL ดี
การ RECALL หรือเรียกรถกลับเข้าศูนย์นี่ เป็นเรื่องปกติของเมืองนอก โดยเฉพาะอเมริกันชน ที่
ต้องการรู้รายละเอียดตามสิทธิ และเสรีภาพอย่างแท้จริง
อย่างเมื่อเดือนที่แล้วนี่ ฮอนดา ในสหรัฐอเมริกา เรียกรถ ซีวิค เข้าศูนย์เกือบ 200,000 คัน เพราะ
ปัญหาเรื่องลูกปืนล้อ
อีกเจ้าก็ ไครสเลอร์ เรียกรถ เอสยูวี ตั้งแต่ จีพ เชอโรคี/คอมมานดอร์/แรงเลอร์ รวมทั้งรถสหกรณ์
ดอดจ์ ไนโตร กลับเข้าศูนย์เกือบ 300,000 คัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเบรค ขณะขับรถลงเนิน ที่มีเสียง
บ่นว่า เบรคไม่ค่อยจะอยู่
ที่ว่า RECALL นี่ มีเป็นข่าวใหญ่โต ไม่ว่าจะทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือแม้แต่ในอินเตอร์เนท
เป็นข่าวพาดหัวกันใหญ่โต ช่วยเร่งเตือนให้ลูกค้าตรวจสอบกับศูนย์บริการ เพราะมันเกี่ยวพันไป
ถึงการประกันคุณภาพตามมาตรฐาน ถ้าลูกค้าไม่สนใจ เจ้า WARRANTY นั่นอาจหมดอายุโดยง่าย
ก็เลยต้องรีบหน่อย
ในเมื่อเรียกเข้ามาแล้ว ศูนย์ก็จะทำการซ่อมแซม แก้ไข ปัญหาที่ทางโรงงานตรวจพบ และหากต้อง
เปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ ก็ต้องเปลี่ยนให้ฟรี แถมไม่คิดค่าแรงด้วย ก็เป็นเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภค
ไป
ส่วนไทยแลนด์แดนสยามเมืองยิ้มของเรา ท่านว่า การจะเรียกรถที่ขายออกไปจากโชว์รูมแล้ว กลับ
มาซ่อมแซมส่วนที่เสียหายที่เกิดจากการผลิตน่ะ ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้เกิดเสียงครหา ว่ารถรุ่น
นั้นไม่ดี รุ่นนี้ไม่ดี บริษัทต้องเรียกกลับเอาไปซ่อม มันจะกลายเป็นปากต่อปาก ทำให้เสื่อมเสียชื่อ
เสียงได้โดยง่าย
แต่ท่านใช้วิธีส่งจดหมายเป็นทางการ ถึงท่านเจ้าของรถ เรียนเชิญกลับเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบปัญหา
เมื่อเดือนก่อนก็มีอยู่ 2 ค่าย ค่ายสำโรง กับค่ายศรีอยุธยา เรียกน้องคนเล็กทั้ง 2 ค่ายกลับเข้าศูนย์
เพื่อตรวจสอบ
เรื่องทั้งหมด ไม่เป็นข่าว เพราะท่านส่งจดหมายตรงถึงมือเจ้าของรถ สื่อมวลชนที่ขับเจ้ารถ 2 รุ่น
นั้นอยู่ ก็ได้แต่อึ้ง ไม่รู้จะเขียนข่าวยังไง ถึงเขียนไป บก. ใหญ่ ท่านไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เพราะมัน
จะไปกระทบกับเรื่องโฆษณาของหนังสือเข้า ก็จะกลายเป็นเรื่องไม่สนุกไปอีก
สรุปก็คือ อยู่กันแบบไทยๆ นี่แหละ เขาจดหมายเรียกมา ถ้าว่างก็เข้าไปให้ช่างเขาดูหน่อย ดีเสีย
อีกจะได้เชครถไปด้วย
เราก็เลยไม่เคยเห็นข่าว RECALL ในสื่อของเมืองไทย
พณหัวเจ้าท่านแถวสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคแห่งเมืองสารขัณฑ์ เคยเห็นกันมั่ง
ไหมครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/77104