วิถีตลาดรถยนต์
ครึ่งปีแรก
ผ่านไปแล้วสำหรับยอดจำหน่ายรถในประเทศ สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2550 ปีที่เหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองของเราพลิกผันแปรปรวน จับต้นชนปลายไม่ถูก ทั้งอุณหภูมิความร้อนแรงทางการเมือง ปัญหาวิกฤติ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาจากภัยธรรมชาติ ปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน ที่ดีดตัวทะลุ 30 บาท/ลิตร ก่อนที่จะลดลงเหลือเฉียดๆ 30 บาท ค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยลบที่ส่งผลถึงภาคอุตสาหกรรมทุกภาค แน่นอนว่าในจำนวนนั้นรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศด้วย จากเดิมที่ผู้ประกอบการณ์ทั้งหลายคาดหวังไว้แล้วว่า ยังไงๆ ยอดจำหน่ายโดยรวมจะต้องลดลงอย่างแน่นอน
แต่เมื่อตัวเลขครึ่งปีแรกออกมาเป็นดังนี้ ก็ต้องปรับเปลี่ยนประมาณการยอดขายให้ลดต่ำลงอีก เพราะยากที่จะฝืนกระแส นาทีนี้จึงเป็นการประคองตัวให้รอดพ้น แต่ในสถานการณ์การประคองตัวนั้น ก็ต้องอัดฉีดงบประมาณจัดแคมเปญส่งเสริมการขายให้หนักเข้าไว้ เพื่อไม่ให้ยอดจำหน่ายตกต่ำลงไปมากกว่านี้ สำหรับผู้บริโภคถ้าใครยังพอมีกำลังซื้ออยู่บ้าง ก็ถือเป็นช่วงโอกาสทองเช่นกัน ที่จะมีอำนาจในการซื้อสูงขึ้น สามารถเลือกเฟ้นแคมเปญพิเศษที่ดีที่สุดได้เช่นกัน
ตัวเลขยอดจำหน่ายรถครึ่งปีแรก เมื่อนำยอดจำหน่ายของแต่ละค่ายมารวมกัน จะจบลงที่ตัวเลข292,514 คัน ถอยหลังลงถึง 12.6 % เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว ทั้งนี้แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 79,100 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 11.1 % รถพิคอัพ 1 ตัน ประเภทขับเคลื่อน 2 ล้อ 161,499 คัน ติดลบ 15.3 % ส่วนประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ จำหน่ายรวมกันได้ 10,865 คัน ติดลบ 32.5 % แต่สำหรับรถเอสยูวี กลับทำตัวเป็นที่น่าอิจฉาของตลาดอื่นๆ เพราะมียอดจำหน่ายที่สวนทางกับชาวบ้านชาวช่อง ยอดจำหน่ายรวมสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยจำหน่ายได้ทั้งสิ้น 17,213 คัน เติบโตสูงขึ้น 9.8 % และรถเอมพีวี เป็นไปตามคาดหมาย ถึงแม้จะหลากหลายประโยชน์ในการใช้งาน เหมาะสำหรับครอบครัวทั้งเล็กและใหญ่ แต่ก็เข็นยอดจำหน่ายไม่ขึ้น ติดลบไป 22.4 % ทำยอดจำหน่ายได้ 4,379 คัน และที่เหลือเป็นรถประเภทอื่นๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศ มียอดจำหน่ายรวม 19,458 คัน
โตโยตา ครองความยิ่งใหญ่อย่างเบ็ดเสร็จสำหรับตลาดรถในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่าน 6 เดือนผลปรากฏว่า โตโยตา สามารถครองความเป็นรถยอดนิยม มียอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยยอด 39,997 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 50.6 % ตามด้วย ฮอนดา 26,587 คัน ส่วนแบ่งตลาด 33.6 % เชฟโรเลต์ 3,785 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.8 % นิสสัน 2,017 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาด 2.5 % และอันดับที่ห้า เป็นของ เมร์เซเดส-เบนซ์ 1,631 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.1 % ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จะเป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักมากที่สุด เพราะมีรถรุ่นใหม่กำลังแต่งเนื้อแต่งตัวรอฤกษ์สิริมงคลออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่น่าสนใจ
เห็นจะได้แก่ การกลับมาของรถจากแดนโสม ฮันเด ที่จะมีทั้งรุ่นที่ประกอบในประเทศ โดยในช่วงแรกจากฝีมือการประกอบของธนบุรีประกอบรถยนต์ ฯ ในรุ่น โซนาตา และ คูเป รถนำเข้าสปอร์ททรงเฉี่ยว โดยเฉพาะในงาน MOTOR EXPO 2007 ช่วงปลายปี ฮันเด จองพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในงาน จะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหนต้องไปดูด้วยตาตัวเอง ส่วนบแรนด์หรู เมร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว ซี-คลาสส์ ใหม่ อย่างแน่นอน ช่วงนี้ก็มีบริษัทนำเข้ารถอิสระนำมาให้ยลโฉมพร้อมเปิดรับจองกันบ้างแล้ว นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบแรนด์ที่จะมีรถนั่งโมเดลใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาด รวมไปถึงรถจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ที่รอสัญญาณเสียงนกหวีดออกแจ้งเกิดในตลาดบ้านเราด้วยเช่นกัน
ตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ โตโยตา เอาชนะคู่แข่งตลอดกาลอย่าง อีซูซุ ถึง 4,000 กว่าคันโดย โตโยตา จำหน่ายได้ 61,926 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 38.3 % ขณะที่ อีซูซุ จำหน่ายได้ 57,202 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไป 35.4 % นิสสัน มาเป็นอันดับสาม ด้วยยอดจำหน่าย 14,980 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.3 % มิตซูบิชิ รับอันดับสี่จากยอดจำหน่าย 10,915 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.8 % และอันดับห้า เป็นของ มาซดา 5,987 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.7 % ดูจากยอดจำหน่ายในครึ่งปีแรกแล้ว คาดว่าใน 6 เดือนคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับว่าใครจะจำหน่ายได้มากหรือน้อยกว่าปีที่แล้ว
พิคอัพ 1 ตัน ประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ โตโยตา ยึดกินยาวไปถึงยอดจำหน่ายประจำปีนี้อย่างแน่นอน 6เดือนจำหน่ายได้ 6,027 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 55.5 % ต่อให้ครึ่งปีหลัง โตโยตา ไม่จำหน่ายรถประเภทนี้ ก็ไม่มีใครมาแย่งอันดับหนึ่งของตลาดไปได้ เพราะ อีซูซุ จำหน่ายได้เป็นอันดับสอง ด้วยตัวเลขเพียง 1,625 คันเท่านั้น ขณะที่อันดับสาม เป็นของ นิสสัน 1,471 คัน มิตซูบิชิ 839 คัน และ ฟอร์ด 433 คัน ในตลาดนี้ถ้านายใหญ่ นิสสัน สั่งเดินหน้าลุยตลาดเต็มสูบ อาจจะชะแว้บขึ้นไปโซ้ยอันดับสองของตลาดก็เป็นได้ !
เช่นเดียวกับตลาดรถเอมพีวี ที่ โตโยตา วิช ยังคงเป็นตัวเดินยอดได้อย่างยอดเยี่ยม โตโยตา มีส่วนแบ่งตลาดถึง 76.8 % จากยอดจำหน่าย 3,365 คัน ส่วน สเปศ แวกอน ของ มิตซูบิชิ ทำหน้าที่เป็นตัวเดินยอดได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน ทำยอดจำหน่ายไปได้ 551 คัน อยู่ในอันดับสองของตลาด รถจากแดนกิมจิ ควงคู่มารับตำแหน่งในอันดับสาม สำหรับ เกีย และ ซังยง รถเกาหลีหัวใจเยอรมัน ในอันดับห้า มียอดจำหน่าย 6 เดือนแรกอยู่ที่ 152 คัน และ 111 คันตามลำดับ ส่วนอันดับสี่ เป็นของ ซูซูกิ 139 คัน
แต่สำหรับตลาดรถเอสยูวี ถึงเวลานี้ โตโยตา ยังครองส่วนแบ่งมากที่สุด 43.5 % ทำยอดจำหน่ายได้ 7,485 คัน แต่ก็มาจากการที่มีรถประเภทนี้ให้เลือกหลายรุ่น ถ้าเป็นรุ่นเดียวเพียวๆ โดดๆ เห็นทีต้องยกตำแหน่งเอสยูวียอดนิยม ให้กับ ฮอนดา ซีอาร์-วี เป็นแน่แท้ เพราะมีเพียงรุ่นเดียว แต่จำหน่ายได้มากถึง 5,293 คัน ใน 6 เดือนแรกอยู่ในอันดับสองของตาราง อันดับสามเป็นของค่าย อีซูซุ จำหน่ายได้ 2,959 คัน ตามมาด้วย ฟอร์ด 600 คัน และนิสสัน 419 คัน ตลาดรถเอสยูวี ทำท่าว่าจะกลับมาคึกคักขึ้นอีกแล้ว โดยที่ไม่สามารถมองผ่าน แคพทีวา ของ เชฟโรเลต์ ที่ออกสตาร์ทมีให้จับจองเป็นเจ้าของตามโชว์รูมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วน ซันตา เฟ เอสยูวีของ ฮันเด ก็จะมีออกมาให้เลือกใช้ในช่วงปลายปีเช่นกัน
อีก 6 เดือนที่เหลืออยู่ คงไม่ได้เป็นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องที่ใครถอดใจถอนสมอออกจากตลาดคงเป็นไปได้ยาก ดังจะเห็นได้จากหลายบแรนด์ ที่ไม่ได้มุ่งหวังยอดจำหน่ายเดือนละเป็นร้อยเป็นพัน เป็นรถเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ลงทุนเต็มที่ สร้างสีสันให้กับวงการรถยนต์บ้านเราได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับบแรนด์ใหญ่บแรนด์ดังที่เดินหน้าแล้วถอยหลังไม่ได้ต้องคิดค้นอะไรใหม่ๆ ออกมามัดใจผู้ใช้รถ ทั้งในด้านของบแรนด์อิเมจ และโพรดัคท์อย่างต่อเนื่อง เรียกว่าถึงไม่ซื้อในตอนนี้ แต่หากถึงเวลาที่มีความต้องการแล้ว อย่าลืมนำรถของเราเข้าไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยก็แล้วกัน
ยอดจำหน่ายรถทุกประเภท เดือนมิถุนายน 2550
รถนั่งส่วนบุคคล 15,327 คัน เทียบกับเดือนมิถุนายน 2549 เพิ่มขึ้น 0.5 %
รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ 29,088 คัน ลดลง -9.1 %
รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,882 คัน ลดลง -23.0 %
รถเอสยูวี 3,015 คัน เพิ่มขึ้น 46.5 %
รถเอมพีวี 606 คัน ลดลง -25.8 %
รถประเภทอื่นๆ 3,304 คัน เพิ่มขึ้น 11.2 %
รวม 53,222 คัน ลดลง -4.2 %
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/58316