มาตรวัดตลาดรถ
รวมดารา
[table]เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์,
เดือนมิถุนายน ปี '50 กับ '49,
ตลาดรวม, ลด, 4.2 %,
รถยนต์นั่ง, เพิ่ม, 0.5 %,
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, ลด, 9.1 %,
รถอเนกประสงค์ (MPV), ลด, 25.8 %,
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), เพิ่ม, 46.5%,[/table]
ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากหลุมแล้วนะครับ ยอดการขายรถยนต์เมืองไทย แม้ว่าเรื่องทางการเมืองยังระอุร้อนแรงอยู่ก็ตาม แต่เจ้าตัวความจำเป็นในการใช้งานนี่สิ เลยต้องทำให้ออกรถใหม่ป้ายแดงกันทั้งที่ตอนนี้ รถเก่ามือสอง ประเภทดาวน์น้อย ผ่อนนาน ตามต่างจังหวัดน่ะ กำลังพ่นพิษเต็มที่เพราะไม่ส่งค่างวดเดือนเดียว พี่เขาก็ตามมายึดแล้ว ยังไม่ทันได้ป้ายดำเลย แถมเอาไปไม่ทันไร
พี่เขาก็รีบประมูลออกสู่ตลาดแล้ว
นั่นทำให้รถเก่าแบบไม่ถึงปี กลับออกมาวิ่งในท้องถนนอีกอย่างรวดเร็ว ก็เลยยังพัวพันกับยอดขายรถใหม่ป้ายแดง ที่โตไม่เต็มที่สักที
รอบเดือนที่ผ่านมา มีข่าวให้เฮฮาสนุกสนานกันในหมู่นักข่าว ให้ได้เมาท์กันถ้วนหน้า เรียกว่า มีเรื่องให้นักข่าวคุยกันได้ทุกยี่ห้อเชียว เริ่มกันที่ข่าวแรกก่อน ก็ท่านประธานใหญ่ นิสสัน อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเมืองไทยทั้งที ก็ต้องให้สัมภาษณ์กันอย่างโก้หรู คัดเฉพาะนักข่าวสายยานยนต์ หัวใหญ่เท่านั้น แถมต้องมีเนคไทท์สีดำผูกคออีกด้วย
รายงานข่าวก็สรุปไม่ได้ว่า ท่านมาดูอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ไหนๆ เรอโนลต์ ก็จะมาประกอบรถราคาประหยัดที่อินเดีย ขายไม่เกิน 3,000 เหรียญสหรัฐ ก็ต้องมาดูชีพจรเมืองไทยสักหน่อย ว่ายังดีอยู่หรือ
หันมาทางอยุธยาบ้าง ค่าย ฮอนดา ก็ประกาศลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่ 2 ควักกระเป๋า 6,200 ล้านบาท กะว่าจะเสร็จเอาโน่น ตุลาคม 2551 มีกำลังการผลิต 240,000 คัน/ปี คุยฟุ้งว่าจะเป็นโรงงานที่มีมาตรการควบคุมไอเสียภายในโรงงาน แบบว่าเทคโนโลยีสะอาด แต่พอถามว่าเตรียมเอาไว้ประกอบอีโคคาร์หรือเปล่า คำตอบก็วนเหมือนอยู่ในอ่าง
ค่ายนี้อยู่ไกลถึงรังสิต แต่มาแนะนำประธานคนใหม่ถึงราชดำริ แถมประธานญี่ปุ่นยังมาเป็นสักขีพยานอีกด้วย บรรดานักข่าวก็ป้อนคำถาม โดยเฉพาะเรื่องอีโคคาร์กันใหญ่ รายงานข่าวก็เหมือนเดิมคือ ท่านประธานสามารถวนรอบเวทีได้โดยหลังไม่ถูกเชือกเลย พูดเหมือนกันหมดว่า จะทำเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ข่าวที่นำเสนอออกมาก็เลยขาดน้ำปลาไปเล็กน้อย
ส่วนน้องใหม่จากเกาหลี ก็เปิดตัวดารากันไปเรียบร้อย ตกลงใจขาย เอลันทรา แน่นอน เรียกว่าของดี ราคาถูกกว่า รถชั้นเดียวกันในตลาด สนใจไหม เตรียมชมของจริง ตัวจริงได้ในงานมหกรรมยานยนต์หนนี้นะครับ
ไหนๆ หนนี้ ขนดารามารวมกันแล้ว เอาข่าวเมืองนอกมาเล่าสู่กันฟังมั่งดีกว่า
ข่าวจากแดนปลาดิบแจ้งว่า โตโยตา กำลังคุยกับค่าย อีซูซุ ให้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์ดีเซล เพื่อติดตั้งในรถเล็กที่ขายในยุโรป โดยกะว่าจะซื้อปีละ 200,000 เครื่อง เพราะโตโยตา ถือหุ้นอยู่ใน อีซูซุ5.9 % แม้ว่าตอนนี้ อีซูซุ ก็ยังส่งเครื่องยนต์ดีเซลให้กับ จีเอม สำหรับรถทรัคขนาดใหญ่อยู่ แต่นี่คุยสำหรับรถขนาดเล็ก ก็ดูไม่น่าเกลียดสักเท่าไร
ส่วนตลาดเมืองไทย ที่ฟากประกันภัยไปเป็นแบบโฆษณาให้อีกยี่ห้อน่ะ แถมบอกว่ายี่ห้อคู่แข่งเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่า เล่นเอาตลาดป่วนไปหมด เพราะเกิดรายการไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เลยถอนไม่ส่งประกันเอาดื้อๆ ไปส่งให้บริษัทอื่นก็ได้ใครจะทำไม สนุกจริงนะครับ
เดี๋ยว ! เรื่องเครื่องยนต์ดีเซลยังไม่จบ เพราะมีข่าวอีกเหมือนกันว่า ฮอนดา มีแผนจะขายรถเครื่องยนต์ดีเซลในสหรัฐ ฯ และยุโรป ตั้งแต่ปี 2009 เพราะตลาดยุโรปกำลังนิยมรถดีเซลเนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้ไอเสียเกิดมลพิษน้อย แต่เรื่องใหญ่ คือ ประหยัดกว่าใช้เบนซินเยอะ ตลาดก็เลยโต ขายได้เกือบครึ่งหนึ่งของตลาดรวม แต่ยังอ้ำอึ้งว่าจะเอาเข้าไปขายในญี่ปุ่นเองหรือเปล่า เพราะเพิ่งจะคบกับเครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรก เลยยังไม่ค่อยแน่ใจ
ที่เป็นอย่างนั้นเพราะในสหรัฐอเมริกา ผลิตน้ำมันดีเซล ค่ากำมะถันต่ำออกมาขาย และบังคับให้ค่ายรถยนต์ทุกค่าย พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลให้มีมลภาวะน้อยที่สุด นั่นคือ ที่มาของ เมร์เซเดส-เบนซ์บลูเทค ที่กำลังโด่งดังในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่สามารถมาโด่งดังในเมืองไทยได้ เพราะค่ากำมะถันในน้ำมันดีเซลทีเดียวเชียว
บ้านเราอ่านกันเป็นเรื่องอ่านเล่นไปก่อนนะครับ ประมาณว่า พล นิกร กิมหงวน อะไรประมาณนั้น
กลับมาเรื่องตัวเลขของเราดีกว่า เป็นยอดการขายประจำเดือนมิถุนายน ก็ครึ่งปีเข้าไปแล้วตลาดเดือนเดียว ขายได้ลดลงแบบค่อยยังชั่วหน่อย ลดไปแค่ 4.2 % เท่านั้นเอง ขายได้ 53,222 คันขณะที่ตลาดรวมยังลดลงอยู่ เพราะมีของเก่าสะสมไว้เยอะ 12.6 % ขาย 6 ดือนได้ 292,514 คันถ้า 12 เดือน เป็นเท่าไรเอ่ย
แชมพ์ประจำเดือน คนหน้าเดิม โตโยตา ขายเกือบครึ่งของตลาด 25,562 คัน เพิ่มสวนทางตลาด 3.9% ส่วนแบ่ง 48.0 % อันดับที่สอง อีซูซุ ขายลดลงเยอะ เพราะแคมเปญน้อยกว่าชาวบ้าน ขาย 11,002คัน ลดลง 22.9 % ส่วนแบ่ง 20.7 % อันดับที่สาม ฮอนดา ขายเรื่อยๆ มาเรียงๆ 5,735 คัน เกือบเท่าเก่าลดแค่ 0.5 % ส่วนแบ่ง 10.8 % อันดับที่สี่ นิสสัน ขายเพิ่มเยอะเพราะลดราคาไปเยอะ2,952 คัน เพิ่มขึ้น 55.3 % ส่วนแบ่ง 5.5 % และอันดับที่ห้าเพิ่งจะพ้นน้ำ มิตซูบิชิ ขาย 2,352 คันเพิ่ม 9.7 % ส่วนแบ่ง 4.4 %
ยอดรวม 6 เดือน โตโยตา ขาย 126,251 คัน ที่สอง อีซูซุ ขาย 66,753 คัน ที่สาม ฮอนดา ขาย 31,880 คัน ที่สี่ นิสสัน ขาย 19,375 คัน และที่ห้า มิตซูบิชิ ขาย 13,356 คัน
แยกเป็นประเภทรถยนต์นั่ง ตลาดขยับฟื้นตัวขึ้นนิดเดียว โตขึ้น 0.5 % ขายได้เดือนเดียว 15,327 คัน 6 เดือนเท่าไรเอ่ย 79,100 คัน ยังติดลบอยู่ 11.1 %
แชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 8,274 คัน เพิ่มขึ้น 17.1 % ส่วนแบ่ง 54.0 % ที่สอง ฮอนดาขาย 4,984 คัน ลดลง 12.8 % ส่วนแบ่ง 32.5 % ที่สาม เชฟโรเลต์ ขาย 610 คัน เพิ่มเยอะ 76.3% ส่วนแบ่ง 4.0 % ที่สี่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย 309 คัน ยังลดลงอยู่ 2.2 % ส่วนแบ่ง 2.0 %ที่ห้า นิสสัน ขาย 285 คัน ลดลง 58.9 % ส่วนแบ่ง 1.9 %
ตำแหน่งผู้เสียภาษียอดเยี่ยม โพร์เช ขาย 3 คัน และ แจกวาร์ ขาย 2 คัน แถมด้วยหนนี้เบนท์ลีย์ ขาย 2 คัน
ประเภทรถกระบะ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ โตโยตา ขาย 13,166 คัน เพิ่ม 1.3 % ส่วนแบ่ง 45.3% ที่สอง อีซูซุ ขาย 9,399 คัน ลด 25.3 % ส่วนแบ่ง 32.3 % ที่สาม นิสสัน ขาย 2,263 คันเพิ่มมหาศาล 95.9 % ส่วนแบ่ง 7.8 %
รถอเนกประสงค์ ขายลดลง 25.8 % ขายได้ 606 คัน โดยมี โตโยตา ขายมากสุด 463 คัน เป็นเจ้าตลาด
นั่นเป็นช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะมีข่าวจากทาง บีโอไอ พร้อมจะเปิดกว้างสำหรับอีโคคาร์ ให้กับทุกค่ายแล้ว แต่ก็ยังมีเสียงเล็ดลอดตามมาหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง ยอดจำหน่าย 100,000คัน ใน 5 ปี ที่ยังไม่มีใครกล้ารับรองออกมาได้ว่าจะทำได้แน่ เพราะยอดผลิตน่ะเป็นเรื่องเล็กยอดจำหน่ายเป็นเรื่องใหญ่กว่ากันเยอะ แถมอีก 5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีจะก้าวไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
ยิ่งอาบังโพกผ้าเริ่มมากบุก บีโอไอ บ้านเราแล้ว ขอตั้งโรงงานประกอบ ทาทา เรียบร้อยแล้วยิ่งทำให้อนาคตเป็นเรื่องทำนายยากเข้าไปใหญ่
อ้อ แต่ทำนายได้อย่างครับ ว่า ทาทา น่ะ หุ่นไม่เข้าตาคนไทยเลยสักนิด ถ้ายังไม่ปรับโค้งมุมสักหน่อย เดี๋ยวก็จะได้เรียบร้อยโรงเรียนอินตระเดียแถวเมืองไทยนี่แหละ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/58118