DIY...คุณทำเองได้
ทำเองก็ได้ไม่ต้องง้อช่าง
เจ้าของรถอย่างเราๆ หลายครั้งต้องมีเรื่องให้หงุดหงิดกับการนำรถเข้าไปซ่อม หรือไปตรวจเชคเล็กๆ
น้อยๆ หลายครั้งกลับออกมาด้วยอาการที่ไม่ได้ดั่งใจ แถมมีของแถมมาให้แบบที่เราไม่ต้องการเสียอีก
เช่น รอยเปื้อนคราบน้ำมัน, กาว, จาระบี หรือร่องรอยที่เกิดขึ้นกับตัวรถ ทั้งที่เราอุตส่าห์ทะนุถนอม
อย่างดี นั่นเป็นเพราะฝีมือของช่างหรือเด็กในอู่ นอกจากนี้หลายครั้งการถอดใส่ชิ้นส่วนที่ดูเหมือนง่าย
แต่ช่างกลับทำให้กลายเป็นงานที่เสียเวลาขึ้นมาทันที นอกเหนือจากการทำงานที่ไม่ค่อยได้เรื่องแล้ว
หลายครั้งยังทำให้เราหงุดหงิดเรื่องค่าแรงกับงานเล็กๆ ที่มันไม่น่าแพงถึงขนาดนี้ อย่างเปลี่ยนหัวเทียน 4 หัว เล่นค่าแรงเราอย่างเดียวหัวละ 50 บาท ขูดเลือดเนื้อกันขนาดนี้ สัก 100 บาทถือว่าเป็นค่าแรง
ที่กลางๆ ไม่ถูกไม่แพงสำหรับคนที่ไม่อยากลงมือเองบางคน
บางครั้งการลงมือทำเองอาจจะได้ผลงานที่ดีกว่า แถมไม่ต้องเสียความรู้สึก เสียเวลาหน่อย
ยอมเหนื่อยหน่อย แต่งานที่ออกมาจะถูกใจเราเป็นที่สุด เคยเจอมากับตัวเองให้ช่างถอดพวงมาลัยออกมาตั้งให้ตรง
ใช้เวลาไม่นานนักพอกลับมาดูเล่นเอาหงายหลัง เพราะพวงมาลัยนั้นมันก็ตรงดีอย่างที่เราต้องการ
เพียงแต่ช่างใช้ประแจกากบาทสำหรับถอดล้อมาไขที่คอพวงมาลัย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติเพราะสามารถ
ใช้กันได้และก็ใช้กันประจำอยู่แล้ว แต่ที่ไหนได้ประแจที่เอามาใช้นั้น ทำให้เกิดปัญหา เพราะมัน
กระแทกก้านพวงมาลัยแบบสปอร์ท 3 ก้านที่เพิ่งเปลี่ยนมา เป็นรอยกระเทาะ 5-6 รอย ทั้งๆ ที่มัน
ไม่ควรเกิด...พวงมาลัยอันละเกือบห้าพันบาท ต้องมาเป็นรอยโดยช่างสะตึๆ แถมยังคิดค่าแรงตั้ง
150 บาท พอถามว่าแล้วพวงมาลัยที่เป็นรอยจะทำอย่างไร ? คำตอบที่ได้ คือ มันเป็นของมันอยู่แล้ว
เจ้าของอู่ก็เข้าข้างลูกน้องอีก เถียงกันอยู่นานได้ความว่า จะชดใช้โดยการพ่นสีก้านพวงมาลัยให้ใหม่
คิดได้อย่างไรเนี่ย ! แถมยังบอกว่าพวงมาลัยแบบนี้หาซื้อได้ตามตลาดนัด วงละไม่ถึงพันบาท
กรรมเวรของผมจริงๆ เหตุการณ์อย่างนี้คงไม่อยากเจอกับรถคุณเป็นแน่
หลายอย่างที่เราลงมือทำเองได้แต่อาจจะเสียเวลาสักหน่อย นอกเหนือจากนั้นต้องมีเครื่องมือคุณภาพ
และตัวช่วยในการทำงานให้ง่ายขึ้น เหมือนกับเรามีลูกมือคอยให้ความช่วยเหลือ ซึ่งลูกมือที่จะว่า
ต่อไปนี้นิสัยดีมาก ไม่บ่น, ไม่อู้, ไม่ต้องพัก เพียงแต่คุณต้องรู้จักใช้ให้ถูกต้องตามสถานการณ์เท่านั้นเอง
- เครื่องมือที่เหมาะสม
ประเด็นแรกที่สำคัญมาก เพราะประแจหรือเครื่องมือชุดที่มีขายตามตลาดนัด ราคาชุดละ 200-300
บาท นั้นอาจจะทำให้งานของคุณกลายเป็นเรื่องยากกว่าที่คิด เพราะประแจ, ไขควง, คีม ฯลฯ ที่มี
คุณภาพดีจะมีความแข็ง และมีหน้าสัมผัสที่เรียบสนิท มีระยะห่างที่เหมาะสม ลดโอกาสที่จะทำให้
หัวนอทรูดยาก เพราะถ้าคุณทำหัวนอทรูดเมื่อไหร่ นั่นคือภาระใหญ่ที่ตามมาเลยทีเดียว เพราะมัน
จะเอาออกยากมากๆ หรือถ้าทำนอทหักคา ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากสำหรับการแก้ไข เพียงคุณเลือกใช้
เครื่องมือที่มีคุณภาพซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานที่ดีอันดับแรกๆ ประแจนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องมีครบชุด
เพราะในรถนั้นจุดที่เจ้าของรถสามารถลงมือได้เองนั้นมีอยู่ไม่กี่จุด ประแจจึงไม่จำเป็นต้องมีมากมาย ประแจ
สำคัญๆ ที่ต้องมี ได้แก่ เบอร์ 8, 10, 12, 14, 17 แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ควรเลือกชนิดที่ข้างหนึ่งเป็น
ประแจแหวน อีกข้างเป็นประแจปากตาย จะมีความคล่องตัวในการใช้งานมากกว่า
นอกจากนี้ที่ต้องมีคือ บลอคถอดหัวเทียน, คีมตัด, คีมปากจิ้งจก, คีมปากนกแก้ว, ประแจเลื่อน, ไขควงแฉก, ไขควงแบน, ตัว T เบอร์ 8,10,12 เพื่อช่วยให้งานง่ายขึ้น อย่างที่บอกไม่ต้องมีเยอะ แต่เลือกของที่มีคุณภาพ
ซึ่งราคาอาจจะสูงไปนิด แต่ให้ความสะดวกในการทำงานมากกว่า และไม่ค่อยก่อปัญหาตามมาให้ปวดหัวเท่าไหร่นัก
- สเปรย์หล่อลื่นและป้องกันสนิม
หรือเรียกง่ายๆ ว่าสเปรย์สารพัดประโยชน์ เป็นสเปรย์ไล่ความชื้น
คุณสมบัติของมันมีให้เลือกหลายยี่ห้อ
เจ้าตัวนี้มีความสำคัญในอันดับต้นๆ ของการออกแรงซ่อมเอง เพราะบางจุดนั้นพวกหัวนอทเกิดสนิม
ทำให้การถอดเป็นเรื่องยาก หรือนอทที่อยู่ในบริเวณที่มีความร้อนสูงๆ โลหะจะมีการยืดหดตัวบ่อยๆ
ทำให้นอทพวกนี้แน่นมากๆ นอกจากต้องใช้แรงเยอะ ยังเสี่ยงต่อการรูดได้ สเปรย์ตัวนี้จะช่วยได้มาก
ทีเดียว เมื่อเห็นว่าเป็นจุดที่น่าจะถอดยาก ควรฉีดสเปรย์ทิ้งไว้สักพักใหญ่ ก่อนที่จะลงมือก็ฉีดทิ้งไว้
ตรงที่ต้องการจะถอด ทิ้งไว้สักพักก็จะช่วยให้คลายออกได้ง่ายขึ้น สเปรย์ชนิดนี้ยังช่วยขจัดสนิมและ
หล่อลื่นได้ในตัว เช่น ตามบานพับประตูสามารถช่วยลดความฝืด และเสียงดังก็จะหายไป
คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของสเปรย์ชนิดนี้ คือ สามารถใช้ไล่ความชื้นได้ เวลาที่ลุยน้ำหรือก่อนที่จะลุยน้ำ ฉีดบางๆ
บริเวณขั้วสายต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องยนต์เบนซินควรจะต้องมีติดรถเอาไว้ เวลารถลุยน้ำแล้วดับ
จะช่วยได้มากเลยทีเดียว กรณีที่สายพานร้องดังเอี๊ยดๆ ฉีดสเปรย์ตัวนี้ที่สายพานก็สามารถทำให้
เสียงเงียบลงได้ แต่ก็แค่ระยะเวลาสั้นๆ แก้รำคาญเท่านั้น
- สเปรย์ทำความสะอาดคอนแทคท์
หรือสเปรย์ทำความสะอาดขั้วต่อไฟฟ้าทั้งหลาย ควรมีติดไว้โดยเฉพาะกับรถเก่าหน่อยที่มีอายุ
4-5 ปีขึ้นไป เพราะความชื้นคราบโคลนที่เข้าไปตามขั้วสายไฟ จะทำให้เกิดปัญหาตามมา คือ ไฟเดิน
ไม่สะดวก หรือไม่ก็ทำให้เกิดการลัดวงจร คุณสมบัติของสเปรย์ชนิดนี้จะช่วยทำความสะอาดหน้า
คอนแทคท์ต่างๆ ที่มีคราบสกปรก ให้ไฟเดินได้สะดวกขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ
เช่น เครื่องเดินไม่เรียบเลยก็มี ถ้ามันสกปรกมากๆ อาจจะต้องถอดขั้วออกมาล้างด้วยสเปรย์
อเนกประสงค์ก่อน จากนั้นค่อยเอาสเปรย์ทำความสะอาดซ้ำอีกครั้ง เพราะขั้วต่อที่เป็นทองแดงนั้น
จะมีคราบซัลเฟสเกาะอยู่ ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศนั่นเอง ควรมีไว้ใช้คู่กัน
- จาระบีเหลว
มีลักษณะคล้ายๆ กับสเปรย์อเนกประสงค์ แต่มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน สเปรย์ชนิดนี้มีไว้
สำหรับหล่อลื่นอย่างเดียว ถ้ามีไว้ก็อย่าเผลอหยิบผิดก็แล้วกัน เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้
เช่น จะเอาสเปรย์อเนกประสงค์ไปฉีดสายพานให้มันเงียบ แต่หยิบสเปรย์หล่อลื่นไปฉีด ก็จะทำให้เกิด
ปัญหาตามมา เพราะสายพานจะลื่นและไหม้ตามมา สเปรย์หล่อลื่นนั้นมีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา
และแบบทนความร้อนสูง สำหรับการหล่อลื่นในจุดที่ต้องการหล่อลื่น เช่น บานประตู, รางกระจก,
สายเบรคมือ, เฟืองหรือโซ่ แล้วแต่ต้องการ ความสำคัญอยู่ที่ต้องเลือกให้เหมาะ เช่น ถ้าเป็นจุดที่มี
ความร้อนสูง ก็จะต้องใช้ชนิดที่ทนความร้อน
- สเปรย์ขจัดคราบ
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ทำความสะอาดห้องเครื่อง บางครั้งก่อนการซ่อมแซมกรณีที่ห้องเครื่อง
เลอะเทอะมากๆ เมื่อตรวจสอบพบจุดที่ต้องทำการซ่อมแซมแล้ว ควรทำความสะอาดห้องเครื่องเสียก่อน
โดยอ่านคำแนะนำในการใช้งานที่ข้างกระป๋อง ส่วนใหญ่แล้วจะฉีดทิ้งไว้สักครู่
แล้วใช้ผ้าหรือแปรงถูเบาๆ ก็ออก การทำความสะอาดก่อนลงมือซ่อม ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าจะช่วยลดปัญหาเรื่องความเลอะเทอะที่จะกระจายไปยังส่วนอื่นๆ ได้ ระหว่างการซ่อมแซมอาจจะต้องมีเข้าไปในรถเพื่อติดเครื่อง
หรือเปิดอะไรสักอย่างสำหรับการลองระบบ การทำความสะอาดก่อนจะช่วยลดความสกปรกได้มาก
ทีเดียว เพราะเวลาไปซ่อมที่อู่ ช่างจะไม่มีเวลาทำความสะอาดให้คุณก่อน ปัญหาที่จะตามมาคือ
ความหงุดหงิดที่เห็นรถสกปรกจากมือช่าง
- ลอคไทด์
เป็นกาวสำหรับลอคนอทหรือสกรู เพื่อไม่ให้เกิดการคลาย เป็นส่วนที่มีความสำคัญมากเพราะรถที่ออก
มาจากโรงงานในจุดที่มีความสั่นสะเทือนสูง จำเป็นต้องหยอดกาวหรือน้ำยากันคลายตัวนี้เอาไว้
เพื่อไม่ให้นอทคลายตัวอันเนื่องมากจากแรงสั่นสะเทือน อย่างเช่น พวกหน้าแปลนเพลากลางเฟืองท้าย
นอทเบ้าชอคอับหน้า/หลัง พวกนี้มีการสั่นสะเทือนมากและเป็นจุดที่บางครั้งตรวจสอบได้ยาก
ดังนั้นถ้าถอดออกมาเมื่อไหร่ก็ควรจะใช้ลอคไทด์ หรือกาวสำหรับลอคเกลียวโดยเฉพาะ เพราะมัน
จะไม่ทำให้เกลียวเสียหาย สามารถใช้นอทซ้ำได้เหมือนเดิม
- ซิลิโคน
เหมาะสำหรับอุดรอยรั่วตามจุดต่างๆ เช่น ขอบกระจก, ไฟท้าย หรือรถที่ใช้หลังคาไฟเบอร์
เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน เหมาะสำหรับการซ่อมแซมด้วยตัวเอง การซ่อมตัวถังจากอุบัติเหตุที่
ไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เกิดการบิดเบี้ยวหรือไม่แนบสนิทของชิ้นส่วน ซิลิโคนจะช่วยกันการรั้วซึมของน้ำ,
ฝุ่นหรือเสียงที่รั่วเข้ามาได้ คุณภาพของซิลิโคนที่ดีนั้นเมื่อแห้งแล้วจะเป็นซีลอย่างดีที่มีความยืดหยุ่น
ก่อนที่จะซื้อมาต้องดูว่าคุณจะเอามาใช้งานตรงส่วนใด เช่น ต้องเจอความร้อน, เจอน้ำ ฯลฯ
เลือกซื้อให้ถูกแล้วจะไม่ผิดหวัง เทคนิคสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยมีความชำนาญ คือ การใช้กระดาษกาวย่นของ
นิทโท หรือกระดาษกาวที่อู่สีใช้ เพราะจะไม่ทิ้งคราบเหนียวๆ เอาไว้ ใช้กระดาษกาวติดเป็นแนวตามที่ต้องการ
เพื่อป้องกันการเลอะเทอะของซิลิโคน ซึ่งบางครั้งเมื่อติดตัวถังหรือส่วนอื่นๆ แล้วมันยากที่จะทำความ
สะอาด การติดกระดาษกาวจะใช้ป้องกันไม่ให้เลอะเทอะ
- กาวยาง
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการซ่อมชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร ที่เป็นวัสดุสังเคราะห์ผสมกับพลาสติค
อย่าใช้พวกกาววิทยาศาสตร์ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า กาวช้าง โดยเด็ดขาด เพราะมันจะทิ้ง
คราบขาวๆ แข็งๆ เอาไว้ แถมติดไม่ค่อยอยู่อีกต่างหากในบางจุด เพียงแต่ต้องพิจารณาว่าชิ้นส่วนนั้น
เป็นอะไร ถ้าเป็นพลาสติค เช่น มือเปิดประตู หรือชิ้นส่วนที่เปลี่ยนง่ายๆ ก็เปลี่ยนใหม่จะคุ้มกว่า
เพราะซ่อมไปก็ไม่สวย ส่วนที่มีปัญหามักจะเป็นคอนโซลหน้า, คอนโซลเกียร์ ฯลฯ ที่เป็นวัสดุนิ่มๆ
เป็นพวก PVC การซ่อมแซมนั้นเป็นทางออกที่ดีกว่า ควรใช้กาวยางที่ช่างรองเท้าเค้าใช้กันนั่นแหละดีที่สุด
เพียงแต่มีข้อแม้อยู่ว่าต้องใช้ให้เป็น ไม่ใช่ว่าเอากาวทาเข้าไปแล้วก็จบ แบบนั้นไม่นานมันก็หลุดออกมาอีก
การใช้กาวยางในการซ่อมแซมนั้น สิ่งสำคัญก็คือ ต้องทำความสะอาดชิ้นส่วนที่เป็นหน้าสัมผัสเสียก่อน
ต้องทำทั้ง 2 ชิ้น โดยทำความสะอาดคราบกาวเดิมออกให้หมด ขัดผิวหน้าที่เราจะทากาวให้เรียบด้วย
กระดาษทรายละเอียดมากๆ เบาๆ ใช้ผ้าชุบน้ำผงซักฟอกหมาดๆ เช็ดซ้ำ 2-3 ครั้ง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำ
สะอาดๆ เช็ดซ้ำหลายๆ ครั้งเพื่อกำจัดคราบมันให้หมดไป เพราะคราบมันเหล่านั้นมันจะทำให้กาว
ติดไม่แน่น ไม่นานมันก็หลุดออกมาอีก ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท ใช้กาวยางทาทั้ง 2 ด้านพอประมาณ
ทิ้งไว้สักครู่ พอกาวเริ่มเป็นสีขุ่นๆ ค่อยๆ ประกบทั้ง 2 ชิ้นเข้าด้วยกัน ถ้าเป็นไปได้หาของหนักๆ ทับไว้
หรือถ้ามีอะไรที่หนีบให้มันแน่นได้จะเป็นการดี ทิ้งไว้ให้นานเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยๆ 2-3 ชั่วโมง
แต่ถ้าข้ามคืนได้จะเป็นการดี เพราะกาวจะติดได้แน่นมากๆ ลองคิดดูว่าพื้นรองเท้าเราใส่เดินทั้งวันยังอยู่ได้เลย
สิ่งสำคัญคือ การทำความสะอาดและเตรียมผิววัสดุนี่แหละ
- กาวอีพอกซี
ถ้าชิ้นส่วนนั้นมันไม่สามารถหาอะไหล่ทดแทนได้แล้วค่อยใช้เป็นทางเลือกนะครับ โอกาสที่จะ
แก้ไขนั้นมันยากมาก เพราะเป็นกาวที่มีความแข็งและเหนียวสูง เหมาะสำหรับงานซ่อมแซมที่ต้องการ
ความแข็งแรง เช่น โลหะ, อลูมิเนียม, เซรามิค ฯลฯ ต้องเลือกให้เหมาะกับงานที่เอามาใช้ด้วย
ขั้นตอนสำคัญ คือ ต้องอ่านคู่มือการใช้งานให้ละเอียด และการเตรียมผิวงานต้องสะอาด เพื่อให้กาว
ได้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่ เพราะถ้าถึงต้องใช้กาวอีพอกซีแล้วละก็ บอกได้คำเดียวครับว่า
จะพลาดไม่ได้ พลาดนิดเดียวงานอาจจะเสียได้
- ครีมทำความสะอาดมือ
เป็นของสำคัญที่ต้องมีติดรถ มีทั้งเป็นหลอดและกระปุก เหมาะมากเวลาที่ต้องซ่อมรถในที่ไม่มีน้ำ
ให้ล้างมือ หรือมือเลอะน้ำมันแล้วล้างไม่ค่อยออก
ครีมเหล่านี้จะช่วยได้มากทั้งรวดเร็วและไม่ต้องการน้ำ เพียงแต่ต้องมีผ้าแห้งๆ ไว้คอยเช็ดเท่านั้น หรือบางครั้งที่รีบๆ เช่น โทรศัพท์มา หรือต้องเข้าไปในรถ ครีมทำความสะอาดจะช่วยได้มากเพราะเร็วและไม่เสียเวลา ไม่ต้องล้างน้ำซ้ำอีกต่างหาก
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คุณสามารถลงมือทำได้ด้วยตัวเอง ใช้วันว่างที่มีกับเครื่องมือและของที่จะนำ
มาใช้ให้ถูกกับงาน รับรองว่าผลงานที่ออกมาจะต้องถูกใจคุณ เพราะว่ารถเราเองต้องระมัดระวัง
มากกว่าช่างทั่วไปอยู่แล้ว และเป็นการตัดปัญหาเรื่องหงุดหงิดที่จะตามมาภายหลังด้วย
เพราะเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่กล่าวมาราคาไม่แพงเลย และยังสามารถเก็บไว้ใช้ได้ในงานอื่นๆ อีกด้วย
รวมถึงยังเป็นการฝึกทักษะและฝีมือของคุณให้พร้อมรับสถานการณ์อยู่เสมอด้วย
เรื่องโดย : พหล ฯ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : DIY...คุณทำเองได้
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57816