เทคนิคตีนโต
ความปลอดภัยในคืนอันมืดมิด
ผู้ผลิตรถยนต์ต่างมุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้ออกมามีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกๆ ด้าน
หัวใจสำคัญในการออกแบบที่ควบคู่ไปกับความสวยงาม, สมรรถนะ, ความสะดวกสบาย นั่นก็คือ
เรื่องของความปลอดภัย
รถหลายๆ รุ่นต้องมีการปรับเรื่องของความสวยงามหรือหน้าตาใหม่ ทั้งๆ ที่มันสมบูรณ์แบบ แต่ติด
เหตุผลเพียงว่าเมื่อทดสอบด้านความปลอดภัยแล้วมันไม่สมบูรณ์ ในรถรุ่นใหม่นอกเหนือจากเรื่อง
ของความสะดวกสบายจากระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ แล้ว สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาควบคู่กัน นั่นคือ
เรื่องของความปลอดภัย ซึ่งหลายคนคิดว่ามันคือ แฟชันใหม่ของการออกแบบรถ ถ้ามองให้ลึกๆ
แล้วนั่นมันคือผลพลอยได้
จุดประสงค์ในการออกแบบจริงๆ นั้นมุ่งเน้นในเรื่องของความปลอดภัยมากกว่า อย่างเช่น ไฟท้าย
แบบ LED ที่เห็นชัดเจนกว่าโดยเฉพาะเวลากลางวันแดดจัดๆ หรือแม้กระทั่งไฟหน้าปรับเปลี่ยนตาม
การหันเลี้ยวของพวงมาลัย ระบบเหล่านี้ล้วนออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยทั้งสิ้น แต่คนส่วนมาก
คิดว่ามันออกแบบมาเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อให้เจ้าของรถรู้ว่ามีออพชันเหนือกว่าคู่แข่งเท่านั้น
แต่ที่จริงแล้วมันเป็นระบบช่วยในการขับขี่ยามค่ำคืน ที่ผ่านมาเราจะเห็นระบบช่วยในการขับขี่
ยามค่ำคืนของหลายๆ ค่ายมาแล้ว จุดประสงค์ในการออกแบบก็คือ ต้องการเพิ่มทัศนวิสัยในการ
มองเห็นยามค่ำคืนให้กว้างไกลขึ้น แล้วทำไมไม่ไปเพิ่มไฟหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นล่ะ ?
นั่นเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดมากที่สุดแล้ว
แต่การพัฒนาเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการส่องสว่างนั้นมันมีขีดจำกัด ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า
ผู้ผลิตไฟหน้าไม่สามารถออกแบบไฟให้มีความสว่างมากกว่านี้ได้นะครับ ขีดจำกัดมันก็คือ เรื่องของ
ความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่นๆ โดยเฉพาะรถคันที่สวนมาต่างหากที่กลายเป็นขีดจำกัด
ยิ่งไฟหน้าสว่างมากเท่าไร มันก็ยิ่งรบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถคันที่สวนมา กลายเป็นว่าเรามีทัศนวิสัย
ที่ดีขึ้น แต่รถคันที่สวนมากลับแย่ลง การออกแบบไฟหน้าจึงทำได้ภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว
ในฉบับนี้ เราจะแนะนำระบบส่องสว่างที่มีความสามารถมากขึ้น ก่อนหน้านี้ทาง เมร์เซเดส-เบนซ์
ได้พัฒนาระบบ NIGHT VIEW ASSIST ขึ้นมาใช้ก่อนแล้ว ระบบนี้จะใช้แสงอินฟราเรดช่วยในการ
เพิ่มทัศนวิสัย เมื่อความเร็วของรถเกินกว่า 15 กม./ชม. ระบบจะเริ่มทำงาน ซึ่งรัศมีของลำแสงนั้น
ไกลถึง 200 เมตร ลำแสงนี้จะไม่รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถคันที่สวนมา หน้าที่ของลำแสงนั้นจะช่วย
ยืนยันวัตถุที่อยู่ข้างหน้าเรา เพื่อให้ INFRARED-SENSITIVE CAMERA ที่ซ่อนอยู่กลางกระจก
บังลมหน้าสามารถโฟคัสภาพได้ไวขึ้น เป็นหลักการเดียวกับระบบช่วยหาโฟคัสของกล้องถ่ายภาพ
เมื่อกล้องโฟคัสภาพได้ก็จะประมวลผลและส่งภาพมาที่หน้าจอ ซึ่งจะแสดงภาพเป็นแบบ
GREY SCALE จะเป็นโทนสีเทาที่มีการไล่ระดับโทนสีเพื่อให้เกิดเป็นรูปร่าง
นั่นเป็นเพียงก้าวแรกที่นำมาใช้งาน แต่ล่าสุดนี้ได้มีการพัฒนาระบบมาใช้เสริมให้มีประสิทธิภาพ
มากขึ้น นั่นก็คือ ระบบ INTELLIGENT LIGHT SYSTEM ระบบนี้จะเป็นการเพิ่มความสามารถ
ในการส่องสว่างให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่จริง โดยหันไปเล่นกับการกระจายลำแสงของไฟหน้า
ให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางและการจราจร โคมไฟหน้าที่ใช้เป็นแบบ BI-XENON ออกแบบมา
สำหรับเทคโนโลยีนี้โดยเฉพาะ สามารถปรับเปลี่ยนลักษณะการส่องสว่างได้ถึง 5 รูปแบบด้วยกัน
MOTORWAY MODE ออกแบบมาสำหรับการเดินทางด้วยความเร็วสูงเวลากลางคืน
เนื่องจากถนนมอเตอร์เวย์ในเยอรมนีไม่มีการจำกัดความเร็ว ผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วมากเท่าที่
ต้องการได้ โหมดนี้ระบบจะทำการเพิ่มรัศมีการส่องสว่างให้ไกลมากขึ้นถึง 60 % ระบบจะทำงาน
ก็ต่อเมื่อความเร็วเกิน 90 กม./ชม. ขึ้นไป เมื่อความเร็วเกินกว่า 110 กม./ชม. ระบบจะปรับเพิ่มการ
ส่องสว่างไปยังระดับไกลสุด ลำแสงจะกวาดไปไกลกว่า 120 ม. และเพิ่มการส่องสว่างด้านข้างให้มี
รัศมีกว้างขึ้นอีก 50 ม.
CORNERING LIGHT FUNCTION ลักษณะการทำงานของโหมดนี้จะทำงานร่วมกับ
สัญญาณไฟเลี้ยว เพื่อเพิ่มการส่องสว่างด้านข้าง เพราะขณะที่เราเลี้ยวรถจะเกิดมุมอับด้านข้างมาก
โอกาสที่จะเบียดหรือกระแทกกับสิ่งกีดขวางด้านข้างจะมีมาก ระบบจะเพิ่มการส่องสว่างด้านข้าง
ไกลถึง 30 ม. ด้วยมุมส่องสว่างกว้างถึง 65 องศา
COUNTRY ROAD MODE โหมดการใช้งานนี้ออกแบบสำหรับการเดินทางไกลยามค่ำคืน
ที่ไม่ใช่ถนนมอเตอร์เวย์ เน้นการกระจายลำแสงให้กับบริเวณไหล่ทางมากขึ้นโดยเฉพาะ เนื่องจาก
การเดินทางยามค่ำคืนนั้นอาจจะมีรถจอดชิดไหล่ทาง หรือแม้แต่บรรดาสัตว์ที่ออกหากินยามค่ำคืน
สัตว์บางชนิดก็ชอบนอนบริเวณไหล่ทางเพราะความอบอุ่นของผิวถนนที่คลายความร้อนออกมา
ENHANCE FOG LAMPS โหมดนี้ออกแบบมาสำหรับการขับขี่เวลาหมอกลงจัด
หรือฝนตกหนัก เมื่อระบบตรวจสอบพบการสะท้อนของลำแสงไฟที่ผิดปกติ ระบบจะทำการคำนวณ
ร่วมกับความเร็วของตัวรถด้วย ในความเร็วต่ำกว่า 70 กม./ชม. ระบบจะสั่งเปิดการทำงานของ
ไฟตัดหมอกหน้า/หลังทันที นั่นแสดงว่าทัศนวิสัยแย่จนไม่สามารถทำความเร็วได้ จนกว่าความเร็ว
จะเกินกว่า 100 กม./ชม. ระบบจะสั่งปิดการทำงานของไฟตัดหมอกทันที
ACTIVE LIGHT FUNCTION โหมดนี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มรัศมีการส่องสว่างขณะเข้าโค้ง
ไปทางด้านข้าง ตามองศาการหักเลี้ยวของพวงมาลัย ความเร็วของรถ ทิศทางการเคลื่อนที่ เพื่อสั่งให้
ระบบทำงาน หรือหยุดการทำงานตามความเหมาะสมขณะขับขี่ ระบบจะทำงานประสานกันตลอดเวลา ซึ่งในขณะขับขี่นั้นรูปแบบของการส่องสว่างจะปรับเปลี่ยนความเหมาะสม เช่น เมื่อมีแสงไฟจากรถคันที่สวนมา รัศมีระบบจะทำการปรับการส่องสว่างทันที
เพื่อไม่ให้รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถคันที่สวนมา
เรื่องโดย : พหลฯ 30
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : เทคนิคตีนโต
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57768