วิถีตลาดรถยนต์
"เปิดฉากไม่สวยเสียแล้ว"
ปีที่แล้วปิดตลาดซื้อขายรถยนต์ในประเทศไทยปรากฏว่าติดลบไป 3 % กว่าๆ ปีนี้ปีหมูที่เรียกขาน
กันตามลักขณาราศี ซึ่งก็มีทั้งที่คนเรียกว่าปีหมูทองบ้าง ปีหมูไฟบ้าง แล้วแต่มุมมองก็ว่ากันไป
ถ้าอย่างเป็นทางการตามนานานิยมก็เข้าสู่ปีพุทธศักราช 2550 หรือปีคริสต์ศักราช 2007 กันแล้ว
ปีนี้กูรูในวงการรถยนต์บ้านเราทำนายคาดการณ์ไว้ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศทุกประเภท
น่าจะอยู่ที่ 690,000-700,000 คัน ถ้าดูตามสภาพเศรษฐกิจในยุคที่มีรัฐบาลชั่วคราวรอวาระ
การผลัดเปลี่ยนไปสู่ยุคประชาธิปไตยเต็มใบก็ไม่น่าจะหนักหนาสาหัสเท่าใด เพราะปีนี้มีรถยนต์
โมเดลใหม่ที่เป็นขวัญใจปวงชนทำยอดจำหน่ายได้เป็นกอบเป็นกำออกสู่ตลาดมากพอสมควร
ทั้งในส่วนของรถยนต์นั่งที่พี่ใหญ่ของตลาด โตโยตา ถึงคิวที่ต้องปรับเปลี่ยนกันหลายโมเดล
และรถพิคอัพสายพันธุ์ใหม่ที่ นิสสัน เงื้อง่าราคาแพงมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่าง
เป็นทางการไปในเดือนมกราคม น่าจะกระตุ้นให้ตลาดกระชุ่มกระชวยรับปีหมูได้พอสมควร
รวมไปถึงอีกหลายบแรนด์หลายโมเดล ที่มีคิวต้องเข็นรถยนต์รุ่นใหม่ป้ายแดงออกสู่ตลาดในปีนี้
แต่การณ์กลับไม่เป็นไปตามคาดเสียแล้ว เปิดศักราชรับปีหมูมา ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ
เดือนมกราคมปักหัวทิ้งดิ่งลงอย่างน่าใจหาย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคมปีที่แล้ว ปีที่พ่อแม่
พี่น้องชาวไทยโดนวิบากกรรมถาโถมเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้งตั้งแต่ต้นปี เดือนมกราคมปี 2550
ยอดรวมการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศมีอยู่เพียง 38,643 คัน ซึ่งถ้าเทียบกับเดือนมกราคมปี 2549
ที่ว่าแย่ๆ แล้วหดหายลงไปถึง 23.4 % บ้างก็ว่าเป็นธรรมดาที่ยอดจำหน่ายรถยนต์เดือนแรกของปี
จะซบเซาลงไป เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับช่วงที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ถีบตัวขึ้นสูงสุดในเดือน
ธันวาคม เดือนที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงสุดและสารพัดโพรโมชันส่งเสริมการขายพิเศษที่ค่ายรถยนต์
ต่างๆ โหมกระหน่ำออกมาส่งท้ายปลายปี เมื่อขึ้นสูงสุดก็ต้องคืนสู่สามัญเป็นธรรมดา
ในเดือนมกราคมยอดจำหน่ายรถยนต์จึงดูหงอยเหงาเศร้าสร้อยลงไป แต่นี่ก็เป็นสัญญาณบอกเหตุ
ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้วที่จะทำให้บรรลุเป้าตามที่ตั้งเอาไว้ ถึงจะมีเวลาให้เก็บสะสมยอดจำหน่าย
กันอีกถึง 11 เดือนก็ตาม
โตโยตา ถึงแม้จะไม่ได้เป็นผู้นำในการปลุกกระแสรถใหม่ป้ายแดงเหมือนในเช่นปีที่แล้ว แต่ก็ยัง
ครองความเป็นพี่ใหญ่ของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเหมือนเดิม ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุก
โมเดลของ โตโยตา เดือนมกราคมกดไปที่ 16,703 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 43.2 %
ขณะที่คู่แข่งสำคัญ อีซูซุ ในปีที่แล้วช่วงเดือนมกราคมออกสตาร์ทมีผลต่างกับ โตโยตา
อยู่สองพันกว่าคัน แต่ในปีนี้เริ่มต้นยอดจำหน่ายรถยนต์ก็โดยฉีกทิ้งห่างไปแล้วเจ็ดพันกว่าคัน
อีซูซุ ขายไปได้ 9,408 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 24.3 % ยิ่ง โตโยตา มีโพรแกรมที่จะส่ง
รถยนต์นั่งรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในปีนี้อีกหลายรุ่น ขณะที่ อีซูซุ มีเพียงพิคอัพที่เป็นตัวทำยอด
ผลสรุปปลายปีน่าจะเป็น โตโยตา ที่ครองอันดับหนึ่งในตลาดรวมทุกประเภท โดยทิ้งห่าง
อันดับสองไปหลายช่วงตัวเลยทีเดียว ส่วนอันดับสาม ฮอนดา ยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือน
มกราคมยังได้กระแสความแรงของ ฮอนดา ซีอาร์-วี ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เป็นตัวทำคะแนนอยู่ ถึงแม้จะมีส่วนแบ่งการตลาดในเดือนนี้ที่ 11.2 % แต่เมื่อเทียบกับ
เดือนมกราคมปีที่แล้ว ยอดจำหน่ายก็ตกหล่นไปเพียงไม่กี่ร้อยคัน ไม่เหมือนกับ โตโยตา และอีซูซุ
ที่หายไปเป็นหลักพันคัน ฮอนดา ทำยอดจำหน่ายรถยนต์ทุกโมเดลในเดือนแรกของปีนี้ได้
4,325 คัน เบอร์สี่ของตลาดรถยนต์ในประเทศเป็นของ มิตซูบิชิ ที่สถานการณ์การเมืองในสำนัก
ไม่หยุดนิ่งเสียที ขายไปได้ทั้งสิ้น 1,921 คัน มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 5.0 % และอันดับที่ห้า
ที่จำหน่ายขายได้มากที่สุดในเดือนมกราคม เป็นของ เชฟโรเลต์ ที่ขายไป 1,511 คัน รับส่วนแบ่ง
ตลาดไป 3.9 %
เซกเมนท์ของรถพิคอัพ 1 ตัน เป็นตลาดที่เปิดตัวรุ่นใหม่รับปี 2550 เป็นตลาดแรกจากการนำเสนอ
ของ นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา พิคอัพ 6 เกียร์รายแรกของเมืองไทย แต่ก็ไม่สามารถกระตุ้น
ตลาดโดยรวมที่อยู่ในภาวะที่ซบเซาตามวัฐจักรการจำหน่ายรถยนต์ให้คึกคักกระชุ่มกระชวยได้
ยอดจำหน่ายรถพิคอัพ 1 ตัน ทั้งในแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ รวมกันทำได้เพียง 21,902 คัน
ติดลบไปจากเดือนมกราคมปี 2549 ถึง 33.4 % โดยแบ่งเป็นประเภทขับเคลื่อน 2 ล้อ จำหน่าย
ไปได้ 20,723 คัน หายไปจากเดือนมกราคมปีที่แล้ว 31.8 % โดยที่ โตโยตา ขายได้มากที่สุด
8,090 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 39.0 % ตามด้วย อีซูซุ ที่ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว ขายไปได้ถึง
13,733 คัน มาในปีนี้เหลืออยู่เพียง 7,880 คัน ติดลบไปถึง 42.6 % คงต้องเป็นงานหนักสำหรับ
อีซูซุ เสียแล้ว ถ้ายังมุ่งหวังกับการเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดนี้ ขณะที่ มิตซูบิชิ ยังไว้วางใจได้กับ
มิตซูบิชิ ทไรทัน ปิดยอดจำหน่ายเดือนแรกเข้ามาในอันดับที่สาม 1,508 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาดไป
7.3 % แต่สำหรับ มาซดา แล้วถือว่าเป็นผลงานที่เยี่ยมยอด ออกสตาร์ทได้ดีเข้าอยู่ในอันดับที่สี่
1,040 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 5.0 % ส่วน เชฟโรเลต์ ทำยอดขายไปได้ 910 คัน อยู่ในอันดับที่ห้า
ส่วนแบ่งตลาด 4.4 % สำหรับ นิสสัน แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะไหว้ครูนานเกินไปหรือเปล่า นิสสัน
ฟรอนเทียร์ นาวารา จึงยังไม่ฮิทติดลมบนเหมือนที่คาดหวังไว้ คงต้องขอบคุณกันอีกนาน
ขายไปได้เพียง 744 คันเท่านั้น
ส่วนในประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งตลาดขายไปได้ 1,179 คัน ติดลบไปมากถึง 55.1 %
ห้าอันดับรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ขายได้มากที่สุดเกือบจะไม่เปลี่ยนแปลงจาก
ห้าอันดับแรกของพิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่มีความหลากหลายให้เลือกใช้ ทั้งในแบบยกสูง
และแบบมาตรฐาน โตโยตา จองตำแหน่งหัวแถวด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 58.4 %
จากยอดจำหน่ย 689 คัน ตามด้วย อีซูซุ 209 คัน ส่วนแบ่งตลาด 17.7 % มิตซูบิชิ 129 คัน
ส่วนแบ่งตลาด 10.9 % ฟอร์ด มาทำได้ดีในตลาดนี้ หลังจากครองตำแหน่งบู้บี้ในตลาดพิคอัพ
ขับเคลื่อน 2 ล้อ เข้ามาในอันดันที่สี่ 73 คัน และเชฟโรเลต์ 29 คัน ส่วน นิสสัน ทำได้ดีพอสมควร
แต่ยังไม่ดีพอที่จะแทรกเข้ามาอยู่ในห้าอันดับแรก ขายไปได้ 28 คัน เช่นเดียวกับ มาซดา
ที่ขายไปได้ 22 คันสำหรับรถพิคอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ
ในปีที่ผ่านมา รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นเซกเมนท์ที่มีผลประกอบการอยู่ในแดนบวก แต่สำหรับปี
2550 หนีไม่พ้นสภาพความเป็นจริง เริ่มต้นก็ติดลบเช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล
ติดลบไป 9.9 % ทำยอดจำหน่ายรวมกันทั้งตลาดได้ 10,406 คัน มีความหลากหลายที่น่าสนใจ
เหมือนกันในตลาดรถยนต์นั่งนี้ กระแสรถใหม่ของ โตโยตา เริ่มสะพัดมาตั้งแต่ปลายปี แต่สำหรับ
ผู้บริโภคที่เทใจให้ โตโยตา แล้วดูเหมือนไม่เป็นผล โตโยตา ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด
แถมยังทำยอดจำหน่ายได้สูงกว่าเดือนมกราคมปีที่แล้วเสียอีก ปี 2550 โตโยตา ออกตัวเพื่อครอง
เป็นที่หนึ่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอด 5,137 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 49.4 % ขณะที่คู่แข่งใน
ตลาดรถยนต์นั่ง ฮอนดา ก็ยังอยู่ในอันดับที่สอง ด้วยยอดจำหน่าย 3,372 คัน ส่วนแบ่งตลาด
32.4 % เช่นเดียวกับ เชฟโรเลต์ ที่หมายมั่นปั้นมือยึดตำแหน่งที่สามเป็นการถาวรแล้ว จำหน่าย
ไปได้ 572 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.5 % อันดับที่สี่เป็นของ นิสสัน 416 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.0 %
เริ่มต้นได้สวยหรูสำหรับบแรนด์หรูหราอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ เกาะอยู่ในอันดับที่ห้าจากยอด
จำหน่าย 229 คัน ถึงแม้จะได้ส่วนแบ่งตลาดไปเพียง 2.2 % แต่เม็ดเงินที่ได้จากยอดจำหน่าย
229 คันนี้น่าอิจฉาเป็นยิ่งนัก
สำหรับรถเอสยูวี และเอมพีวี ก็ยังรักษาอาการไว้ได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ไม่พลิกกับมาอยู่ใน
แดนบวกเสียที เอสยูวี ติดลบไป 3.2 % ทำยอดจำหน่ายรวมกันได้ 2,735 คัน ส่วนเอมพีวี
ติดลบไป 11.5 % จากยอดจำหน่าย 737 คัน
อย่างไรก็ตาม เวลาที่เหลืออยู่ในช่วงไตรมาสแรกของปี เดือนกุมภาพันธ์ช่วงแห่งเทศกาล
วันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน และเดือนมีนาคมที่มีงานมอเตอร์โชว์ น่าจะเป็นไป
ในทิศทางที่ดี บริษัทรถยนต์ต่างๆ น่าจะทำยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วง 2-3 นี้ได้ดีพอสมควร
ซึ่งเมื่อหักลบกลบหนี้กับยอดจำหน่ายในเดือนมกราคมแล้ว ปิดยอดขายไตรมาสแรกน่าจะมี
ผลบวกอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับว่าโพรโมชันพิเศษในช่วงระยะเวลาดังกล่าวของใครจะโดนใจมากกว่ากัน
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57742