เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2006 สนาม 9-11
หลังจากหยุดพักไปนานถึง 2 เดือนเต็ม การแข่งขันแรลลีที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลกกลับมาเริ่มต้นครึ่งหลังที่ประเทศเยอรมนี ในรายการ ดอยท์ชลันด์ แรลลี (DEUTSCHLAND RALLY) คราวนี้เส้นทางการแข่งขันทั้งหมดจะแข่งบนถนนราดยางที่เรียบ แต่คดเคี้ยว ท่ามกลางภูมิประเทศที่สวยงามของเมืองทรีเอร์ (TRIER) ที่ซึ่งเต็มไปด้วยไร่องุ่นและแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีมากมาย ทักษะการอ่านไลน์ที่ถูกต้อง และการใช้เบรคมือเพื่อช่วยเข้าโค้ง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแข่งขันที่นี่
เลกแรกออกสตาร์ทท่ามกลางสภาพถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืน การเลือกใช้ยางมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่จะตัดสินผลแพ้ชนะ ซึ่ง เซบัสเตียง โลบ์(SEBASTIEN LOEB) นักขับมือหนึ่งของทีม คโรนอส โททาล ซีตรอง ตัดสินใจเลือกใช้ยาง INTERMEDIATE แบบนิ่ม ซึ่งเป็นยางที่รีดน้ำได้ดีที่สุด เช่นเดียวกับ ดาร์นี โซร์โด (DANI SORDO) เพื่อนร่วมทีม จึงทำให้ทั้งสองทำเวลารวมดีที่สุดตามลำดับใน 4 สเตจแรก
ด้าน มาร์คุส โกร์นโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) ทีม บีพี ฟอร์ด เจอปัญหาถนนลื่นเป็นคนแรก
โดยเบรคแรงเกินไปจนรถลื่นไถลออกนอกทแรคตั้งแต่ช่วงสเตจแรก แต่ยังดีที่สามารถกลับขึ้นมาบนถนนได้อีกครั้ง และทำเวลาตีตื้นจนขึ้นมาอยู่อันดับ 3 เมื่อจบครึ่งวันแรก
ในช่วงบ่าย ทุกทีมพร้อมใจกันเลือกใช้ยางแบบสลิค เนื่องจากถนนเริ่มแห้งมากขึ้น มีเพียง โลบ์ ที่ใช้ยางสลิคแบบมีดอกยางเพื่อรีดน้ำ ซึ่งดูเหมือนโชคจะเข้าข้างทีม ซีตรอง อีกครั้ง เพราะหลังจากจบสเตจที่ 5 ฝนเริ่มตกลงมาอีกครั้ง ส่งผลให้ โลบ์ ทำเวลาดีที่สุดได้เพิ่มอีก 3 ใน 4 สเตจ ส่วน โซร์โด เพื่อนร่วมทีมคว้าที่เหลือไปครอง
เลกที่ 2 อันดับผู้นำยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดย โลบ์ ยังรั้งตำแหน่งผู้นำ โดยทำเวลาทิ้งห่างเพื่อนร่วมทีม โซร์โด 34.3 วินาที โกร์นโฮล์ม ตามมาเป็นที่ 3 โดยมี โทนี การ์เดไมสเตอร์ (TONIGARDEMEISTER) ตามมาติดๆ เป็นอันดับ 4 ส่วน แจน โคเปคกี (JAN KOPECKY) ทีมสโกดาสร้างความประหลาดใจให้แก่บรรดาแฟนๆ หลังจากทำเวลาดีที่สุดในสเตจแรก และสเตจรองสุดท้าย
ของวัน จบเลก 2 อันดับรวมกระโดดขึ้นมาอยู่ที่ 9
เลกที่ 3 ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักไม่สามารถสร้างปัญหาให้แก่อดีตแชมพ์โลก 2 สมัย เซบัสเตียง โลบ์ ได้โดยยังคงทำเวลาเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง จนจบการแข่งขัน คว้าชัยชนะได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 26 ด้านดานี โซร์โด และมาร์คุส โกร์นโฮล์ม คว้าอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ส่วน โทนี การ์เดไมสเตอร์แม้จะพยายามอย่างหนัก โดยทำเวลาดีที่สุดใน 2 สเตจสุดท้าย แต่ยังทำได้ดีที่สุดเพียงอันดับ 4 เท่านั้น
เวิร์ลด์ แรลลี แชมเพียนชิพ 2006 สนาม 10
สนามต่อมาย้ายมาแข่งกันที่ดินแดน 1,000 ทะเลสาบ ประเทศฟินแลนด์ หนึ่งในรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก ด้วยเส้นทางลูกรังที่ราบเรียบ และใช้ความเร็วได้สูง ท่ามกลางภูมิประเทศที่งดงามของทะเลสาบ และต้นไม้ใหญ่ตลอด 2 ฝั่งข้างทาง จึงไม่แปลกเลยว่าที่สนามนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของทั้งทีมงาน นักแข่ง สื่อมวลชน และบรรดาผู้ชม
เลกแรก ทั้งนักแข่งต้องเจอกับสภาพถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยน้ำ เนื่องจากฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืนเช่นเดียวกับสนามที่แล้ว แต่ฝนที่ตกลงมาคราวนี้ทำให้ความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างทีมที่ออกตัวก่อนและหลังลดลง เนื่องจากน้ำฝนจะชะล้างกรวดก้อนเล็กๆ ที่มักจะสร้างปัญหาให้กับรถที่ออกตัวก่อนอยู่เสมอ
โกรนโฮล์ม นักขับเจ้าถิ่นทีม ฟอร์ด ทำเวลาดีที่สุดตามคาด ขณะที่ โลบ์ จากทีม ซีตรอง ทำเวลามาเป็นอันดับ 2 ห่างจากผู้นำเพียง 12 วินาที ตามมาด้วย มิคโค ฮีร์โวเนน (MIKKO HIRVONEN) ทำเวลาห่างออกไป 31.5 วินาที ด้าน เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) ทีม ซูบารุ ยังเซทรถไม่ลงตัวสำหรับสภาพถนนเปียก ทำเวลาดีที่สุดได้เพียงอันดับ 4 เท่านั้น
เลกที่ 2 ฟ้าเริ่มเปิด ถนนเริ่มแห้ง แต่นักขับต้องเจอกับปัญหาใหม่ นั่นคือ ก้อนหินขนาดใหญ่ที่หลบอยู่ตามไหล่ทาง จึงทำให้ต้องระวังไม่ให้รถหลุดออกไปนอกทแรค ซึ่งอาจทำให้รถไปกระแทกก้อนหินจนเสียหายได้ทันที การแข่งขันในช่วงครึ่งเช้าเป็นการขับเคี่ยวกันอย่างหนักของ 2 คู่ คือ โกร์นโฮล์ม และโลบ์ที่อยู่ในอันดับ 1 และ 2 และโซลเบร์ก กับ ฮีร์โวเนน ที่รั้งอันดับ 3 และ 4 ที่ทำเวลาดีใกล้เคียงกันมาก
ด้าน คริส แอทคินสัน (CHRIS ATKINSON) นักขับดาวรุ่งทีม ซูบารุ ต้องเจอกับก้อนหินขนาดใหญ่เป็นรายแรก โดยพลาดไปกระแทกเข้าอย่างจังจนทำให้ชุดเกียร์เสียหายเกือบทั้งหมด โดยเขาต้องขับรถด้วยเกียร์ 3 เพียงอย่างเดียวนานถึง 2 สเตจ เพื่อเข้าจุดเซอร์วิศในช่วงพักกลางวัน แต่นักขับที่เจอกับปัญหานี้หนักสุด คือ โซลเบร์ก นักขับสัญชาตินอร์เวย์ หลังจากที่เหินข้ามเนินด้วยความเร็วสูง แล้วรถแฉลบออกข้างทางจนไปกระแทกหินเข้าอย่างจัง จนรถพลิกหลายตลบ โชคดีที่ทั้งเขาและผู้นำทาง
ฟิล มิลล์ส์ (PHIL MILLS) ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ตัวรถพังยับทั้งคัน
เลกที่ 3 การขับเคี่ยวกันอย่างหนักตลอดทั้ง 2 วันที่ผ่านมา เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากที่เวลาในแต่ละอันดับเริ่มทิ้งห่างกันเป็นช่วงๆ โดยจบสเตจที่ 21 ซึ่งเป็นสเตจสุดท้าย มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ผู้ซึ่งทำเวลาเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 และมีเวลารวมเร็วที่สุด คว้าตำแหน่งแชมพ์ประจำสนามไปครองได้สำเร็จ ส่วน เซบัสเตียง โลบ์ ทำเวลารวมตามมาเป็นอันดับ 2 ด้านนักขับเจ้าถิ่น มิคโค ฮีร์โวเนน ทำผลงานได้ดีน่าพอใจ โดยสามารถคว้าอันดับ 3 ได้ขึ้นโพเดียมเป็นผลสำเร็จที่บ้านเกิดของตัวเอง
เวิร์ลด์ แรลลี แชมเพียนชิพ 2006 สนาม 11
การแข่งขันแรลลีชิงแชมพ์โลกดำเนินมาถึงสนามที่ 11 ในรายการ แรลลี เจแปน (RALLY JAPAN)จัดขึ้นที่เกาะฮอคไกโด ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น มีภูมิประเทศที่สวยงาม เส้นทางการแข่งขันลัดเลาะไปตามป่าเขาที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ สภาพถนนส่วนใหญ่เป็นทางกรวดที่แคบแต่ราบเรียบ ท่ามกลางภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงง่าย ทั้งนักแข่งและทีมงานต่างต้องติดตามรายงานพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด
บรรยากาศช่วงสตาร์ทของเลกแรกคล้ายกับการแข่งขันรายการที่แล้ว เริ่มต้นจากฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งคืนจนถนนเปียกชุ่ม และการขับเคี่ยวกันระหว่าง โกร์นโฮล์ม จากทีม ฟอร์ด และโลบ์ จากทีม ซีตรองขณะที่ โซลเบร์ก ที่ทำท่าจะดีในช่วงแรก แต่แล้วก็เกิดปัญหารถขัดข้องจนทำให้เสียเวลาไปหลายนาที
ทั้ง โกร์นโฮล์ม และโลบ์ ผลัดกันทำเวลาดีที่สุดได้ 6 และ 2 สเตจ ตามลำดับ จบเลกแรก โลบ์ยังทำเวลาตามหลังผู้นำอยู่เพียง 10.5 วินาที โดยมี ฮีร์โวเนน ตามเป็นอันดับ 3 ห่างออกไป 1 นาที 2.1 วินาที
เลกที่ 2 ถนนที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นทางโคลนลื่นในบางช่วง โดย โกร์นโฮล์ม เป็นคนแรกที่ประสบกับปัญหานี้ หลังจากที่ออกสตาร์ทในช่วงเช้าด้วยตำแหน่งผู้นำ แต่เมื่อมาถึงสเตจที่ 5 ของวันรถเกิดเสียหลักหมุนหลายตลบ ทำให้เสียอันดับผู้นำให้กับ โลบ์ ทันที
ด้าน ฮีร์โวเนน ที่ตอนนี้ขับแบบไร้ความกดดันใดๆ หลังจากที่เขาทำเวลารวมนำ แอทคินสัน ทีม ซูบารุอยู่เกือบ 3 นาที และตามหลัง โกร์นโฮล์ม เพื่อนร่วมทีมอยู่เพียง 1 นาทีกว่าเท่านั้น ส่วน โซลเบร์กที่รถขัดข้องในเลกแรกจนต้องเสียเวลาไปหลายนาที ออกสตาร์ทเลก 2 อันดับ 8 และจบวันที่อันดับ 7
หลังจากรอมาเกือบ 1 เดือนเต็ม ในที่สุด โลบ์ ก็สามารถคว้าชัยเป็นครั้งที่ 27 ให้กับตัวเองได้สำเร็จทำลายสถิติที่ การ์โลส เซนซ์ (CARLOS SAINZ) เคยทำไว้ที่ 26 ครั้ง ด้าน โกร์นโฮล์ม ที่พลาดท่าเสียตำแหน่งผู้นำให้กับ โลบ์ ในเลกที่ 2 แม้จะพยายามอย่างหนัก แต่ด้วยระยะทางที่สั้นและเวลาที่น้อยเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถไล่ตาม โลบ์ ได้ทัน โดยเริ่มต้นเลก 3 ด้วยเวลาตามหลัง โลบ์ ถึง 25.6 วินาที และเมื่อถึงจุดเส้นชัย โกร์นโฮล์ม ทำเวลากระชั้นเข้ามาจนเหลือเพียง 5.6 วินาที
จากผลการแข่งขันในครั้งนี้ส่งผลให้ เซบัสเตียง โลบ์ มีคะแนนรวมขยับขึ้นไปเป็น 102 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ถึง 33 แต้ม ด้านอันดับ 3 เป็นของ ดานี โซร์โด ที่แม้ไม่สามารถเก็บคะแนนได้จาก 2 สนามหลังสุด แต่ยังคงมีคะแนนสะสมอยู่ที่ 41 คะแนน ส่วนคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิตทีม คโรนอส โททาล ซีตรอง ยังคงมีคะแนนนำอยู่ที่ 132 คะแนน ตามมาด้วยทีม บีพี ฟอร์ด มี 121 คะแนน และอันดับ 3 เป็นของทีม ซูบารุ มีคะแนนทั้งสิ้น 74 คะแนน
[table]สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนามที่ 11 ประจำปี 2006 ประเภทผู้ขับ
อันดับ, ผู้ขับ, คะแนนรวม
ชนะเลิศ, เซบัสเตียง โลบ์, 102
รองอันดับ 1, มาร์คุส โกร์นโฮล์ม, 69
รองอันดับ 2, ดานี โซร์โด, 41
สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนามที่ 11 ประจำปี 2006 ประเภททีมผู้ผลิต,,
อันดับ, ทีม, คะแนนรวม
ชนะเลิศ, ซีตรอง, 132
รองอันดับ 1, ฟอร์ด, 121
รองอันดับ 2, ซูบารุ, 74[/table]
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
ภาพโดย : โรงงาน
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57548