รุ่นนี้พอมีเหลือ
ซีซัน เชนจ์
ไม่มีวันใดวิเศษในชีวิตข้าพเจ้ายิ่งไปกว่าวันแต่งงานของเรา ข้าพเจ้าแทบอุ้มเธอไว้ในวงแขนเพื่อก้าวข้ามธรณีประตูห้องนอน ไปสู่เตียงที่ได้รับการโปรยด้วยกลีบกุหลาบ
ข้าพเจ้าถามตัวเองเงียบๆ เรากำลังขึ้นสวรรค์ และขึ้นด้วยบันไดเลื่อน ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เจ้าสาวของข้าพเจ้ากำลังเปล่งปลั่งขี้อายนิดๆ แต่ข้าพเจ้ากำลังหนุ่มฉกรรจ์ และเต็มไปด้วยความแข็งแรง
นั่นเป็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าคืนนั้น ข้าพเจ้าขึ้นบันไดเลื่อนไปสวรรค์กี่ครั้ง เหตุการณ์ต่อมาก็ใสสะอาดเหมือนน้ำดื่มในแก้ว เรามีลูกด้วยกัน 1 คนเป็นผู้ชาย
งานในหน้าที่ของข้าพเจ้าก็ปรู๊ดปร๊าด ตำแหน่งก็สูงขึ้นพร้อมกับความสำเร็จ ข้าพเจ้าต้องออกจากบ้านพักตั้งแต่เวลาตีห้าครึ่งเพื่อไปทำงาน และจะกลับมาอีกทีก็ตอนค่ำแล้ว บางที หรือหลายทีก็เป็นเวลาค่อนข้างดึก เพราะงานรับรองลูกค้าของบริษัท คือ หน้าที่อย่างหนึ่งของข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน
สัจธรรมในบทที่กล่าวว่า มีความสำเร็จในการงาน ย่อมหมายความถึงความหายนะทางครอบครัว นั้นเป็นสัจธรรมถาวรมั่นคง
ความสัมพันธ์ระหว่างข้าพเจ้ากับเมียเริ่มลดลง เธอเป็นข้าราชการ และลูกชายของเราก็เข้าเรียนภาคเนอร์เซอรี และถึงลดลงอย่างไร ความสุขของเราก็ยังดำรงคงอยู่อย่างน่าอิจฉา
แต่แล้วชีวิตที่สงบร่มเย็นของข้าพเจ้าก็ได้ถูกสิ่งที่ทำนายไม่ได้ทำลายล้าง
"หยาดฝน" เข้ามาในชีวิตข้าพเจ้าในวันฝนโปรยตอนบ่าย ขณะที่ข้าพเจ้ายืนดูวิวของเมืองใหญ่โต เช่นกรุงเทพ ฯ จากระเบียงคอนโดสูง หยาดฝน เข้ามากอดข้าพเจ้าทางด้านหลัง หัวใจข้าพเจ้ากระพือปีกด้วยปีกแห่งความรัก ห้องคอนโดห้องนี้ หยาดฝน ได้มาจากทรัพย์สินส่วนตัวของข้าพเจ้า
หยาดฝน กระซิบข้างหูข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์โน้มน้าวผู้หญิงให้หลงใหล
คำพูดของเธอแม้ใบหูข้าพเจ้าจะคัน แต่มันก็ทำให้ข้าพเจ้าระลึกถึงหมายเหตุจากเมีย เธอเคยบอกว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ และผู้ชายเช่นนี้มักมีธาตุเสน่ห์รุนแรงกับผู้หญิง
เมื่อระลึกถึงภรรยา ข้าพเจ้าก็ถึงกับนิ่ง ความรู้สึกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน นั่นก็คือ การทรยศหักหลัง
แต่มันก็เป็นความผิดที่จะกล่าวโทษข้าพเจ้าไม่ได้แน่
ข้าพเจ้าค่อยๆ แกะมือ หยาดฝน ออก และพูดกับเธอว่า เธอลืมแล้วหรือว่าจะต้องไปหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ส่วนผมก็ต้องกลับเข้าออฟฟิศ
คำพูดของข้าพเจ้าสร้างความไม่สบายใจให้ หยาดฝน นาทีนั้นเป็นนาทีแรกของชีวิตที่ข้าพเจ้าคิดถึงคำ
ว่า "หย่าร้าง"
ให้ตายเถอะ ท่านผู้อ่านที่รัก ข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงคำนี้เลย "หย่าร้าง" คือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับข้าพเจ้าและภรรยาของข้าพเจ้าคนนี้
ข้าพเจ้าจะบอกการหย่าร้างกับเมียได้อย่างไร ไม่ว่าข้าพเจ้าจะใช้ถ้อยคำอ่อนโยนสักปานไหน ข้าพเจ้าก็ยังหลับตามองเห็นถึงความเจ็บปวดที่เธอได้รับอย่างลึกๆ เธอเป็นภรรยาที่แสนดีกับข้าพเจ้า หน้าที่ในบ้านไม่มีอะไรที่จะตำหนิเธอได้ วันใดที่ข้าพเจ้าอยู่บ้านมีเวลาพอจะกินข้าวเย็น เธอก็จะเตรียมอาหารโปรดให้ข้าพเจ้า ส่วนข้าพเจ้าก็เพียงแต่นั่งดูรายการทีวี หรือไม่ก็เปิดเนทผ่านคอมพิวเตอร์
หยาดฝน มีอิทธิพลกับชีวิตข้าพเจ้ารุนแรงขึ้นทุกวัน ร่างกายของเธอ คือ ผู้หญิงตั้งแต่ปลายเท้าทั้ง 2ข้างขึ้นไปจนถึงกกหูทั้ง 2 ด้าน เป็นความบันเทิงเริงรมย์โลกย์ของข้าพเจ้าชนิดที่ผู้ชายคนอื่นต้องอิจฉา
หน้าอกของ หยาดฝน งดงามอย่างเหลือเชื่อ เป็นเต้าสมบูรณ์ด้วยความกลมกลึง ปากของเธออิ่ม และเวลคัมอยู่ใต้เรือนหนวดเส้นบางๆ เหนือริมฝีปากด้านบน สะท้านความรู้สึกข้าพเจ้าจนสายตาไม่อาจละเว้นแหล่งธารน้ำรักของ หยาดฝน ไปได้
เมียข้าพเจ้าก็คิดไม่ถึงว่าข้าพเจ้าจะมีเรื่องหย่าร้างขึ้นมาเป็นข้อสนทนา ความสัมพันธ์ระหว่าง หยาดฝน กับข้าพเจ้านั้นเริ่มเป็นที่รู้ในสำนักงานข้าพเจ้า ทุกครั้งที่เมียข้าพเจ้าไปสำนักงาน เพื่อนร่วมงานข้าพเจ้ามักมองเธอด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่พูดอะไรไม่ได้
ข้าพเจ้าหลง หยาดฝน จนสุดท้ายเธอก็พูดถึงการหย่าร้าง และการอยู่ร่วมกันระหว่างเธอกับข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าก็ดันตกลง คืนนั้นเองหลังอาหารแล้ว ข้าพเจ้าขอให้เมียนั่งลง และเริ่มบอกเธอว่าข้าพเจ้าต้องการหย่ากับเธอ ซึ่งกว่าจะเริ่มออกมาเป็นภาษาคนได้ก็กินเวลาไปแยะ
ปฏิกิริยาอันแรกจากเมีย ก็คือ การนั่งตัวแข็ง ถามข้าพเจ้าด้วยเสียงเบาๆ ว่าเพราะอะไร ?
ข้าพเจ้าไม่สนใจที่จะตอบ แต่รุกเร้าถึงการหย่าร้าง ข้าพเจ้าไม่ต้องการสิ่งใดมากกว่าการหย่าร้าง คำตอบอันแข็งกระโทกของข้าพเจ้าทำให้เธอโกรธแค้น แล้วก็ระบายมันออกมาด้วยการขว้างจานอาหาร ตะโกนใส่หน้าข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย (ตัวจริง)
คืนนั้น เรานอนหันหลังให้กัน ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าเธอร้องไห้ และเข้าใจว่าเธอกำลังค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตสมรสของเรา
ข้าพเจ้าจนปัญญาหาคำตอบให้เธอไม่ได้ ว่ากันตามตรงแล้ว หยาดฝน คือ ทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปข้าพเจ้ายื่นข้อเสนอให้เธออย่างงดงามพร้อมด้วยรายได้ที่เลี้ยงเธอได้จนตลอดชีวิต เมื่อเธออ่านเสร็จแล้วก็ฉีกมันเป็นผุยผงต่อหน้าข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ารู้สึกเจ็บปวดอย่างประหลาดเมื่อเห็นเธอกระทำเช่นนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่กับข้าพเจ้ามา 10กลายเป็นคนแปลกหน้าในชีวิตได้เพียงชั่วคืนเดียว
แต่ข้าพเจ้าคืนคำไม่ได้เสียแล้ว
เธอร้องไห้อีกครั้ง และครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง ข้าพเจ้าปล่อยให้เธอระบายอารมณ์อย่างเต็มที่ เก็บความเจ็บปวดไว้ลึกๆ เป็นวาระซ่อนเร้นที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าตัวเองทำลงไปได้อย่างไร
วันต่อมา ข้าพเจ้ากลับบ้านตอนดึกเพราะมีงานรับรองลูกค้า ได้พบข้อเสนอจากเมีย เธอไม่ต้องการทรัพย์สมบัติใดๆ จากข้าพเจ้า ยินดีหย่าร้างเพียงแต่มีเงื่อนไขข้อเดียว
ขออยู่ร่วมกันเป็นเวลา 1 เดือน เหตุผลก็คือ ลูกชายของเรากำลังจะเข้า ซัมเมอร์ แคมพ์ การอยู่ร่วมกันในความหมายของเธอก็คือ ทุกอย่างต้องเหมือนเดิม ความรักความใกล้ชิด และการสัมผัสเหมือนเดิมเพื่อปิดบังลูกชายคนเดียวของเราไม่ให้รู้เรื่องการหย่าร้าง
ข้าพเจ้าอ่านข้อเสนอของเธอหลายครั้ง ขณะเธอเข้ามาพูดกับข้าพเจ้าด้วยน้ำเสียงปกติ ทบทวนภาพแห่งความหลังเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
มันก็เป็นภาพที่ประหลาดมากสำหรับผู้ชายทั่วไป 10 ปีแห่งความหลังยากที่จะจดจำได้ และเป็นความแตกต่างกับผู้หญิงซึ่งสามารถพิมพ์ภาพเหล่านั้นราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน
วันวานที่หวานเจี๊ยบ ภาพที่ข้าพเจ้าแทบอุ้มเธอก้าวข้ามธรณีประตูบ้าน ลุล่วงเข้าไปถึงห้องนอนข้าพเจ้าไม่ทราบเหมือนกันว่าได้พยักหน้ารับคำว่ายังจำภาพเหล่านั้นได้ดี และเธอก็ร้องขอให้ข้าพเจ้าหวานเจี๊ยบเช่นนั้นตลอดระยะเวลา 1 เดือน
ข้าพเจ้ากับภรรยาเหินห่างความสัมพันธ์ทางเพศกันนานแล้ว นับตั้งแต่ข้าพเจ้าเริ่มมีความคิดในการหย่าร้าง แต่บัดนี้ต่อหน้าลูกชายของเราข้าพเจ้าจะต้องทำทุกอย่างให้เหมือนวันวาน ข้าพเจ้าประคองเธอออกจากบ้านในวันที่หนึ่งต่อหน้าลูกชาย รอเธอขับรถออกไปทำงาน วันต่อมา ค่อยหายประหม่าเล็กน้อย และวันต่อๆ มา ค่อยเคยชินขึ้น
เสียอย่างเดียว วันนี้ไม่ใช่วันวาน ข้าพเจ้าไม่ใช่ชายหนุ่มฉกรรจ์ผู้มีความแข็งแรงเช่นเมื่อ 10 ปีก่อนข้าพเจ้าไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนวันวาน ส่วนหนึ่งปันให้กับ หยาดฝน และก็เป็นส่วนที่มากด้วยจึงเหลือติดบ้านเพียงเล็กน้อย
อัศจรรย์อย่างมาก ยิ่งนานวัน และใกล้วันครบเดือน ข้าพเจ้าได้รับทั้งกลิ่น และรสสัมผัสจากภรรยา จนทำให้ดวงตาเห็นธรรม ข้าพเจ้ามีสติเพียงพอที่จะพูดตรงๆ กับ หยาดฝน ว่า ข้าพเจ้าจะไม่ขอหย่าจากเมียข้าพเจ้าเป็นอันขาด เราเถียงกันไม่นาน หยาดฝน ปิดประตูห้องชุดใส่หน้าข้าพเจ้าเต็มแรง
และข้าพเจ้าก็ขับรถกลับไปหาลูกและเมียที่บ้าน...
เรื่องโดย : ไก่อ่อน
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : รุ่นนี้พอมีเหลือ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57540