วิถีตลาดรถยนต์
ตลาดรถเดือนสิงหาคม
สิงหาคม เดือนที่ 8 ของปี เป็นอีกเดือนหนึ่งที่ตลาดรถยนต์ คึกคักสวนกระแสเศรษฐกิจโดยรวมที่ว่ากันว่าอยู่ในช่วงชะลอตัว ไม่สดใสซาบซ่าเหมือนยุคต้นการบริหารประเทศของรัฐนาวาภายใต้การนำของฯพณฯ นายกทักษิณ ที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปจนบรรดารากหญ้า รากแก้ว รากฝอยทั้งหลาย ยิ้มแย้มแจ่มใสไปตามกัน แต่ ณ เวลานี้ (ก่อนที่รถถังจะยกขบวนออกมาบนท้องถนน) กับสารพัดปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาทำให้เกิดการชะลอตัวของธุรกิจหลายประเภท แต่ เธอะ โชว์ มัส โก ออน บรรดาผู้เวียนว่ายอยู่ในธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ใหม่ จึงจำเป็นต้องโหมกระแสปลุกตลาดให้คึกคักขึ้นมา ด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายพิเศษต่างๆ รวมถึงการตีธงปล่อยรถรุ่นใหม่ ออกสู่ตลาดเพื่อสร้างยอดขายให้สูงขึ้น
เดือนสิงหาคม มีรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดให้เราได้เลือกใช้หลายรุ่น โตโยตา ปล่อยเก๋งซีดานสำหรับผู้บริหารขนาดใหญ่ออกสู่ตลาด ด้วยรูปลักษณ์ใหม่หมดหัวจรดท้าย สำหรับ โตโยตา แคมรี ตั้งเป้าจนถึงสิ้นปีขอไม่มากแค่ 6,000 คัน อีซูซุ เจ้าตลาดรถพิคอัพ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถประเภทนี้อีกครั้งด้วย อีซูซุ ดี-แมกซ์ ซูเพอร์คอมมอนเรล รุ่นใหม่ของโลก มีเป้าหมายการขายจนถึงสิ้นปี 70,000 คันและเชฟโรเลต์ ที่กำลังมาแรงในตลาดรถนั่งไซซ์เล็ก อาวีโอ ใหม่ เจาะกลุ่มวัยรุ่นถึงเลยวัยรุ่น แต่ยังมี
ไฟเต็มเปี่ยมอยู่ สำหรับรายนี้ขอแค่เบาะๆ เดือนละ 1,400 คันก็พอแล้ว โดยที่แต่ละบแรนด์มีความเชื่อมั่นในโพรดัคท์ของตัวเองว่าจเข้าตาผู้ต้องการใช้รถใหม่ป้ายแดงอย่างแน่นอน และทีมงานสร้างและผลักดันยอดขายของแต่ละบแรนด์ล้วนแต่แข็งแกร่ง เชี่ยวชาญ ระดับเกจิอาจารย์ทั้งสิ้น จึงไม่น่าจะวืดเป้าหมายไปได้ ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่า ภายในสิ้นปีนี้เฉพาะสามบแรนด์ที่ว่านี้ก็จะมีรถใหม่ออกสู่ตลาด8 หมื่นกว่าคันเข้าไปแล้ว บวกกับรถรุ่นใหม่ของค่ายอื่นๆ ที่จะทยอยออกมา และโดยเฉพาะในช่วงงานมหกรรมยานยนต์ ต้นเดือนธันวาคม ที่จะมีแคมเปญส่งเสริมการขายพิเศษออกมายั่วใจอีกเพียบรวมกับยอดขายที่แต่ละค่ายสะสมกันไว้ตั้งแต่ต้นปี น่าจะทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมสำหรับปีที่สับสนวุ่นวาย ไม่น่าจะหนี 7 แสนคันค่อนข้างแน่
สำหรับยอดจำหน่ายรถทุกประเภทในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 53,653 คัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ปรากฏว่าตลาดปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วอยู่ 1.6 % โดยที่ในจำนวน 53,653 คัน เป็นตลาดรถพิคอัพ 1ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุด โดยมียอดขายรวมทุกยี่ห้อ 32,496 คันคิดเป็นสัดส่วนถึง 60.6 % ของตลาด มีการเติบโตเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมปีที่แล้วสูงขึ้น 7.8 % โดย อีซูซุ กลับมาเป็นผู้นำตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้ออีกครั้งหนึ่ง จากกระแสตอบรับของ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ซูเพอร์คอมมอนเรล รุ่นใหม่ของโลก ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 3 อาทิตย์ นับจากวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กวาดยอดขายไปแล้ว 13,081 คัน มีส่วนแบ่งในตลาดนี้สูงถึง 40.3 % เบียด โตโยตา วีโก ที่ขึ้นมาครองอันดับ 1 อยู่ 2 เดือน ให้กลับลงไปอยู่ในตำแหน่งที่ 2 ดังเดิม โตโยตา มียอดขายในตลาดนี้ 11,697 คัน ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 36.0 % อันดับที่ 3 ในตลาดนี้ยังคงเป็นของ มิตซูบิชิ เช่นเดิม เดือนนี้ มิตซูบิชิ ทไรทัน ขายได้ 2,043 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 6.3 % และเชฟโรเลต์ ก็ยังคงจำหน่ายขายดีในอันดับที่ 4 ขายไปทั้งสิ้น 1,642 คัน มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 5.1 % ส่วนอันดับที่ 5 ตกเป็นของ นิสสัน อีกครั้ง หลังจากเดือนที่แล้วพลาดท่าเสียทีให้ ฟอร์ด แซงขึ้นหน้าไปได้ เดือนนี้ นิสสัน ฟรอนเทียร์ กลับเข้ามาอยู่ใน 5 อันดับแรกของพิคอัพขายดี ด้วยยอดขาย 1,521 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.7 % ที่น่าสนใจของตลาดนี้อยู่ที่ ฟอร์ด และมาซดา ว่าจะขยับยอดขายขึ้นมาอยู่ใน 5 อันดับแรกได้หรือไม่ ? จากแคมเปญส่งเสริมการขายที่ ฟอร์ด อยู่ในช่วงเวลาฉลองครบ 10 ปีของการดำเนินงานในตลาดรถประเทศไทย ส่วน มาซดา จากยอดขายที่ดูจะสาละวันเตี้ยลง เลยถือโอกาสออกแคมเปญพิเศษฉลอง 55 ปี ที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ มาซดา ส่งรถยนต์ให้ลูกค้าทดสอบกันถึงบ้านพร้อมข้อเสนอพิเศษยั่วใจอีกเพียบ
ส่วนรถยนต์ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับ 2 รองจากพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ได้แก่ตลาดรถนั่งส่วนบุคคล ที่ถึงแม้จะมีรถใหม่อย่าง โตโยตา แคมรี และเชฟโรเลต์ อาวีโอ ออกสู่ตลาดแต่การส่งมอบรถให้ลูกค้าที่สั่งจองไว้ ยังไม่เข้ารูปเข้ารอยเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะกำลังการผลิตยังไม่ได้สัดส่วนกับยอดจอง จึงไม่ได้ออกแรงผลักดันให้ตลาดรวมพุ่งปรู๊ดปร๊าดขึ้น ถึงแม้เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จะมีการเติบโตที่สูงกว่าก็ตามที แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิงหาคม ปี 2549 รถเก๋งป้ายแดงขายไปได้ทั้งสิ้น 13,760 คัน สูงกว่าสิงหาคม ปีที่แล้ว เพียง 1.4 % หรือเพียง 195 คันเท่านั้นและมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดรวมรถทุกประเภท 25.6 % โตโยตา มาเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 6,315 คัน คิดเป็น 45.9 % ตามมาด้วย ฮอนดา ที่น่าจะเจอผลกระทบจาก แคมรี ใหม่ ทำให้ยอดขายรถเก๋งทุกรุ่นของ ฮอนดา ตกลงไปจากเดือนที่แล้วเล็กน้อย เดือนสิงหาคม ฮอนดา ขายได้ทั้งสิ้น 5,154 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 37.5 % ขณะที่ นิสสัน ถึงแม้จะยังเป็นอันดับที่ 3 อยู่ แต่ นิสสัน ทิอิดา ก็ไม่แรงอย่างที่คิด ทำให้ยอดขายเดือนสิงหาคม ทำได้เพียง 716 คัน ส่วน เชฟโรเลต์ ก็ยังอยู่ที่ 4 ด้วยยอดขาย 304 คัน อันดับที่ 5 เป็นของ ฟอร์ด 273 คัน สำหรับ มิตซูบิชิ ที่มียอดขายอยู่ในอันดับที่ 5 ในเดือนที่แล้ว เดือนสิงหาคมนี้หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 9 เลยทีเดียว ตามหลัง เมร์เซเดส-เบนซ์ มาซดา และบีเอมดับเบิลยู เสียด้วยซ้ำ และคงจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก เนื่องจากมีเก๋ง แลนเซอร์ ให้เลือกใช้อยู่เพียงโมเดลเดียวเท่านั้น เป็นความเสียเปรียบด้านโพรดัคชันไลน์ อย่างชัดเจน
ส่วนรถประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ รถเอสยูวี และเอมพีวี ต่างก็ยังคงแข่งกันทำยอดขายติดลบอย่างต่อเนื่อง โดยที่รถเอสยูวี มียอดขายติดลบสูงที่สุด เมื่อเทียบกับสิงหาคมปีที่แล้ว โดยทำยอดขายในเดือนสิงหาคมได้เพียง 1,834 คันติดลบไป 44.4 % ตามมาด้วยรถเอมพีวีมียอดขายรวมกันที่ 561 คัน ติดลบไป 40.8 % และรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดลบ 10.8% เมื่อเทียบกับสิงหาคมปีที่แล้ว มียอดขายอยู่ที่ 2,080 คัน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 ตลาดที่ยอดขายติดลบนี้ โตโยตา ก็ยังครองความเป็นรถยอดนิยมไว้อย่างเหนียวแน่น ทำยอดขายมาเป็นอันดับ 1 ในทั้ง 3 ตลาด
และตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคม มีรถประเภทต่างๆ ขายออกไปแล้วรวมกันทั้งสิ้น 439,067 คันเทียบกับช่วง 8 เดือนแรกของปีที่แล้วตลาดหดตัวลงไป 2.3 % โตโยตา ขายได้มากที่สุดถึง 181,703 คันเพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว 0.1 % มีส่วนแบ่งตลาดทั้งสิ้น 41.4 % อีซูซุ มาเป็นที่ 2 ด้วยยอดขายรวม 113,147 คัน ลดลงไปเล็กน้อย 0.6 % รับส่วนแบ่งตลาดไป 25.8 % ขณะที่ ฮอนดา เป็นเพียงบแรนด์เดียวที่มียอดขายเป็นกอบเป็นกำ และมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันนี้ของปีที่แล้วถึงแม้ว่าจะมีเพียง ฮอนดา ซีวิค ใหม่ เท่านั้นที่เป็นโมเดลใหม่แกะกล่องจริงๆ ฮอนดา มีการเติบโตสูงขึ้น 31.7 % ทำยอดขายรวม 8 เดือนไปได้ทั้งสิ้น 44,108 คัน
จากยอดขายทั้งหมด ตั้งแต่ต้นปี 439,067 คัน แบ่งออกเป็นรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ 252,461คัน เติบโตมากขึ้น 0.8 % มีสัดส่วนในตลาด 57.5 % รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 116,509 คัน เพิ่มขึ้น 8.5 %ส่วนแบ่งตลาด 26.5 % รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 20,181 คัน ลดลง 22.2 % มีส่วนแบ่งตลาด4.6 % รถเอสยูวี 19,602 คัน ลดลง 33.4 % ส่วนแบ่งตลาด 4.5 % รถเอมพีวี 6,914 คัน ลดลง 41.5 % ส่วนแบ่งตลาด 1.6 % นอกนั้นเป็นรถตู้ และรถเพื่อการพาณิชย์อื่นๆ อีก 23,400 คัน
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
ภาพโดย : -
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57532