DIY...คุณทำเองได้
เตรียมรถสู้ฝน
เป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับคำเตือนในการใช้งานและดูแลรักษารถยนต์ โดยเฉพาะในหน้าฝน ซึ่งถือว่าเป็นฤดูที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยมากที่สุด ในด้านอุบัติเหตุต้องถือว่า เป็นเรื่องแรกที่ให้ความสำคัญ เพราะผิวถนนที่ลื่นนั้น ก่อให้เกิดความเสียหายได้ง่าย ในแง่ของตัวรถเองก็มีส่วนที่จะทำให้เกิดการสึกหรอที่เร็วกว่าปกติ ถ้าปล่อยปละละเลยไม่ให้การดูแล ซึ่งคนส่วนมากเข้าใจผิดๆ ว่าพอหมดหน้าฝนแล้ว ค่อยดูแลกันสักที แต่ในทางกลับกันถ้าคุณซ่อมแซมหรือป้องกันไว้ก่อน โอกาสที่จะต้องควักจ่ายเกินจำเป็นก็จะลดลง อะไรบ้างที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองและมันดีกับคุณแค่ไหน !
ใบปัดน้ำฝน
อย่าขี้เหนียว !
หลายท่านเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ได้บ่อยๆ โดยเฉพาะของตกแต่งกระจุกกระจิกที่ราคา 200-300 บาทขยันเปลี่ยนขยันซื้อกันได้บ่อยๆ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอย่างนี้ กลับมองข้าม ในคู่มือประจำรถหลายคัน แนะนำไว้ชัดเจนว่า ใบปัดน้ำฝน ควรจะต้องเปลี่ยนทุกปี เพราะมันเกี่ยวข้องกับทัศนวิสัยในการมองเห็น และเกี่ยวพันโดยตรงกับความปลอดภัย เคยเห็นบางท่านเกี่ยงราคาใบปัดดีๆคู่ละ 250-350 บาท บ่นว่าแพง ยอมซื้อใบปัดราคาคู่ละ 100-150 บาทดีกว่า ถ้าเปลี่ยนมันทุกครั้งก่อนหน้าฝนก็ไม่เป็นไร ขอให้มันมีอายุการใช้งานเต็มประสิทธิภาพสัก 3-4 เดือนก็คุ้มแล้วแต่ใบปัดถูกๆ มักก่อให้เกิดริ้วรอยบนกระจกได้ง่าย การเลือกซื้อนั้น ควรสังเกตให้ดีว่า ใบปัดต้องมีสภาพดี ไม่มีร่องรอยการแตกลายงา เนื่องมาจากเก่าเก็บ
ผิวกระจก
มีผลต่อใบปัดน้ำฝน
หลายท่านเปลี่ยนใบปัดใหม่แต่มันก็ยังไม่สะอาด ยังมีคราบเป็นเส้นๆ ให้เห็น อย่าเพิ่งไปเหมาว่าของเขาไม่ดี เพราะรถที่ผ่านการใช้งานมานาน คราบแมลง ละอองน้ำมันดีเซล ยางไม้ ฯลฯ ที่ฝังแน่นอยู่บนผิวกระจกนั้น ทำให้ใบปัดน้ำฝนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แม้จะเช็ดล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาดกระจกโดยเฉพาะเป็นประจำ คราบแข็งที่ติดแน่นก็ไม่สามารถเอาออกได้ การแก้ไขนั้น ต้องเพิ่งคมมีดโกนที่มีลักษณะเป็นด้ามแบนๆ อันละ 3-5 บาท นำมาขูดคราบสกปรกเหล่านั้นออกไป แต่ต้องใช้ความใจเย็นและความประณีต ใบมีดต้องทำมุมเอียงกับกระจกให้มากที่สุด ขูดเบาๆ เหมือนเวลาโกนหนวดแล้วกลัวว่ามันจะบาดหน้าตัวเอง ขูดไปในทิศทางเดียว เบาๆ ช้าๆ เพื่อไม่ให้กระจกเป็นรอย รับรองว่าใบปัดจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
แสงไฟหน้า
มีผลต่อความปลอดภัย
เป็นเรื่องปกติไปแล้ว สำหรับเจ้าของรถที่ชอบเปลี่ยนไฟหน้าให้สว่างกว่ามาตรฐาน แม้ว่าจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยได้ดีในยามค่ำคืน โดยเฉพาะแสงสีขาวและโทนสีฟ้า แต่เมื่อเกิดฝนตก แสงสีขาวและฟ้านั้นจะสะท้อนกับละอองฝน ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลงเช่นเดียวกับการขับรถฝ่าหมอกแสงไฟโทนออกเหลืองนั้น จะส่องสว่างได้มากกว่าเพราะมีการสะท้อนแสงน้อยกว่า แสงไฟแบบนี้ให้ความปลอดภัยมากกว่าในการขับขี่ ดังนั้นการเลือกใช้ควรจะเลือกให้เหมาะสม อย่าตามแฟชันและต้องศึกษาให้ถี่ถ้วน ส่วนท่านที่ต้องเดินทางในพื้นที่ฝนตกชุกเป็นประจำ แนะนำให้ติดสปอทไลท์สีเหลือง เพราะจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางได้มากกว่า แต่จะต้องปรับตั้งลำแสงให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาผู้ใช้รถท่านอื่นๆ
ไฟตัดหมอกหลัง
มีประโยชน์ถ้ารู้จักใช้
รถรุ่นใหม่ มักจะมีไฟตัดหมอกหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังมีเจ้าของรถที่ใช้ไม่ถูกกาลเทศะจำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับพวกที่ชอบเปิดสปอทไลท์ หรือไฟตัดหมอกหน้าในเมือง ทั้งๆ ที่มีไฟถนนและฝนก็ไม่ได้ตก เราควรรณรงค์ในการเลิกเปิดไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉิน เพื่อการแสดงตัวเวลาฝนตกให้จริงจังกว่านี้ กรณีฝนตกหนักควรเปิดไฟตัดหมอกหลัง เพราะจะมองเห็นได้ชัดเจนกว่า แม้ทัศนวิสัยจะแย่มากๆ ถ้าไม่มีสามารถซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ และสามารถติดตั้งเพียงดวงเดียวในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อเป็นการแสดงตัวเพราะไฟท้ายเดิมๆ นั้น อาจไม่เพียงพอที่จะแสดงตัวว่าคุณอยู่ตรงไหนซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งตอนฝนตกและหมอกลงจัด
ตรวจเชคสภาพยาง
ความสมบูรณ์ของยาง มีผลโดยตรงต่อความปลอดภัย ตรวจเชคสภาพยางให้ดีและเปลี่ยนใหม่เมื่อจำเป็น การเลือกใช้ยางต้องให้เหมาะสมกับรถและลักษณะการใช้งาน ได้พูดอย่างละเอียดในฉบับที่ผ่านมาในหน้าฝนควรหลีกเลี่ยงยางที่ความหนาของดอกยางเหลือน้อย เพราะประสิทธิภาพในการรีดน้ำและการยึดเกาะจะต่ำ โอกาสที่จะเกิดอาการเหินน้ำมีสูง นอกจากนั้นในการขับขี่เวลาฝนตกควรลดความเร็ว และหลีกเลี่ยงการขับลุยน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะน้ำที่ขังอยู่ในโค้ง เพราะจะทำให้เสียหลักและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย รวมทั้งยางอะไหล่และอุปกรณ์เปลี่ยนยาง ต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลา
เตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือให้พร้อม
อุปกรณ์กันฝน เช่น ร่ม เสื้อกันฝน แม้กระทั่งหมวก ต้องเตรียมเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน และที่ขาดไม่ได้คือไฟฉายที่ควรแยกถ่านเอาไว้ต่างหาก และควรเก็บไว้ในช่องเก็บของหรือหลังเบาะ อุปกรณ์อื่นๆ เช่นสเปรย์ไล่ความชื้น กระดาษทิชชู สายลากรถ ผ้าพลาสติคสำหรับปูกันเปื้อน และสายพ่วงแบทเตอรีต้องมีเอาไว้ อุปกรณ์เหล่านี้ ถ้าเครื่องไม่ดับกลางฝน คุณจะไม่นึกถึงความดีและความจำเป็นของมันแน่นอน อีกอย่างที่พลาดไม่ได้คือ เสื้อยืด ผ้าเช็ดหัว เก็บไว้ไม่เสียหลาย เพราะหลังจากเปียกคุณคงไม่อยากเข้ามานั่งหนาว หรือเปียกในรถต่อแน่นอน
ระบบรองรับ
ต้องตรวจเชคให้ดี
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถที่ใช้ระบบช่วงล่างอิสระ ที่จะต้องมียางหุ้มเพลา ต้องระวังไว้ให้ดี ตรวจเชคให้ละเอียด เพราะจะยืดอายุของเพลาได้มาก โดยเฉพาะกับรถที่ต้องวิ่งลุยน้ำเป็นประจำ ความชื้นและสิ่งสกปรกเล็กๆ จะทำให้เพลาและข้อต่อเสียหาย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนแพงกว่ามากตรวจเชคการรั่วซึมของซีลและประเก็นต่างๆ เช่น อ่างน้ำมันเครื่อง อ่างน้ำมันเกียร์ ซีลข้อเหวี่ยงซีลเกียร์ ซีลเพลาข้าง หรือแม้แต่ประเก็นเพลาท้าย ถ้ามีการรั่วซึมให้เห็น นั่นแสดงว่า เวลาที่คุณต้องขับลุยน้ำ ความชื้นและน้ำก็จะสามารถเล็ดลอดเข้าไปทางนั้นได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ เพลาท้าย หรือชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนไหว จะเกิดการสึกหรอหรือเสียหายได้ง่าย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วนต้องซ่อมแซมโดยเร็ว ถ้าปล่อยไว้แทนที่จะเปลี่ยนแค่ประเก็นหรือซีล อาจจะต้องเปลี่ยนเกียร์หรือเฟืองท้ายทั้งลูก
ห้องเครื่อง
ปล่อยปละละเลยไม่ได้เช่นกัน
สภาพของสายพานต่างๆ ต้องดูให้อยู่ในสภาพดี เพราะเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานจะเกิดความร้อนค่อนข้างสูง แต่พอลุยน้ำหรือมีน้ำกระเด็นเข้าห้องเครื่อง จะทำให้สายพานเสียหายได้ง่าย เช่น โดดข้ามร่อง หรือผิวสัมผัสไหม้ อาจทำให้การทำงานของอุปกรณ์สำคัญ เช่น ไดชาร์จ ทำงานได้ไม่เต็มที่หรือไม่ทำงานเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามและมันก่อเหตุมาแล้วกับคนรอบข้าง พอลุยน้ำขึ้นมาเดี๋ยวเดียว สายพานร้องลั่นไม่นานหน้าสัมผัสก็ไหม้ สิ่งที่ตามมาคือ ไฟแบทเตอรีโชว์ เนื่องจากไฟไม่ชาร์จ และรถก็จะเริ่มวิ่งช้าลงๆ และดับไปในที่สุด ถ้าเจอกรณีเช่นนี้ เมื่อไฟแบทเตอรีโชว์ ให้หาที่ปลอดภัยแล้วจอดรถดับเครื่องทิ้งไว้สักพัก เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟจากแบทเตอรี ถูกดึงไปใช้จนหมด จะได้ปลอดภัยจากกรณีเครื่องดับในที่เปลี่ยว หรือการจราจรหนาแน่น ทิ้งไว้สักพักใหญ่ๆ ถ้าโชคดีติดเครื่องสักครู่พอเสียงสายพานเงียบก็เดินทางต่อได้ แต่ถ้าเดินทางต่อไม่ได้ อย่างน้อยจะได้รอคนมาช่วยเหลืออย่างปลอดภัย รวมทั้งตรวจเชคจุดต่อสายไฟ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เสี่ยงต่อน้ำและความชื้นจะเล็ดลอดเข้าไปได้
ที่ชาร์จแบทเตอรีมือถือในรถ
เป็นอุปกรณ์ที่มองข้ามไม่ได้ ราคาก็ไม่แพง ดีๆ หน่อยก็อยู่ในราว 200-300 บาท ซื้อติดรถไว้จะช่วยได้เยอะยามคับขัน เวลาที่ฝนตกหนักๆ คงไม่อยากวิ่งตากฝนออกไปหาตู้โทรศัพท์แน่นอน เพราะหลายคนมั่นใจว่า แบทเตอรีมือถือใช้ได้ 2-3 วัน หรือฉันมี 2-3 ก้อน ก็ไม่แน่ มันอาจจะหมดเวลาต้องการความช่วยเหลือก็เป็นได้ และมันก็มักจะเป็นอย่างนั้นเสียด้วย รวมทั้งคนที่ใช้แบบเติมเงิน ซื้อบัตรแบบ 50 หรือ 100 บาททิ้งไว้ในรถบ้าง แม้มีที่ชาร์จ แต่โทรออกไม่ได้ก็เซ็งเปล่าๆ
เรื่องราวเหล่านี้ เป็นเรื่องที่คุณทำได้ง่ายๆ ตรวจเชคด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียเงินให้ใคร เว้นแต่ต้องมีการซ่อม หรือเปลี่ยนอะไหล่ แล้วคุณทำไม่เป็น และแม้ว่าคุณทำไม่เป็น แต่มีอุปกรณ์พร้อม คนอื่นๆ อาจให้ความช่วยเหลือคุณได้ เพราะบางคนที่ซ่อมรถ หรือแก้ปัญหาได้ คงไม่พกเครื่องมือต่างๆ ติดตัวหรอกครับ...มันหนัก
เรื่องโดย : พหล ฯ 30
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : DIY...คุณทำเองได้
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57385