เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2006 สนาม 4-5
การแข่งขันแรลลีชิงแชมพ์โลกที่ประเทศสเปน ในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อนๆ ค่อนข้างมากอย่างแรกคือ การย้ายสถานที่จัดการแข่งขันจากเมืองโกสตา บราวา (COSTA BRAVA) ไปยังเมืองโกสตา ดาอูราดา (COSTA DAURADA) ซึ่งตั้งอยู่คนละฟากกับบาร์เซโลนา (BARCELONA) เมืองหลวงของประเทศสเปน และช่วงเวลาของการจัดแข่งขันที่เปลี่ยนจากช่วงฤดูใบไม้ร่วง มาเป็นช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งคาดว่าจะมีอากาศที่สดใสกว่า
อย่างไรก็ตาม สภาพเส้นทางที่ใช้ในการแข่งขันไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ยังคงรูปแบบถนนราดยางที่เรียบ และกว้าง ทำให้รายการนี้ยังคงเป็นการแข่งขันที่มีความเร็วสูงสุดของฤดูกาล นักแข่งที่มีทักษะในการเข้าโค้ง และตัดโค้งที่ความเร็วสูง จะได้เปรียบอย่างมาก แต่ต้องระวังในเรื่องก้อนกรวดขนาดเล็กที่อยู่ริมทางอาจกระเด็นขึ้นมาบนทแรค ทำให้รถที่ตามหลังมาลื่น ซึ่งเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเป็นประจำในการแข่งขันครั้งที่ผ่านๆ มา
การแข่งขันเริ่มขึ้นด้วยการนำของทีม ฟอร์ด ที่ขับโดย มาร์คุส โกร์นโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) ทำเวลาดีที่สุด 3 สเตจรวด ทิ้งห่างตัวเก็งแชมพ์สองสมัยซ้อน เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) 6.1 วินาที ขณะที่ มิคโค ฮีร์โวเนน (MIKKO HIRVONEN) เพื่อนร่วมทีม โกร์นโฮล์ม ทำเวลาตามหลังมา 3.1 วินาที แต่แล้วเมื่อการแข่งดำเนินมาถึงสเตจที่ 5 ทีมงานของ ฟอร์ด ก็ต้องเจอกับข่าวร้ายถึง 2 ข่าวซ้อน เมื่อรถทั้งสองคันของทีม คือ โกร์นโฮล์ม และฮีร์โวเนน สูญเสียแรงดันเทอร์โบในเวลาไล่เลี่ยกันส่งผลให้รถ ซีตรอง ของ โลบ์ ที่เพิ่งจะแก้ไขระบบไฮดรอลิคเบรค ที่รั่วตั้งแต่ในช่วงท้ายของสเตจแรกได้สำเร็จ และทำเวลาเร็วที่สุดได้ใน 4 สเตจที่เหลือ ขึ้นเป็นผู้นำทันที รวมทั้งเพื่อนร่วมทีม โลบ์ อย่าง ดานี โซร์โด (DANI SORDO) และซาวีแอร์ ปอนส์ (XAVIER PONS) ที่ได้รับส้มหล่นก็ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 2 และ 3 โดยปริยาย
จบการแข่งขันในเลกที่หนึ่ง ทีมคโรนอส โททาล ซีตรอง (KRONOS TOTAL CITROEN) ควบ 3 อันดับแรกรวด ขณะที่ โกร์นโฮล์ม ที่เสียเวลาไป 1 นาที 16 วินาทีกว่า ร่วงลงไปอยู่อันดับ 5 และเพื่อนร่วมทีม ฮีร์โวเนน ที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน ร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 13
เลกที่ 2 ทีม ซีตรอง ยังคงจับจอง 2 อันดับแรกไว้อย่างเหนียวแน่น มีเพียง ปอนส์ เท่านั้นที่ทำรถลื่นไถลออกนอกโค้ง ในช่วงกลางของเลกที่ 2 และคิดว่าเห็นควันออกมาจากฝากระโปรงหน้าจึงเปิดระบบดับเพลิงให้ทำงาน ผลก็คือ เขาต้องจบการแข่งขันในเลกที่ 2 ไว้เพียงแค่นี้
จบเลก 2 โลบ์ ทำเวลารวมได้ทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 24 นาที 57.9 วินาที ขณะที่ โซร์โด ทำเวลาตามหลังมา 34.4 วินาที จากการที่ ปอนส์ ประสบอุบัติเหตุ ส่งผลให้ตอนนี้อันดับ 3 กลายเป็น อเลกซ์ เบนกู (ALEX BENGUE) นักขับอิสระหน้าใหม่ สัญชาติฝรั่งเศส ขับรถ เปอโฌต์ 307 ทำเวลาตามหลังผู้นำอยู่ถึง 2 นาที 5.4 วินาที ด้าน โกร์นโฮล์ม หลังจากที่ประสบกับปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องตั้งแต่เลกแรก ทำให้เสียตำแหน่งผู้นำไป ตอนนี้เริ่มทำเวลาตีตื้นกระโดดขึ้นมาอยู่อันดับ 4 โดยตามหลังอันดับ 3 อยู่เพียง 4.1 วินาทีเท่านั้น
เลกที่ 3 โลบ์ ยังคงเป็นผู้นำการแข่งขันต่อไป ด้าน ปอนส์ ที่หลุดโค้งในช่วงกลางของเลกที่ 2 ตัดสินใจไม่กลับเข้าแข่งขันในเลกที่ 3 แม้ว่ากฎใหม่จะอนุญาตให้รถที่เกิดปัญหาสามารถกลับเข้าแข่งใหม่ได้ก็ตาม เพราะถ้านำรถลงแข่งแล้วจบการแข่งขัน ในสนามหน้าทีม ซีตรอง จะต้องใช้รถคันเดิม เครื่องยนต์เดิม ด้วยเหตุนี้ทีม ซีตรอง จึงตัดสินใจไม่นำรถที่สภาพยับเยิน กลับเข้าลงแข่ง เพื่อที่จะได้ใช้รถคันใหม่ในการแข่งสนามหน้า
จบการแข่งขัน เซบัสเตียง โลบ์ คว้าแชมพ์ประจำรายการได้สำเร็จ ด้วยเวลารวม 3 ชั่วโมง 22 นาที 1.7วินาที ตามมาด้วยนักขับดาวรุ่งสัญชาติสเปน ดานี โซร์โด ทำเวลาตามหลังเพื่อนร่วมทีม 48.2 วินาที คว้าตำแหน่งบนโพเดียมได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ด้านอันดับ 3 เป็นของ มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ที่โชว์ลีลาขับแบบเป็นพายุ ทำเวลาไต่จากอันดับ 10 จนกระทั่งแซงหน้า อเลกซ์ เบนกู ขึ้นมาแทนที่ในอันดับ 3ได้สำเร็จ ในช่วงปลายของเลก 3 พอดี โดยทำเวลาช้ากว่าอันดับ 2 อยู่ 57.6 วินาที
มาถึงการแข่งขันแรลลีชิงแชมพ์โลกสนามที่ 5 คราวนี้เดินทางมาแข่งขันกันที่ เกาะคอร์ซิกา (CORSICA) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส การแข่งขันที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "แรลลี 10,000 โค้ง" เพราะบนเส้นทางที่แคบและคดเคี้ยว ลัดเลาะขึ้นเขา นักแข่งจะต้องใช้ทักษะการเข้าโค้ง เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุด
ขณะที่ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน แต่อีกด้านหนึ่งกลับเป็นเหวลึกลงไปในทะเล ช่วงล่างที่เซทมาอย่างดีการเลือกใช้ยางให้ถูกประเภทจึงเป็นปัจจัยหลักสำหรับตำแหน่งแชมพ์ การแข่งขันในรอบ 20 ปี มีนักแข่งที่ไม่ใช่สัญชาติฝรั่งเศสเพียง 4 คนเท่านั้น ที่คว้าแชมพ์ที่นี่ไปครองได้สำเร็จ และเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แชมพ์ประจำสนามนี้ได้แก่ เซบัสเตียง โลบ์ แชมพ์โลกคนล่าสุด ชาวฝรั่งเศส
การแข่งขันในเลกแรกเป็นไปตามคาด เมื่อ เซบัสเตียง โลบ์ ทำเวลาขึ้นนำอย่างไร้ปัญหาตั้งแต่ต้นจนจบทิ้งห่างคู่ปรับคนสำคัญอย่าง มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ที่บ่นกับทีมงานผ่านทางวิทยุสื่อสารเกี่ยวกับปัญหาระบบเบรค และคาลิเพอร์เบรค ไปแล้วถึง 19.9 วินาที แม้ว่าตำแหน่งผู้นำจะเป็นไปตามคาดแต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจเล็กน้อยให้กับกองเชียร์ คือการที่ อเลกซ์ เบนกู นักขับไร้สังกัด ชาวฝรั่งเศส ทำผลงานได้ดีเกินคาด ด้วยลีลาการขับที่สุขุม และใช้ความคิด มากกว่าจะใช้ความเร็วเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นสไตล์เดียวกับ เซบัสเตียง โลบ์ แชมพ์โลกคนล่าสุด โดยสร้างผลงานทำเวลาเข้ามาเป็นที่ 3 ด้วยเวลาตามหลังอันดับ 2 อยู่ 55.7 วินาที
ด้าน เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) อดีตแชมพ์โลก ต้องผิดหวังกับผลงานของตัวเองในวันแรก โดยระบบท่อไอเสียพังจากการกระแทกเนินตั้งแต่สเตจแรก รวมทั้งมีปัญหากับการเซทช่วงล่างที่ไม่ลงตัวตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ระบบเปลี่ยนเกียร์ของรถ ซูบารุ อิมพเรซา ก็มีปัญหาขึ้นมาอีกในช่วงท้ายส่งผลให้เขามีเวลาติดอันดับทอพเทนเพียงสเตจเดียวเท่านั้น และอันดับรวมร่วงลงไปอยู่ที่ 14 เมื่อการแข่งขันในวันแรกสิ้นสุดลง
เลกที่ 2 โลบ์ ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำเวลาดีที่สุดประจำวัน มากถึง 2 ใน 4 สเตจทำเวลาทิ้งคู่แข่ง โกร์นโฮล์ม ที่ไม่พอใจกับการเซทช่วงล่าง และลงไปปรับตั้งช่วงล่างด้วยตัวเองระหว่างสเตจอยู่บ่อยครั้งอย่างไม่เห็นฝุ่นไปอีก 39.7 วินาที
ส่วนอันดับ 3 เป็นการขับเคี่ยวกันอย่างหนัก ระหว่าง เบนกู ที่ออกสตาร์ทในวันนี้ด้วยอันดับ 3 กับคู่ของโซร์โด ที่สังกัดทีม ซีตรอง เช่นเดียวกับ โลบ์ และฮีร์โวเนน ที่สังกัดทีม ฟอร์ด เช่นเดียวกับ โกร์นโฮล์มผลก็คือ แม้ว่า เบนกู จะขับได้มั่นคงและแน่นอนมากกว่า แต่ทั้ง โซร์โด และฮีร์โวเนนที่ขับแบบไม่มีอะไรจะเสีย โดยมีศักดิ์ศรีของทีมเป็นเดิมพัน ทำเวลาแซงหน้าขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 และ 4 ได้สำเร็จ โดย เบนกู ร่วงลงไปอยู่อันดับ 5
การแข่งขันดำเนินมาถึงสเตจที่ 11 ซึ่งเป็นสเตจรองสุดท้ายของเลกสุดท้าย ที่ซึ่ง โกร์นโฮล์มออกมายอมรับว่าไม่มีทางที่จะไล่ตาม โลบ์ ทัน หลังจากที่โดนทิ้งห่างไปแล้วกว่า 33.3 วินาที
จบกระทั่งจบการแข่งขันในเลกที่ 3 ซึ่งเป็นเลกสุดท้ายของการแข่งขัน เซบัสเตียง โลบ์ สร้างผลงานคว้าแชมพ์ประจำรายการได้เป็นสนามที่ 3 ติดต่อกัน ด้วยเวลารวมทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 43 นาที 5.4 วินาที ทิ้งห่างอันดับ 2 มาร์คุส โกร์นโฮล์ม 29.0 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ ดานี โซร์โด เพื่อนร่วมทีม เซบัสเตียง โลบ์ ที่ทำเวลาทิ้งห่างอันดับ 4 มิคโค ฮีร์โวเนน 10.4 วินาที ส่วน อเลกซ์ เบนกู นักขับหน้าใหม่ที่โชว์ลีลาการขับได้อย่างประทับใจคนดู คว้าอันดับที่ 5 ไปครอง
จากผลการแข่งขันทั้ง 2 สนามที่ผ่านมา ส่งผลให้ เซบัสเตียง โลบ์ ยังคงมีคะแนนสะสมประเภทผู้ขับเป็นอันดับ 1 ต่อไป โดยมี 46 คะแนน ทิ้งห่าง มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ไปแล้วถึง 11 แต้ม ด้านอันดับ 3 เป็นของ ดานี โซร์โด มีคะแนนสะสมรวมทั้งสิ้น 20 คะแนน
สำหรับคะแนนสะสมประเภททีม ซีตรอง ยังนำอยู่ โดยมี 59 คะแนน ตามด้วย ฟอร์ด 56 คะแนนและซูบารุ 38 คะแนน
[table]
สรุปผลคะแนนการแข่งขันรวม 5 สนาม ประเภทผู้ขับ,,
อันดับ ,ผู้ขับ ,คะแนนรวม
ชนะเลิศ ,เซบัสเตียง โลบ์ ,46
รองอันดับ 1 ,มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ,35
รองอันดับ 2 ,ดานี โซร์โด ,20
สรุปผลคะแนนการแข่งขันรวม 5 สนาม ประเภททีมผู้ผลิต,,
อันดับ ,ทีม ,คะแนนรวม
ชนะเลิศ ,คโรนอส โททาล ซีตรอง ,59
รองอันดับ 1 ,บีพี-ฟอร์ด ดับเบิลยูอาร์ที ,56
รองอันดับ 2, ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์ที ,38
[/table]
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57366