สัมภาษณ์พิเศษ(4wheels)
ศรุต อิงคะวัต
4 WHEELS สัมภาษณ์ ศรุต อิงคะวัต ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท เชฟโรเลต์ เซลส์ (ประเทศไทย)จำกัด ถึงความสำเร็จของ เชฟโรเลต์ โคโลราโด คอมมอนเรล สายพันธุ์ใหม่ และแผนการรุกตลาดรถพิคอัพ ในประเทศไทย
4 WHEELS : แผนงานของ เชฟโรเลต์ โคโลราโด เป็นอย่างไร ?
ศรุต : เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ เชฟโรเลต์ โคโรลาโด G80 DIFF-LOCK ถือว่าเราเป็นผู้นำเรื่องของระบบเฟืองท้าย ลอคอัตโนมัติ และเป็นครั้งแรก รุ่นแรก และรุ่นเดียวที่มีการติดตั้งในประเทศไทย โดยมีการเปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา และตอนนี้ก็มี G80 DIFF-LOCK เปิดตัวตามต่างจังหวัดประมาณ 17 ที่ จุดเด่นของเราคือ ระบบเฟืองท้ายอัตโนมัติ หรือเรียกว่าระบบอัจฉริยะ เป็นการทำงานแบบกลไกอัตโนมัติ เช่น เมื่อรถติดหล่ม ระบบลอคเฟืองท้ายจะทำงานอัตโนมัติ โดยทำให้ล้อทั้งสองข้างเป็นแกนเดียวกัน และหมุนจนผ่านอุปสรรคไปได้ ซึ่งระบบเฟืองท้ายในประเทศไทยมี 2 ระบบ คือ แบบเปิด ใช้งานตามถนนทั่วไป ติดตั้งในรถทุกรุ่น และระบบเฟืองท้ายแบบลิมิเทด สลิพ เฉพาะในรุ่นทอพ เท่านั้น เนื่องจาก G80 DIFF-LOCK เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในรถทุกรุ่นของ เชฟโรเลต์ หมายความว่า ปัจจุบันเรามีรถอยู่ 20 รุ่น ถ้ามีระบบเฟืองท้ายอัตโนมัติ หรือ G80 DIFF-LOCK เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทำให้เรามีรุ่นรถเพิ่มขึ้นอีก 20 รุ่น รวมเป็น 40 รุ่น ของเราไม่ได้มีเฉพาะรุ่นทอพ เท่านั้น ในรุ่นซิงเกิล แคบ ก็จะมี G80 DIFF-LOCK ติดตั้งให้ด้วย ที่สำคัญระบบลอคเฟืองท้าย จะมีสมรรถนะการทำงานใกล้เคียงกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ถือว่ามีราคาสมเหตุผล และให้ความคุ้มค่ากว่า
ถามว่าทำไมต้องติดตั้ง G80 DIFF-LOCK เพราะปัจจุบันตลาดพิคอัพ มีการแข่งขันสูงมาก มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้กับรถกระบะมากมาย G80 DIFF-LOCK ก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเหล่านั้นและถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานในบ้านเรา มันมีสมรรถนะใกล้เคียงกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ
4 WHEELS : จุดเด่นของ เชฟโรเลต์ โคโลราโด คืออะไร ?
ศรุต : จุดแรก คือ ระบบลอคเฟืองท้ายอัตโนมัติ หรือ G80 DIFF-LOCK อีกส่วนคือ การดีไซจ์นที่โดดเด่นด้วยไฟหน้า 2 ชั้น เป็นสไตล์อเมริกันแท้ๆ จากจุดเด่นนี้ ทำให้เราได้รับความนิยมสูงถึงแม้จะอยู่ในตลาดเพียง 2 ปี เราสามารถทำยอดได้สูงกว่า 100 % เมื่อเทียบกับปี 2004 เราพยายามทำรถที่ตอบสนองความต้องการของคนไทยมากที่สุดขณะเดียวกันเราก็คำนึงถึงระบบความปลอดภัยด้วย
4 WHEELS : กิจกรรมที่นอกเหนือจากการเปิดตัวครบทุกจังหวัดแล้ว จะทำอะไรต่อไปบ้าง ?
ศรุต : กิจกรรมต่อไป จะแนะนำโพรดัคท์ที่ได้รับการพัฒนาต่อไปอีกประมาณปลายปีแผนงานนี้คงเกิดขึ้น
4 WHEELS : เรื่องการพัฒนาเครื่องยนต์ เราจะมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ใหม่หรือไม่ ?
ศรุต : ตอนนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ แต่จะเป็นการเสริมรุ่นเข้ามาประมาณปลายปี
4 WHEELS : มองการแข่งขันตลาดรถพิคอัพ เครื่องยนต์คอมมอนเรล ในเมืองไทยอย่างไร ?
ศรุต : การแข่งขันตอนนี้ค่อนข้างสูงมาก ด้านคู่แข่งต่างก็ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เราเองก็เช่นกันประกอบกับสถานการณ์น้ำมันในขณะนี้ ที่เกือบจะเข้าขั้นวิกฤต เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์คอมมอนเรลมีส่วนสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าบริษัทไหน ต่างก็ต้องหันมาพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อตอบสนอง และแก้ไขวิกฤตการณ์ตรงนี้ให้ได้ จะเห็นว่ามีการถ่ายเทการซื้อรถยนต์ จากที่ใช้รถนั่งปกติก็เปลี่ยนเป็นรถพิคอัพ เราเลยมีรถรุ่นนี้ตอบสนอง คือ รุ่นซิงเกิล แคบ สองประตู และรุ่นเอกซ์เทนด์ แคบรวมถึงรุ่น 4 ประตูด้วย ในส่วนเครื่องยนต์คอมมอนเรลของเราทดสอบโดยสื่อมวลชน ซึ่งผลที่ออกมาน่าประทับใจมาก อยู่ที่ 17-27 กม./ ลิตร ถือว่าสูงมาก ประหยัดน้ำมันได้สูง ผลกำไรที่ตามมาไม่ได้มาที่เราอย่างเดียวมันได้กับลูกค้าด้วย
4 WHEELS : รุ่นที่ขายดีที่สุด คือ รุ่นใด ?
ศรุต : รุ่นที่ขายดีที่สุด คือ รุ่นเอกซ์เทนด์ แคบ มีแคบด้านหลัง และเนื่องจากดีไซจ์นของเราค่อนข้างโดดเด่นทำให้คนที่ใช้รถเก๋งทั่วไป หันมามองรถรุ่น 4 ประตูมากขึ้น ส่งผลให้รุ่น 4 ประตูของเรามียอดขายดีขึ้นด้วย
4 WHEELS : คุณคิดว่า ปีนี้ตลาดรถพิคอัพ เติบโตเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
ศรุต : จากสถานการณ์ปัจจุบัน มีการเติบโตขึ้น เพราะเราใช้ยอดการจำหน่าย 3-4 เดือนมาเป็นพื้นฐานในการคิดอัตราการเติบโต ประมาณ 10 % ในส่วนของเรามีการเติบโตค่อนข้างสูง ปีก่อนเรามียอดขายประมาณ 10,000 กว่าคัน แต่ปีนี้ขยับขึ้นมาประมาณ 25,000 คัน ปีนี้เราคิดไว้ว่าน่าจะเติบโตในอัตราเดียวกันประมาณ 10 %
4 WHEELS : จากการเปิดตัว G80 DIFF-LOCK ที่ต่างจังหวัด ได้ผลตอบรับเป็นอย่างไร ?
ศรุต : ก่อนที่จะเปิดตัว G80 DIFF-LOCK เราคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายว่า ตั้งไว้เท่าไร เพราะเราเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รายแรกในประเทศไทย คิดไว้ประมาณ 20 % แต่หลังจากที่มีการเปิดตัวอีเวนท์ที่เราเปิดตัว ได้รับความนิยมสูงมาก มียอดจองในระดับสูง ณ ปัจจุบันเราได้ยอดจอง เกือบ 20 %
4 WHEELS : เหตุใดถึงนำระบบนี้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ?
ศรุต : ประเด็นแรก เราคำนึงถึงปัญหาของผู้บริโภคเป็นหลัก และการขนส่ง ประมาณ 50-70 % ดูจากยอดรถ ซิงเกิล แคบ ซึ่ง G80 DIFF-LOCK สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ในเรื่องร่นระยะเวลาการขนส่ง และเพิ่มกำไรให้แก่ผู้ใช้ ขณะเดียวกันสิ่งที่เราไม่ลืมคือ ราคา โดยที่ลูกค้าเพิ่มเงินประมาณ 20,000 บาท แต่ได้รถคุณภาพเทียบเท่ารถ 4x4 อีกทั้งยังช่วยแก้ไขวิกฤตการณ์น้ำมันได้ด้วย
4 WHEELS : ปีนี้จะมีรถพิคอัพรุ่นใหม่เข้ามาหรือไม่ ?
ศรุต : ขณะนี้ โคโลราโด ได้รับความนิยมสูงอยู่แล้ว คงต้องเป็นโพรดัคท์นี้ต่อไป อาจจะดูด้านเทคโนโลยีมากกว่าเพื่อนำมาใช้กับประเทศไทย
4 WHEELS : รู้สึกอย่างไรกับความสำเร็จของ โคโลราโด ?
ศรุต : ดีใจ เพราะเราเข้ามาในตลาดเพียง 2 ปี แล้วได้รับการตอบสนองและความนิยมอย่างดีเวลาเราขับรถตามถนนเห็น โคโลราโด แล้วจำได้ง่าย มันโดดเด่นด้านดีไซจ์น สายการผลิตรถกระบะของเราเป็นตัวเดียวกับที่ส่งออกในยุโรป และญี่ปุ่น ถือว่าเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
4 WHEELS : ความแตกต่างของ โคโลราโด กับคู่แข่ง ?
ศรุต : โคโลราโด อยู่ในไลน์การผลิตที่ส่งออกทั่วโลก แม้ว่าจะขายในประเทศไทยแต่ก็เป็นมาตรฐานยุโรป ในขณะที่คู่แข่งนั้น เป็นการผลิตและซื้อขายในประเทศไทย มาตรฐานจึงต่างกัน
4 WHEELS : ยอดส่งออกประมาณเท่าไร ?
ศรุต : ส่งออกมาก ในส่วนกำลังการผลิตของปีนี้อยู่ที่ 130,000 คัน ปีหน้าตั้งไว้ประมาณ 160,000 คัน
4 WHEELS : การบริการหลังการขายของ เชฟโรเลต์ ?
ศรุต : ปัจจุบันนี้เราได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดี รถเราผลิตในประเทศไทย อะไหล่หาง่าย ราคาคุ้มค่ามีทั้งถูกกว่า เท่ากัน สูงกว่าบ้างแต่คุณภาพดีกว่า ส่วนคู่แข่งมีศูนย์บริการกว่า 100 แห่ง เรามีเกือบ 100 แห่ง คนส่วนใหญ่มองว่า ศูนย์บริการมากกว่าจะครอบคลุมได้ดีกว่า แต่เมื่อเทียบเป็นอัตราส่วนประชากรของรถยนต์ เรามีประมาณ 100,000 คัน ส่วนคู่แข่งมีเป็นล้าน เมื่อเอาจำนวนของศูนย์บริการหารเข้ากับจำนวนประชากรรถ สรุปคือจำนวนลูกค้าต่อศูนย์บริการของเรา มีการบริการได้ครอบคลุมดีกว่า และทั่วถึงกว่า
เรื่องโดย : ภูริยา คงอัยรา
ภาพโดย : เอกลักษณ์ จุลสุคนธ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57355