ผลทดสอบต่างแดน
นิสสัน นาวารา D40
นิสสัน นาวารา (NAVARA) รุ่นล่าสุดได้เปิดตัวในออสเตรเลีย ด้วยซีรีส์ D40 ผลิตตามมาตรฐานยุโรปบนสายพานการผลิตของ นิสสัน ในประเทศสเปน นาวารา มีขนาดใหญ่ขึ้น และสะดวกสบายมากขึ้นเมื่อเทียบกับ D22 เวอร์ชันเดิม เปรียบเทียบกับรถระดับเดียวกันในท้องตลาดแล้ว แหล่งพละกำลังของ นาวารา จัดว่าโดดเด่นมากทั้งกำลัง แรงบิด และน้ำหนักลากจูง โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องเบนซิน และดีเซล
นาวารา ใหม่ ที่วางขายในออสเตรเลีย มีเฉพาะตัวถังแบบดับเบิลแคบ โดยแยกออกเป็นรุ่นต่างๆ คือ RX และ ST-X ส่วนเครื่องยนต์มีให้เลือกใช้ทั้ง เบนซิน วี 6 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบ ความจุ 2.5 ลิตร ส่งพลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 5 จังหวะ
สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 269 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. และแรงบิดสูงสุด 39.2 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ความจุ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 41.0 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ในขณะที่ นิสสัน นาวารา D22 วางเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 27.1 กก.-ม. และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 TD ให้กำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 32.0 กก.-ม.
แชสซีส์ของ นาวารา ใช้รูปแบบ บอดี ออน เฟรม ที่แข็งแกร่ง ระบบรองรับเพลาแข็งพร้อมแหนบในล้อหลัง ในด้านหน้าใช้ระบบรองรับอิสระปีกนกคู่ พร้อมสตรัทคอยล์สปริง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ ควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์
พิกัดบรรทุกสัมภาระหายห่วง โดยมีความสามารถบรรทุกได้เต็มที่ 810/885 กก. (ขึ้นอยู่กับรุ่น ขนาดเครื่องยนต์ และระบบถ่ายทอดกำลัง) ความสามารถในการลากจูงขึ้นอยู่กับชนิดของทเรเลอร์ หากเป็นทเรเลอร์ธรรมดาสามารถลากได้ 750 กก. และ 3,000 กก. สำหรับทเรเลอร์ แบบมีเบรค
ด้วยฐานล้อที่กว้างกว่า และยาวกว่า พร้อมทั้งระบบพวงมาลัยแบบฟันเฟืองและตัวหนอน ทำให้ นาวาราใหม่ เหนือกว่าในด้านความสะดวกสบาย ทั้งยังให้การขับขี่ที่เหนือกว่าทั้งการตอบสนอง และการควบคุมนอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงระบบรองรับในด้านหน้าให้มั่นคงขึ้น จากรุ่นเดิมที่ออกจะนุ่มเกินไป ส่วนด้านหลัง ยังได้รับเสียงบ่นเรื่องความกระด้างโดยเฉพาะเวลาที่ไม่ได้บรรทุกสัมภาระ
ระบบรองรับด้านหลังใช้ระบบแหนบสปริง 4 แผ่น โดยมีชุด 3 แผ่นยาวที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักในการใช้งานปกติ ส่วนแผ่นล่างสุดเป็นแหนบบรรทุกที่สั้นกว่า และหนากว่า เพื่อทำหน้าที่รองรับน้ำหนักสำหรับการบรรทุกหนัก
เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ 4.0 ลิตร โดดเด่นด้วยพลังขับเคลื่อนเกินพอสำหรับการบรรทุก ที่รอบเกินกว่า 4,000 รตน. พลังจะทะลักออกมาตามความหนักของเท้าขวา แต่ผลคือความสิ้นเปลืองที่มากขึ้น และเสียงจากเครื่องยนต์ในรอบสูง
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.5 ลิตร มีแรงบิดเกินพอในรอบต่ำ จะขาดตอนเล็กน้อยช่วงออกตัว นอกจากนั้นกราฟแรงม้าจะพุ่งขึ้นตลอดจนถึงเรดไลน์ สำหรับเครื่องนี้มีการเก็บเสียงดีเกินคาด แม้จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลก็ตาม
ภายในห้องโดยสารคันบังคับระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มีการจัดวางตำแหน่งที่ดีใช้งานสะดวก และมีช่วงโยกเกียร์ที่สั้นกระชับ ด้วยจังหวะเกียร์ที่มีถึง 6 จังหวะ ทำให้การถ่ายทอดกำลังทำได้อย่างต่อเนื่อง และมีอัตราทดที่เหมาะสมกับการใช้งาน ระบบคลัทช์ แบบโพรเกรสซีฟ ไม่กินแรง แม้จะอยู่ในสภาพการจราจรที่ติดขัด
ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะที่ฉลาดมาก สามารถถ่ายทอดกำลังได้อย่างเหมาะสม แม้อยู่ในเส้นทางทุรกันดาร ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ อัตราทดที่มีถึง 5 จังหวะ สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างเพียงพอ
ในเส้นทางวิบาก นาวารา มีระยะห่างใต้ท้องมากกว่าเมื่อเทียบกับ ไฮลักซ์ โดยเฉพาะในช่วงหน้านอกจากนั้นใน นาวารา ได้ติดตั้งการ์ดกันกระแทก พร้อมกันแครงค์ ไล่มาถึงด้านหลัง แต่เมื่อนำมาใช้งานจริงในเส้นทางวิบาก อุปสรรคจะกระแทกกับบันไดข้าง ถ้าไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายจากการลุยสามารถถอดออกได้โดยใช้เครื่องมือธรรมดา
อัตราทดเกียร์โลว์ เมื่อใช้ร่วมกันกับระบบเกียร์ธรรมดา มีการตอบสนองการใช้งานได้อย่างเกินความคาดหมาย ด้วยอัตราทด 43.576:1 สำหรับรุ่นดีเซล เทอร์โบ และ 42.332:1 สำหรับรุ่นเบนซิน วี 6 สูบ สามารถถ่ายทอดแรงบิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้สมรรถนะการลุยที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นการปีนป่ายหรือไหลลงเนิน ระบบเฟืองท้ายแบบลิมิเทด สลิพ จัดว่าดีในการทดสอบทั้งในเส้นทางลาดชัน และหล่มโคลน
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ โดยเฉพาะระบบเกียร์ธรรมดา มีการตอบสนองคันเร่งที่รวดเร็วทันใจเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมบนเส้นทางที่มีพื้นผิวเป็นหลุมบ่อ
ภายในห้องโดยสาร จัดว่าทัศนวิสัยดีมาก ด้วยฝากระโปรงที่ค่อนข้างสั้น กระบะท้ายที่ไม่บดบังทัศนวิสัยในด้านหลัง เหมือนกับรถอเนกประสงค์ค่ายอื่นๆ
ทีมวิศวกร และนักออกแบบได้สรรค์สร้างภายในห้องโดยสาร โดยเน้นให้มีการตอบสนองการใช้งานมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ประตูหลังเปิดได้กว้างกว่าไม่กีดขวางทางเข้า/ออก เบาะหลังสามารถรับผู้โดยสารได้ถึง 3 ที่นั่ง พร้อมกับเข็มขัดนิรภัยทุกตำแหน่ง เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ในอัตราส่วน 60/40 ได้ วีธีการพับเบาะไม่ซับซ้อน ใช้งานสะดวก เบาะหน้าฝั่งผู้โดยสาร สามารถพับลงเพื่อเพิ่มเนื้อที่ให้กับสัมภาระขนาดใหญ่
เบาะหน้าจะมีรางเลื่อนที่ค่อนข้างสั้น แต่สำหรับรุ่น ST-X เบาะที่นั่งคนขับสามารถปรับได้หลายทิศทางทั้งเลื่อนแนวราบ แนวสูง และปรับหนุนข้าง ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง และโปร่งโล่ง การจัดวางตำแหน่งสวิทช์ควบคุม เหมาะสมใช้งานสะดวก
ในรุ่น RX ใช้กระทะเหล็กขนาด 16 นิ้ว พร้อมกับยางบริดจ์สโตน ดูเลอร์ 235/70 R16 ภายในติดตั้งระบบเครื่องเสียงพร้อมเครื่องเล่นซีดี ระบบเซนทรัลลอค และระบบปรับอากาศ ส่วนระบบความปลอดภัย มีทั้งถุงลมนิรภัยคู่ และเบรคเอบีเอส มีให้เลือกสั่งเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติม
สำหรับรุ่น ST-X ใช้กระทะล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมกับยางคอนทิเนนตัล ขนาด 255/70 R16 พร้อมระบบอำนวยความสะดวก ทั้งระบบครูสคอนทโรล รีโมทควบคุมเซนทรัลลอค กระจกไฟฟ้า พร้อมซีดี เชนเจอร์ 6 แผ่น สปอร์ทบาร์ บันไดข้าง ระบบเบรคเอบีเอส ถุงลมนิรภัยคู่ในด้านหน้า พร้อมอุปกรณ์ช่วยยึดสัมภาระ UTILI-TRACK ในกระบะหลัง
UTILI-TRACK เป็นอุปกรณ์ช่วยยึดสัมภาระ โดยการใช้ห่วงยึดสัมภาระที่สามารถปรับเลื่อนระยะในรางโดยมีรางเลื่อน 2 รางบนพื้นกระบะ และด้านข้างกระบะอีก 3 ด้านๆ ละ 1 ราง รวมเป็น 5 ราง ห่วงยึดสัมภาระสามารถปรับเลื่อนให้พอดีกับขนาดสัมภาระ UTILI-TRACK นับว่าเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมที่สามารถเข้ามาเสริมการทำงานของขอเกี่ยวมาตรฐาน 4 ขอได้เป็นอย่างดี
กระบะหลังของ นาวารา จัดว่ากว้างขวางไม่น้อย โดยมีความกว้างระหว่างโพรงล้อ 1,130 มม. ส่วนฝาปิดด้านหลังเป็นฝาปิดแบบชิ้นเดียว และสำหรับผู้ต้องการอุปกรณ์เสริม ทาง นิสสัน มีออพชันให้เลือกอีกเพียบ ทั้งบูลล์บาร์ อลูมิเนียม และเหล็ก ชุดขอลากท้าย แผ่นรองกระบะหลัง
สำหรับผู้ที่ถูกชะตากับ นาวารา คงจะต้องอดใจรออีกนิด สำหรับผลทดสอบอย่างละเอียด จะนำมารายงานให้ทราบต่อไป เพราะในออสเตรเลีย จะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57337