เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
LISBOA-DAKAR 2006
ศึกแรลลีหฤโหดรายการ ดาการ์ แรลลี เป็นรายการแข่งขันที่ท้าทายมากที่สุดรายการหนึ่งของโลกด้วยเส้นทางการแข่งขันที่พาดผ่านลัดเลาะไปตามท้องทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ระยะทางยาวกว่า 14,000 กิโลเมตร ท่ามกลางอากาศร้อนจัดในเวลากลางวัน ตกกลางคืนอากาศหนาวเย็นยะเยือกกับการเดินทางกว่าครึ่งเดือนข้ามทวีปจากยุโรป มุ่งหน้าสู่แอฟริกา ผ่านพบอุปสรรคนานัปการ
ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมชาติที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา หรือเหตุการณ์คับขันเฉพาะหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้
ดาการ์ แรลลี ปีนี้ มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อย โดยออกสตาร์ท ที่เมืองลิสโบอา (LISBOA) ทางฝั่งตะวันตกของประเทศโปรตุเกส และใช้ชื่อรายการนี้ว่า LISBOA-DAKAR 2006 จัดการแข่งขันเป็นครั้งที่ 28
กำหนดการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 17 วัน ข้ามทวีปจากยุโรปมุ่งหน้าสู่ทวีปแอฟริกา ผ่านประเทศที่สำคัญมากถึง 5 ประเทศ คือ โมรอคโค, มอริตาเนีย, มาลี, กินี และสิ้นสุดลงที่เมืองดาการ์ ประเทศเซเนกัล
การแข่งขันครั้งนี้มีนักแข่งที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คอลิน แมคเร (COLIN McRAE) และอารี วาทาเนน (ARI VATANEN) อดีตนักขับ รายการ เวิร์ลด์ แรลลี โดยทั้งคู่ประจำการในทีมนิสสัน ชเตฟาเน เพเทร์ฮันเซล (STEPHANE PETERHANSEL) แชมพ์เก่าสมัยที่แล้วที่เป็นอีกหนึ่งตัวเก็งที่จะคว้าแชมพ์อีกในปีนี้ รวมทั้ง มานะ พรศิริเชิด นักแข่งแรลลีดาวรุ่งไฟแรง หน้าใหม่ของเมืองไทย ที่ไปลงแข่งในนามทีม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมรถ ทไรทัน ใหม่ คู่ใจ หวังเก็บชัยชนะกลับบ้านเช่นกัน
สเตจแรก ออกสตาร์ทจากเมืองลิสโบอา ประเทศโปรตุเกส ไปสิ้นสุดท่าเรือโปร์ตีมาโอ (PORTIMAO) ระยะทางรวม 370 กม. โดยมีระยะทางสเปเชียลสเตจ 83 กม. ชเตฟาเน เพเทร์ฮันเซลชาวฝรั่งเศส สังกัดทีม มิตซูบิชิ เรพซอล แรลลีอาร์ท แชมพ์เก่าปี 2005 และเป็นตัวเก็งในปีนี้สามารถทำเวลาได้ 1 ชั่วโมง 42 วินาที ตามหลังผู้นำเพียง 4 นาที 22 วินาที
ถัดมาเพียงสเตจเดียวแต่เพิ่มดีกรีความโหดหินอีกเท่าตัว โดยตลอดเส้นทางประกอบไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน รวมถึงทางโค้งบนเนินเขาระยะทางรวมกว่า 567 กม. ลุก อัลฟานด์ (LUC ALPHAND) และฌิลส์ ปิการ์ด (GILLES PICARD) ควบ มิตซูบิชิ ปาเจโร หมายเลข 302 เข้าเป็นอันดับ 2 ด้วย เวลา 1 ชั่วโมง 34 นาที 53 วินาที พร้อมแชมพ์เก่า ฮิโรชิ มาซูโอกะ (HIROSHI MASUOKA)
และปัสกาล ไมมง (PASCAL MAIMON) พารถ มิตซูบิชิ ปาเจโร หมายเลข 306 เข้าเป็นอันดับ 4 ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 35 นาที 29 วินาที ห่างผู้นำเพียง 1 นาที 1 วินาที
สเตจที่ 3 ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาสู่ทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นเส้นทางแบบเปิดเป็นครั้งแรกความเวิ้งว้างของภูมิประเทศเป็นความท้าทายในการค้นหาเส้นทางสำหรับเนวิเกเตอร์ ทำให้ผลการแข่งขันมีการพลิกผันไปมากทีเดียว
มานะ พรศิริเชิด ควบ ทไรทัน เอโวลูชัน หมายเลข 367 ทะยานขึ้นมาอยู่อันดับ 72 ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 46 นาที 7 วินาที และไต่อันดับเวลารวมหรือโอเวอร์ออลล์ขึ้นไปอยู่อันดับ 65 ด้วยเวลา 6 ชั่วโมง 56 นาที 36 วินาที ตามผู้นำอันดับ 1 โอเวอร์ออลล์ซึ่งเป็นรุ่นพี่ ทีม มิตซูบิชิ เรพซอล แรลลีอาร์ทนานิ โรมา (NANI ROMA) จากสเปนอยู่ 1 ชั่วโมง 29 นาที ส่วนเพื่อนร่วมทีม มิตซูบิชิ แรลลีอาร์ท
จากประเทศรัสเซีย อเลกซีย์ แบร์กุต (ALEXEY BERKUT) กับรถ มิตซูบิชิ แอล 200 หมายเลข 362 ทำเวลาได้ดีเข้ามาอยู่อันดับที่ 22 ของสเตจ ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 12 นาที ซึ่งรั้งอันดับโอเวอร์ออลล์ที่ 23 ด้วยเวลา 6 ชั่วโมง 10 นาที
ในสเตจที่ 4 และ 5 ผ่านระยะทางมาแล้วกว่า 3,067 กม. มาถึง มอริตาเนีย อาณาจักรแห่งทะเลทรายกับระยะทางกว่า 819 กม. ชเตฟาเน เพเทร์ฮันเซล พร้อม ชอง-โปล กตตเรต์ (JEAN-PAUL COTTRET) ขับ มิตซูบิชิ ปาเจโร เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 หลังจบสเตจที่ 5 ด้วยเวลา 3 ชั่งโมง 34 นาที 40 วินาทีโดยมีเวลารวมโอเวอร์ออลล์ มาเป็นอันดับ 9 ด้วยเวลา 13 ชั่วโมง 14 นาที 22 วินาที
ตามหลังจ่าฝูงเพียง 9 นาที 25 วินาที ส่วน ฮิโรชิ มาซูโอกะ แชมพ์เก่า 2 ปีซ้อน พร้อม ปัสกาล ไมมง กับรถ มิตซูบิชิ ปาเจโร หมายเลข 306 มีอันต้องออกจากการแข่งขันเป็นปีที่ 2 เนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถยนต์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ด้าน มานะ พรศิริเชิด สามารถพาตัวเองจบสเตจที่ 5 คว้าอันดับ 38 ด้านเวลารวมโอเวอร์ออลล์ขึ้นมาเป็นอันดับ 40 ด้วยเวลา 17 ชั่วโมง 9 นาที 10 วินาที ตามหลังผู้นำ 4 ชั่วโมง 4 นาที 13 วินาที
สเตจที่ 6 แข่งกันตอนกลางคืนที่มืดมิด ด้วยระยะทางกว่า 792 กม. เริ่มต้นในเวลากลางคืน มานะ พรศิริเชิด เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 57 ด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 58 นาที 34 วินาที ตามหลังจ่าฝูงเพียง 1 ชั่วโมง 35 นาที 40 วินาที โดยมีเวลารวมโอเวอร์ออลล์ เป็นอันดับ 40 ด้วยเวลา 22 ชั่วโมง 7 นาที 44 วินาที ตามหลังผู้นำ 5 ชั่วโมง 33 นาที และนักแข่งชาวเอเชียอีกหนึ่งคนที่มีผลงานโดดเด่นคือ กวง เหยียนเหมิน (GUANG YUAN MEN) และแซร์จ อองนีโนต์ (SERGE HENNINOT) สังกัดทีม มิตซูบิชิ แรลลีอาร์ท หมายเลข 405 สามารถไต่อันดับจาก 99 มาเป็นอันดับ 76 หลังจบสเตจที่ 6 ด้วยเวลา 5 ชั่วโมง 1 นาที 6 วินาที ตามหลังผู้นำอยู่ 8 ชั่วโมง 48 นาที 48 วินาที
สเตจที่ 7 มาถึงเมืองแอตตา ประเทศมอริตาเนีย การขับขี่ที่ต้องผ่านช่องเขาสลับซับซ้อน จุดหมายปลายทางที่ถูกวางกับดับเรื่องทิศทางอย่างแยบยล รวมถึงสภาพภูมิประเทศแบบทะเลทรายของมอริตาเนียที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่นักแข่งต้องพบเจอ กับระยะทางรวมกว่า 512 กม. และช่วงสเปเชียลสเตจถึง 499 กม. มานะ พรศิริเชิด พบกับอุปสรรคชิ้นโตด้านลมยางในการแข่งขันสเตจที่ 7 ต้องหยุดรถก่อนถึงจุดลงเวลา เพื่อแก้ไข ประกอบกับอุปกรณ์นำทางมีปัญหา ทำให้เสียเวลาไปกว่าครึ่งวันเต็มๆก่อนจบสเตจนี้ด้วยอันดับ 95 กับเวลา 12 ชั่วโมง 7 นาที 42 วินาที ตามหลังจ่าฝูง 12 ชั่วโมง 7 นาที 42 วินาที พร้อมกับถูกปรับเวลา 1 ชั่วโมง ทำให้ล่าสุดเวลารวมของ มานะ หล่นมาที่อันดับ 76
สเตจที่ 8 ทีม มิตซูบิชิ ต้องพบกับข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อกรรมการสั่งดิสควอลิฟายด์ มานะ พรศิริเชิด นักแข่งคนเดียวของไทย เนื่องจากออกนอกเส้นทางมากเกินไป
สเตจที่ 9 และ 10 แข่งขันกันในประเทศมาลี เส้นทางการแข่งขันส่วนใหญ่เป็นทางตรงที่ต้องใช้ความเร็วสูงในการทำเวลา ลุก อัลฟานด์ และฌิลส์ ปิการ์ด สังกัดทีม มิตซูบิชิ เรพซอล แรลลีอาร์ทกับมิตซูบิชิ ปาเจโร หมายเลข 302 ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ชนเข้ากับต้นไม้ในช่วงระยะทาง 228 กม. แรกของสเตจ ซึ่งช่วงล่างได้รับความเสียหายทำให้ต้องเสียเวลาแก้ไขกว่าครึ่งชั่วโมง โดยจบสเตจนี้เป็นอันดับที่ 15 ด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 4 นาที 20 วินาที ตามหลังผู้นำ 35 นาที 46 วินาที โดยเวลารวมอันดับยังอยู่อันดับ 2 ที่เวลา 38 ชั่วโมง 50 นาที 2 วินา ตามหลังผู้นำ 40 นาที 4 วินาที
เหลืออีกเพียง 5 สเตจ กับนักแข่งที่เหลือเพียง 82 คัน จากทั้งหมด 183 คัน เป็นเครื่องยืนยันความโหดของเส้นทางได้เป็นอย่างดี และสำหรับสนามกินี ก็ยังจะเพิ่มความโหด ด้วยเส้นทางที่ซับซ้อน มีเพิ่มมากขึ้นกว่าสนามมาลี ซึ่งเป็นอุปสรรคกับนักแข่งทุกคน ลุก อัลฟานด์ และฌิลส์ ปิการ์ด ที่อันดับหล่นไปที่ 15 ในสเตจที่ 10 จากการประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับต้นไม้ กลับเข้าฟอร์มอีกครั้ง สามารถควบมิตซูบิชิ ปาเจโร หมายเลข 302 ฝ่าด่านเขาวงกตประเทศมาลี จบสเตจเป็นอันดับที่ 3 ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 13 นาที 4 วินาที ตามหลังจ่าฝูงเพียง 6 นาที 3 วินาที และยังครองอันดับที่ 2 เวลารวมโอเวอร์ออลล์ ด้วยเวลา 42 ชั่วโมง 3 นาที 6 วินาที
เริ่มนับถอยหลัง เหลืออีกเพียง 4 สเตจเท่านั้น และสเตจนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกครั้ง โดยลุก อัลฟานด์ และเนวิเกเตอร์คู่หู ฌิลส์ ปิการ์ด สังกัดทีม มิตซูบิชิ เรพซอล แรลลีอาร์ท สามารถควบรถ ปาเจโร คู่ใจ ขึ้นอันดับ 1 ได้สำเร็จ ด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 22 นาที 46 วินาที พร้อมขึ้นอันดับ 1 เวลารวมโอเวอร์ออลล์ อย่างสวยงาม ด้วยเวลา 46 ชั่วโมง 25 นาที 52 วินาที
มาถึง สเตจที่ 13 เข้าสู่ประเทศเซเนกัล สมรภูมิสุดท้ายของการแข่งขันแรลลีหฤโหด เส้นทางกึ่งภูเขาซึ่งมีจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,000 ม. เหนือระดับน้ำทะเล และมีลมพัดแรง รวมถึงเส้นทางอันสลับซับซ้อนก้อนหิน ดินลูกรัง และม่านฝุ่นหนาทึบ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญ ลุก อัลฟานด์ ยังรักษาอันดับ 1 เวลารวมโอเวอร์ออลล์ ได้อย่างสวยงาม ด้วยเวลา 50 ชั่วโมง 56 นาที 7 วินาที โดย ลุก กล่าวหลังจบสเตจล่าสุดว่า "เราได้ผจญภัยเพิ่มมากขึ้นจากการเป็นผู้นำ ด้วยทางเลี้ยวที่ซับซ้อน และเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ซึ่งเราทำได้ดีในสเตจนี้ มีบางช่วงเราชนเข้ากับก้อนหิน แต่ไม่ต้องห่วง เราผ่านมันมาได้ด้วยดี และเราเตรียมพร้อมรับมือกับสเตจต่อไปแล้ว"
สเตจที่ 14 ลุก อัลฟานด์ เริ่มอาศัยการขับที่เน้นความแน่นอนมากขึ้น ทำให้เสียเวลาไปค่อนข้างมาก โดยจบสเตจนี้เป็นอันดับที่ 8 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 51 นาที 25 วินาที แต่ยังสามารถรักษาอันดับ 1 เวลารวมโอเวอร์ออลล์ ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยเวลา 53 ชั่วโมง 47 นาที 32 วินาที
สเตจที่ 15 หลากหลายความหวังต้องสยบให้กับความโหดร้ายของธรรมชาติ เหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียง 193 ทีม แบ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ 93 คัน รถยนต์ 67 คัน และรถบรรทุก 33 คันเท่านั้นที่ได้สัมผัสกับรสชาติของชัยชนะ และความสำเร็จที่ริมทะเลสาบแลค โรส (LAC ROSE) ที่เมืองดาการ์
ผลการแข่งขันของรายการ LISBOA-DAKAR 2006 ครั้งที่ 28 เป็นไปตามความคาดหมายคือ ขุนพลนักแข่งทีม มิตซูบิชิ เรพซอล แรลลีอาร์ท ได้เป็นผู้เปิดแชมเปญฉลองชัยชนะให้กับทีมได้เป็นครั้งที่ 11ซึ่งต่อเนื่องกันถึง 6 ปี จากปี 2000 โดย ลุก อัลฟานด์ และเนวิเกเตอร์คู่หู ฌิลส์ ปิการ์ด ชาวฝรั่งเศสคว้าแชมพ์ในปีนี้ ด้วยเวลารวม 53 ชั่วโมง 47 นาที 32 วินาที และเพื่อนร่วมทีม นานิ โรมา (NANI ROMA) และอองรี มานญ์ (HENRI MAGNE) กับ มิตซูบิชิ ปาเจโร/มนเตโร เอโวลูชัน หมายเลข 304 จากสเปน
ตามมาติดๆ ในอันดับที่ 3 ด้วยเวลา 55 ชั่วโมง 38 นาที 10 วินาที ส่วนแชมพ์เก่าปี 2005 ชเตฟาเน เพเทร์ฮันเซล และคู่หู ชอง-โปล กตตเรต์ กับมิตซูบิชิ ปาเจโร/มนเตโร เอโวลูชัน หมายเลข 300 ซึ่งปีนี้ต้องประสบอุบัติเหตุทำให้เสียเวลาไปหลายครั้ง แต่ก็ยังสามารถทำเวลาเข้ามาเป็นอันดับที่ 4 ด้วยเวลา 57 ชั่วโมง 7 นาที 56 วินาที
ลุก อัลฟานด์ แชมเพียนชาวฝรั่งเศสคนใหม่ของทีม มิตซูบิชิ กล่าวถึงชัยชนะครั้งแรกในการแข่งขัน ดาการ์ แรลลี ว่า "มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายสำหรับครั้งแรกที่ได้เห็นถ้วยรางวัลชัยชนะของการแข่งขันที่ขึ้นชื่อว่าหฤโหดที่สุดในโลกมาครอง แต่ชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียวแต่เป็นของผู้มีส่วนร่วมในทีม มิตซูบิชิ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทีมวิศวกรที่พัฒนารถแข่ง มิตซูบิชิ ปาเจโร/มนเตโร เอโวลูชัน ขึ้นมา ไปจนถึงทีมรถเซอร์วิศที่คอยช่วยเหลือเราตลอดการแข่งขัน และเพื่อนร่วมทีมทั้ง 8 คน สำหรับตัวผมแล้ว การคว้าชัยดาการ์นั้นมีความหมายมากกว่าถ้วยรางวัล เพราะประสบการณ์ที่ได้รับตลอด 15 วันนั้น ทำให้ผมได้สัมผัสกับความสำเร็จสูงสุด และความผิดหวังมากที่สุดด้วยเช่นกันซึ่งผมไม่สามารถจะสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ ดาการ์ แรลลี"
[table]
ผลการแข่งขัน LISBOA-DAKAR 2006
อันดับ ,ผู้ขับ ,ทีม ,เวลารวม
ชนะเลิศ ,ลุค อัลฟาน ,มิตซูบิชิ ,53 ชั่วโมง 47 นาที 32 วินาที
รองชนะเลิศอันดับ 1 ,กีนีเอล เดอ วิลลิเอร์ส ,โฟล์คสวาเกน ,54 ชั่วโมง 5 นาที 25 วินาที
รองชนะเลิศอันดับ 2 ,นานิ โรมา ,มิตซูบิชิ ,55 ชั่วโมง 38 นาที 10 วินาที
[/table]
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57262