เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2005 สนาม 16
การแข่งขันรายการ เวิร์ลด์ แรลลี แชมเพียนชิพ 2005 ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบในสนามที่ 16 ประเทศออสเตรเลีย ด้วยผลการแข่งขันที่สุดพลิกลอค ตัวเก็งตกรอบไปอย่างผิดความคาดหมาย ทั้ง เซบัสเตียง โลบ์ นักขับสัญชาติฝรั่งเศส สังกัดทีม ซีตรอง ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก พลาดท่าต้องออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่เลกแรก และคริส แอทกินสัน นักแข่งดาวรุ่งเจ้าถิ่น อีกหนึ่งตัวเก็งก็ไม่สามารถคว้าอันดับบนโพเดียมได้เลย
ออสเตรเลียน แรลลี เป็นอีกสนามหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องความโหดของเส้นทาง เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนมีฝนตกลงมาเป็นช่วงๆ เมื่อเจอกับถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาทึบ และหินกรวด ก็พร้อมที่จะแปรสภาพเป็นทางโคลนได้ในเวลาไม่นาน
การแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 396.31 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 26 สเตจ บรรยากาศในวันแรกเริ่มต้นขึ้นด้วยความดุเดือดแม้ เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB)ในรถ ซีตรอง อดีตแชมพ์โลกปีที่แล้ว จะรับตำแหน่งว่าที่แชมพ์โลกปีนี้ไปครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องขับเคี่ยวกับ เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) คู่ปรับเก่าจากทีม ซูบารุ ที่ชำนาญทางฝุ่นเป็นพิเศษ เพื่อศักดิ์ศรีของทีมก่อนที่ โซลเบร์ก จะควบรถ ซูบารุ ออกสตาร์ททำเวลาขึ้นมานำในสเตจแรกได้สำเร็จ โดยมีมาร์คุส โกร์นโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) แชมพ์โลกสองสมัยจากทีม เปอโฌต์ และฟรองซัวส์ ดือวาล (FRANCOIS DUVAL) จากทีม ซีตรอง ตามมาเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ ส่วน โลบ์ ยังโชว์ฟอร์มไม่ออก ทำเวลาเข้ามาเป็นที่ 4 ตามหลังผู้นำอยู่ 0.8 วินาที
สเตจที่ 3 คริส แอทคินสัน (CHRIS ATKINSON) นักขับดาวรุ่งเจ้าถิ่น สร้างความประหลาดใจด้วยการทำเวลาดีที่สุดในสเตจที่ 3 และ 4 จนอันดับเวลารวมขยับขึ้นมาอยู่อันดับสอง ตามหลังเพียง โซลเบร์ก เพื่อนร่วมทีมเท่านั้น ด้าน โกร์นโฮล์ม ที่ต้องแซงหน้า โซลเบร์ก ให้ได้ถ้าต้องการขึ้นโพเดียมเป็นที่สอง ก็ยังคงขับแบบสุดความสามารถไล่จี้มาติดๆ ตามหลังมาเพียง 0.3 วินาทีเท่านั้น
ในช่วงท้ายของเลกแรก อันดับผู้นำมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อ แอทคินสัน มีปัญหากับระบบพวงมาลัยของรถ อิมพเรซา ในช่วงท้ายของสเตจที่ 7 ทำให้เสียเวลาไป 1 นาที 51 วินาทีอันดับร่วงลงไปอยู่ที่ 13 ทันที "ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ผมพยายามหมุนพวงมาลัยจนครบรอบ แต่รถก็ไม่ยอมเลี้ยวตาม ดูเหมือนปัญหาจะเกิดจากคันชักคันส่งของรถ แต่ผมก็ไม่ได้ไปชนกับอะไรนี่นา ผมละแปลกใจจริงๆ ตอนนี้ก็ทำได้เพียงขับแบบประคองไปก่อน เพราะแค่จะรักษารถให้ตรงทางยังแทบทำไม่ได้เลย" คริส กล่าวอย่างหัวเสีย
ตอนนี้กลายเป็น โลบ์ ที่ขับแบบเสี่ยงมากขึ้น ทำเวลาขยับขึ้นมา 3 อันดับรวด รับตำแหน่งผู้นำไปครอง แต่ก็เพียงสเตจเดียวเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้าง โลบ์ เสียแล้วโดยในช่วงสเตจที่ 9 รถ ซีตรอง ซารา เกิดเสียหลักหมุนคว้าง และไปชนกับต้นไม้อย่างจังโชคดีที่ทั้งเขาและผู้นำทางไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
จบการแข่งขันเลกแรกด้วยความตื่นเต้นและระทึกทุกสเตจ ตอนนี้อันดับผู้นำกลายเป็น โซลเบร์กที่ทำเวลารวมในเลกแรกทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 14 นาที 58 วินาที โดยมี ดือวาล และนักขับรุ่นเก๋าคอลิน แมคเร (COLIN McRAE) ตกมาเป็นอันดับ 2 และ3 ทำเวลาตามหลัง 46.6 และ 48 วินาที ตามลำดับ
เลกที่สองความโกลาหลยังไม่หยุด โดยในสเตจที่ 13 ทีมงานของทีมต่างๆ ต้องวิ่งกันพล่านเต็มสนาม เมื่อรถของผู้นำ โซลเบร์ก เกิดไปชนกับจิงโจ้อย่างจัง เสียเวลาไปกว่าครึ่งนาทีและรถของ แมคเร และโทนี การ์เดไมสเตอร์ (TONI GARDEMEISTER) ซึ่งทำเวลาอยู่อันดับ 2 และ 7 ก็ประสบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องในเวลาไล่เลี่ยกัน
และถัดมาเพียงสเตจเดียว โซลเบร์ก ก็มีอันต้องออกจากการแข่งขันไปอีก หลังจากที่ทีมเซอร์วิศไม่สามารถแก้ไขปัญหาหลังจากที่รถชนจิงโจ้ "เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนแข่งที่ญี่ปุ่นเมื่อทุกอย่างกำลังดูเหมือนสมบูรณ์แบบ รถดี ทุกอย่างดีหมด แต่แค่แวบเดียวที่มีอะไรโผล่ออกมาทำให้ทุกอย่างจบตรงนั้น แต่ก็ยังดีที่ครั้งนี้มีโชคดีอยู่บ้าง ที่จิงโจ้หลุดเข้าไปใต้ท้องรถแทนที่จะลอยขึ้นและกระแทกกับกระจกหน้า และทะลุเข้ามา ที่ความเร็วเกือบๆ 200 กม./ชม.ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงแย่แน่ๆ" โซลเบร์ก กล่าว
จบการแข่งขันในเลกที่สอง ผู้นำกลายเป็น ดือวาล ที่มีเวลาดีที่สุด 2 ชั่วโมง 21 นาที 12.6 วินาทีตามมาด้วย แมคเร ที่มีปัญหากับระบบเกียร์ของรถ สโกดา แต่ยังคงประคองทำเวลามาเป็นอันดับสองตามหลัง 27.1 วินาที ส่วนอันกับสามเป็นของ ฮาร์ริ โรเวนเปรา (HARRI ROVANPERA) ทำเวลารวมทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 21 นาที 44.8 วินาที
ในเลกที่ 3 ความหวังของ แมคเร ที่จะได้ขึ้นโพเดียมเป็นครั้งแรกของฤดูกาลก็ต้องดับลงเมื่อระบบคลัทช์และเกียร์ ของรถ สโกดา เกิดความเสียหายอย่างหนัก จนต้องออกจากการแข่งขันไปอีกราย
ด้าน แอทคินสัน เริ่มมีความหวังที่จะกลับมาติดอันดับกลุ่มผู้นำอีกครั้ง หลังจากที่ แมคเรเพิ่งออกจากการแข่งขันไปหมาดๆ รวมทั้งยังสามารถทำเวลาดีที่สุดได้ในสเตจที่ 17, 18, 21 และ 25 แต่ก็เพียงพอแค่ขึ้นมาอันดับที่ 4 เท่านั้น
จบการแข่งขัน ฟรองซัวส์ ดือวาล สามารถสร้างชัยชนะให้กับทีม ซีตรอง ได้สำเร็จ แม้ว่านักขับมือหนึ่งของทีม เซบัสเตียง โลบ์ จะต้องออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่ช่วงท้ายของเลกที่หนึ่งโดย ฟรองซัวส์ ดือวาล สามารถทำเวลารวมได้ทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 19 นาที 55 วินาที โดยมีฮาร์ริ โรวันเปรา ตามหลังมา 52.9 วินาที
จากผลการแข่งขันในครั้งนี้ แม้ว่า เซบัสเตียง โลบ์ จะไม่สามารถเก็บคะแนนสะสมจากสนามสุดท้ายนี้ไปได้ แต่คะแนนสะสมรวมก็ยังคงทิ้งห่างคู่แข่งไปไกล โดยมีคะแนนสะสมทั้งสิ้น 127 แต้ม คว้าตำแหน่งแชมพ์ประจำปีเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ส่วน เพทเทร์ โซลเบร์ก และมาร์คุส โกร์นโฮล์ม ที่ไม่สามารถจบการแข่งขันที่นี่เช่นกัน ก็ยังคงมีคะแนนสะสมรวม 71 เท่ากัน แต่ เพทเทร์ โซลเบร์ก มีภาษีดีกว่าตรงที่คว้าแชมพ์ประจำรายการได้ 3 สนาม ขณะที่มาร์คุส โกร์นโฮล์ม สามารถทำได้เพียง 2 สนามเท่านั้น ส่งผลให้อันดับแชมพ์ประจำปีของเพทเทร์ โซลเบร์ก ขยับขึ้นมาเป็นที่ 2 และมาร์คุส โกร์นโฮล์ม รับที่ 3 ไปครอง
ด้านคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต ทีม ซีตรอง ถือว่าเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการแข่งขันปีนี้ เนื่องจากรถของทีมสามารถจบการแข่งขันแบบมีแต้มครบแทบทุกสนาม
สรุปคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต ทีม ซีตรอง คว้าแชมพ์ไปครองด้วยคะแนนทิ้งคู่แข่งอย่างขาดลอย โดยมีถึง 188 คะแนน ขณะที่ทีม เปอโฌต์ และฟอร์ด ตามหลังมาห่างๆ ด้วยคะแนน 135 และ 104 แต้ม ตามลำดับ
[table]
สรุปผลการแข่งขันประจำปี 2005 ประเภทผู้ขับ,,
อันดับ, ผู้ขับ, คะแนนรวม
ชนะเลิศ, เซบัสเตียง โลบ์ ,127
รองอันดับ 1, เพทเทร์ โซลเบร์ก ,71
รองอันดับ 2, มาร์คุส โกร์นโฮล์ม ,71
สรุปผลการแข่งขันประจำปี 2005 ประเภททีมผู้ผลิต,,
อันดับ ,ทีม ,คะแนนรวม
ชนะเลิศ, ซีตรอง ,188
รองอันดับ 1, เปอโฌต์ ,135
รองอันดับ 2, ฟอร์ด ,104
[/table]
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2549
คอลัมน์ Online : เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57233