วิถีตลาดรถยนต์
เปิดเกมไตรมาสที่ 3 ตลาดพิคอัพยังแรงดีไม่มีตก
เห็นผลกันขึ้นมาบ้างแล้ว สำหรับนโยบายการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง ที่ทั้งทางภาครัฐและเอกชนต่างประสานเสียงขานรับนำไปใช้และปฏิบัติ โดยเห็นได้จากปริมาณการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนกรกฎาคม ที่ลดลงจากเดือนมิถุนายน ทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซล ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินลดลงไปกว่า 18 % ส่วนน้ำมันดีเซลก็ลดลงไปวันละกว่า 8.7 ล้านลิตร ถึงแม้ว่าปริมาณที่ลดลงจะไม่ส่งผลให้น้ำมันราคาถูกลง แต่ก็ถือว่ามีส่วนกันคนละไม้คนละมือประหยัดเงินตราให้กับประเทศชาติก็แล้วกัน ที่สำคัญเป็นผลดีต่อสุขภาพเงินในกระเป๋าของท่านเองด้วย
แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะลดน้อยลง แต่ก็ไม่สามารถนำมาเป็นสาเหตุให้ยอดการจำหน่ายรถยนต์ลดน้อยถอยลงแต่ประการใด ค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ยังคงมีความสุขกับผลประกอบการทั้งจากต้นปีมา และในการเริ่มเปิดซีซันใหม่ เดือนกรกฎาคม เดือนแรกของการแข่งขันในไตรมาสที่ 3
เดือนกรกฎาคมนี้ ทุกค่ายไม่ว่าจะเป็นจากญี่ปุ่น, เกาหลี, สหรัฐอเมริกา และยุโรป ต่างก็งัดแคมเปญพิเศษออกมายั่วใจ ทำให้นักเลงรถบ้านเราควักกระเป๋าออกมาจับจองรถยนต์ที่ตนเองถูกตาต้องใจไป 50,872 คัน มากกว่าเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วถึง 5,442 คัน ขายดีกว่าปีที่แล้ว ร้อยละ 12.0
และเมื่อรวมตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ยอดจำหน่ายรถยนต์ทุกประเภทอยู่ที่ 396,769 คัน เพิ่มมากกว่า 7 เดือนแรกของปีที่แล้ว ร้อยละ 15.3 ที่น่าสนใจมากกว่านั้น 5 อันดับแรกของรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดรวมถึงเดือนกรกฎาคมเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ มิตซูบิชิ ทำตัวเป็นพระเอกโดดแซง นิสสัน ที่เดือนที่แล้วหล่นจากอันดับ 3 มาอยู่อันดับ 4 พอถึงเดือนกรกฎาคม ถูก มิตซูบิชิเขี่ยตกไปอยู่ที่ 5 เสียอีก ชีช้ำจริงๆ โดยที่ มิตซูบิชิ ขึ้นมายืดอกในอันดับที่ 4 ด้วยยอดขายรวม 7 เดือน 25,693 คัน มีส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 6.5 ขณะที่ นิสสัน มียอดรวม 24,792 คัน ได้ส่วนแบ่งไป ร้อยละ 6.2 ส่วนอันดับ 1-3 ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน โตโยตา มาเป็นอันดับ 1 ตามด้วย อีซูซุ และฮอนดา โตโยตา ทำยอดไปแล้ว 160,449 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดถึง ร้อยละ 40.4 อีซูซุ มีอยู่ 101,121 คัน ส่วนแบ่ง ร้อยละ 25.5 และฮอนดา 28,684 คัน ส่วนแบ่ง ร้อยละ 7.2
ย้อนกลับมาว่ากันถึงยอดขายจำหน่ายรถยนต์เฉพาะในเดือนกรกฎาคมนี้ รถพิคอัพ 4x2 ยังคงเป็นรถที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดของตลาดรถยนต์รวมทุกประเภทมากที่สุด และก็ยังเดินหน้าสร้างความเพลิดเพลินให้กับเจ้าของค่ายอย่างต่อเนื่อง จะมีที่ไม่ค่อยแฮพพีบ้างก็เห็นจะเป็น นิสสัน กับฟอร์ดที่เดือนนี้ปิดผลประกอบการในแดนลบ แม้จะขายได้เกินหลักพัน แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้วก็ยังเป็นที่น่าผิดหวังอยู่
เดือนกรกฎาคม ตลาดรถพิคอัพ 4x2 มียอดจำหน่ายรวมกัน 29,245 คัน เปลี่ยนแปลงไปในทางบวกเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.3 อันดับ 1 อีซูซุ ที่ยึดคอนเซพท์ยานยนต์ที่ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงยังครองอยู่อย่างเหนียวแน่นทำยอดขายไป 11,957 คัน รับส่วนแบ่งตลาดไปร้อยละ 40.9 ตามมาด้วย โตโยตา ที่ว่าด้วยความคุ้มค่า มียอดจำหน่าย 8,382 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 28.7 มิตซูบิชิ ที่เดือนนี้โละสตอค มิตซูบิชิ สตราดา ที่อยู่ในตลาดมานมนานเพื่อรอรับหัวหอกรุ่นใหม่ แซง นิสสัน ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ด้วยยอด 3,224 คัน มีส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 11.0
และเมื่อผ่าน 7 เดือนไป ผู้นำตลาดรถพิคอัพก็ยังคงเป็น อีซูซุ ตามด้วย โตโยตา และมิตซูบิชิ ด้วยยอด 88,819 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 40.0 สำหรับ อีซูซุ ส่วน โตโยตา ก็ได้ไป 64,979 คัน ส่วนแบ่งร้อยละ 29.2 และมิตซูบิชิ ที่เริ่มมาแรงได้ไป 18,895 คัน มีส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 8.5
ทางด้านตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เดือนกรกฎาคม ทุกค่ายผนึกกำลังทำยอดขายได้ทั้งหมด 12,260 คัน โตโยตา นำมาเป็นอันดับ 1 ทำยอดขายได้ 5,717 คัน อันดับ 2 เป็น ฮอนดา 4,090 คัน และเชฟโรเลต์ ฝ่าแนวต้านของกองทัพรถญี่ปุ่นเข้ามายึดอันดับที่ 3 ไปครองด้วยยอด 529 คัน อันดับ 4 และ 5 เป็นของ มิตซูบิชิ และมาซดา ตามลำดับ ส่วน นิสสัน หลุดออกจาก 5 อันดับแรกไปเสียแล้ว
ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีก็ยังเหมือนเช่นเดือนที่แล้ว สำหรับตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เรียงลำดับ 1 ถึง 5 ได้แก่ โตโยตา, ฮอนดา, นิสสัน, เชฟโรเลต์ และมาซดา แต่สำหรับตำแหน่งที่ 5 อย่าง มาซดา คงไม่ค่อยสบายอกสบายใจเท่าใดนัก เพราะ มิตซูบิชิ เข้ามาหายใจรดต้นคอแล้ว ด้วยตัวเลขที่ห่างกันอยู่เพียง 58 คันเท่านั้น
ตลาดรถพิคอัพ 4x4 ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงสำหรับ โตโยตา และเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมามียอดบวก นอกนั้นติดลบกันถ้วนหน้า เดือนกรกฎาคม โตโยตา ทำยอดขายไป 1,621 คัน กินส่วนแบ่งตลาดไปถึง ร้อยละ 83.9 ตามด้วย อีซูซุ 158 คัน ที่ 3 เป็น เชฟโรเลต์ 57 คัน ที่ 4 มิตซูบิชิ 48 คัน และที่ 5 เป็น ฟอร์ด 26 คัน เมื่อรวมตั้งแต่ต้นปีมา ตลาดนี้มียอดขายรวมกันทั้งสิ้น 21,809 คัน ยี่ห้อที่ขายดีที่สุดเป็น โตโยตา 17,792 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึง ร้อยละ 81.6 อันดับ 2 เป็น อีซูซุ 2,436 คัน อันดับ 3 เป็น เชฟโรเลต์ 741 คัน อันดับ 4 เป็นของ ฟอร์ด 368 คัน และอันดับ 5 เป็นของ มิตซูบิชิ 235 คัน ตลาดนี้น่าสนใจว่า มิตซูบิชิ จะกระโดดขึ้นไปอยู่อันดับที่ 3 ได้หรือไม่เมื่อสรุปยอดกันปลายปี
มาดูทางด้านของ ตลาดรถเอสยูวี กันบ้าง เดือนกรกฎาคมทำยอดได้รวมกัน 3,438 คัน ขายได้มากที่สุดยังคงเป็น โตโยตา เหมือนๆ กับอีกหลายๆ ตลาด ขายไป 2,739 คัน ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง อีซูซุ ชนิดที่มองกันไม่เห็นฝุ่น อีซูซุ ขายไป 328 คัน และมาซดา ขายได้ 95 คัน และตั้งแต่ต้นปีมารถเอสยูวีมียอดจำหน่ายรวมกันอยู่ที่ 26,121 คัน โตโยตา เป็นแชมพ์ของเซกเมนท์นี้ 18,303 คัน ตามมาห่างๆด้วย อีซูซุ 3,321 คัน ที่ 3 เป็น ฟอร์ด 1,749 คัน ส่วนที่ 4 และ 5 เป็น ฮอนดา และมาซดา ตามลำดับ
ตลาดรถเอมพีวี ถ้าเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว มีการเติบโตที่ลดน้อยถอยลง ติดลบไป ร้อยละ 22.7 เดือนนี้ขายไปได้ 1,233 คัน ขณะที่ปีที่แล้วขายไป 1,595 คัน โตโยตา จำหน่ายไปได้ 898 คัน มิตซูบิชิ เป็นที่ 2 ขายได้ 136 คัน และซูซูกิ มาเป็นอันดับที่ 3 ขายได้ 89 คัน และเมื่อรวม 7 เดือน โตโยตา ทำยอดขายไปทั้งหมด 7,804 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง ร้อยละ 71.8 ของตลาดทั้งหมด อันดับที่ 2 เป็น มิตซูบิชิ 1,799 คัน ได้ส่วนแบ่งไป ร้อยละ 16.6 อันดับ 3 เป็น ฮอนดา 286 คัน ส่วนแบ่ง ร้อยละ 2.6 อันดับ 4 ซันยง 278 คัน มีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ ฮอนดา คือ ร้อยละ 2.6 และอันดับ 5 เป็น เชฟโรเลต์ 239 คัน ส่วนแบ่ง ร้อยละ 2.2
ตลาดรถยนต์โดยรวมที่เริ่มว่ากันในไตรมาสที่ 3 ของปีกันแล้ว ต้องจับตามอง มิตซูบิชิ กันเป็นพิเศษว่าจะสามารถไต่อันดับขึ้นไปแทนที่ ฮอนดา ที่ครองอันดับที่ 3 อยู่ได้หรือไม่ เพราะ มิตซูบิชิ เลือกที่จะเปิดเกมบุกในตลาดรถพิคอัพ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของตลาดรถยนต์ในบ้านเรา โดย มิตซูบิชิส่งพิคอัพสายพันธุ์ใหม่ มิตซูบิชิ ทไรทัน ที่เปลี่ยนแปลงไปจาก สตราดา รุ่นเก่าอย่างสิ้นเชิงเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในปลายเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ส่วน ฮอนดา ที่ทำใจไว้บ้างแล้วว่าปี '48 นี้ ยอดจำหน่ายคงไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จะมีอะไรใหม่ๆ หรือแคมเปญเด็ดๆ ออกมากระทุ้งยอดขายกันได้บ้าง เป็นสิ่งที่การตลาดของ ฮอนดา คงต้องขบคิดกันอย่างหนัก เพราะรถยนต์โมเดลต่างๆ ที่มียอดจำหน่ายอยู่ก็จับมาเขียนคิ้วทาปากกันใหม่จนเกือบหมดแล้ว ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีก 4-5 เดือน จะแก้เกมรักษาสถานภาพตำแหน่งที่ 3 ของตลาดรวมกันอย่างไร เป็นสิ่งที่น่าคิดอยู่ไม่น้อย
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57097