เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2005 สนามที่ 3
ศึกแรลลีโลก สนามที่ 3 จัดขึ้นที่ประเทศเมกซิโก ในทวีปอเมริกาเหนือ ทางคณะผู้จัดได้เก็บสั่งสมประสบการณ์ของสนามในปีที่ผ่านมา เพื่อนำข้อมูลและรายละเอียดมาใช้ในการจัดการแข่งขันในปีนี้ เส้นทางการแข่งขันแรลลีครั้งนี้ ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และผ่านทางที่เป็นภูเขาสูงบางช่วง ผ่านที่ราบรอบๆ ภูเขากูอานาฮูอาโต (GUANAJUATO) ในเมืองเลอน (LEON) สนามแห่งนี้จะมีความกระชับ รัดกุม และน่าตื่นเต้นมากกว่า เมื่อเทียบกับปีก่อน
เส้นทางการแข่งขัน ภูมิประเทศของเมกซิโกจะมีพื้นที่หลากหลาย นอกจากจะมีสภาพทั้งปีนป่ายขึ้นยอดเขาที่สูงชันแล้ว ยังมีการไต่ลงสู่ทางราบด้านล่าง และผ่านหุบเหวในบางช่วง แล้วย้อนกลับไปอีกฝั่งของภูเขา พื้นผิวถนนจะเป็นเส้นทางลูกรังแห้งๆ แถมมีก้อนกรวดเล็กใหญ่สลับเป็นบางช่วง นักแข่งต้องมีฝีมือ และอาศัยความระมัดระวังในการขับผ่านเส้นทางนั้นๆ เป็นอย่างมาก
เมืองเลอน ที่ใช้เป็นสนามแข่งแรลลีในครั้งนี้ เป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองหลวงระยะทางประมาณ 400 กม. เป็นเมืองที่มีความทันสมัยมาก พรั่งพร้อมทั้งด้านสาธารณูปโภค และอุปโภค และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยว
สำหรับผลการแข่งขันของสนามนี้ สีสันความมันเริ่มเกิดในช่วง เอสเอส 2 ระยะทางการแข่งขัน 29.06 กม. จาก โอร์เตกา (ORTEGA) ไปยัง ลา เอสเปรันซา (LA ESPERANZA) ในวันศุกร์ช่วงเช้า ด้วยเส้นทางที่ผู้ชมสามารถมองจากทางด้านบนลงสู่ด้านล่างในมุมมอง "เบิร์ด อายส์ วิว"...นักแข่งขันจะขับรถวิ่งไปบนทางคู่ขนานตรงเข้าไปในเมืองแล้วขับขึ้นเขาอ้อมไปอีกฝั่ง และจอดพักรอเวลาอยู่ทางด้านบนของภูเขา หลังจากนั้นรอเวลาในตอนบ่ายจึงค่อยขับลงมาเข้าสู่จุดฟินิช
ในวันเสาร์ปล่อยรถเข้าสู่ เอสเอส 8 ระยะทางการแข่งขัน 24.23 กม. จาก ดูอาร์เต โอตาเตส (DUARTE OTATES) เป็นเส้นทางที่ราบ หลังจากที่วิ่งผ่านเส้นทางบนภูเขามาเมื่อวานนี้ เส้นทางแรลลีที่วิ่งผ่านนั้นขับลักษณะเป็นวงแหวน หลังจากนั้นเข้าสู่เส้นทางลูกรังผ่านเข้า เอสเอส 12 มาสิ้นสุดที่ ซาน โฮเซ เด ปีโนส (SAN JOSE DE PINOS)
สำหรับวันสุดท้ายในวันอาทิตย์ของการแข่งขันแรลลีครั้งนี้นั้น เหลืออีกเพียง 2 สเตจเท่านั้น โดยเฉพาะสเตจสุดท้ายจาก อัลฟาโร (ALFARO) ไปยัง เอล เอสตาบโล (EL ESTABLO) ระยะทางประมาณ 46 กม. เป็นช่วงที่ยาวที่สุดในการแข่งขัน นักแข่งขันต้องเอาชนะกับความกดดันที่ได้รับเป็นอย่างมาก
ส่วนไฮไลท์ของงานแต่ละเอสเอสนั้น เราเจาะรายละเอียดมานำเสนอแล้ว เริ่มจากเอสเอส 1 เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) อดีตแชมพ์ปี 2003 ออกสตาร์ทโดยทำเวลาได้ดีที่สุดในสเตจแรกของเลกแรก ซีตรอง ของ เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) ทะยานตามหลังมาติดๆ เป็นอันดับ 2 ทิ้งห่างกันเพียง 2.2 วินาที เท่านั้น สำหรับ คริส แอทคินสัน (CHRIS ATKINSON) เด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทีม ซูบารุ สามารถทำเวลามาเป็นอันดับที่ 3 ด้วยระยะทาง 22.56 กม. จาก อีบาริลญา (IBARILLA) ไปยัง เอล ซาอูโก (EL ZAUCO) เขาทำเวลาทิ้งห่างจาก โซลเบร์ก ถึง 5.5 วินาที เพราะมีฝนตกลงมาก่อนที่จะมีการแข่งขัน จึงทำให้ผิวของถนนไร้ซึ่งก้อนกรวดเล็กใหญ่ หลงเหลือไว้แต่เพียงผิวถนนยางมะตอยเท่านั้น ส่วนผู้ที่ขับตามติดมาเป็นที่ 4 คือ ฟรองซัวส์ ดือวาล (FRANCOIS DUVAL) ช้ากว่า แอทคินสัน ถึง 0.7 วินาที สำหรับอันดับที่ 5 และ 6 เป็นของทีม เปอโฌต์ ขับโดย มาร์คุส โกรนโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) และ สโกดา ที่ขับโดย จานี ปาโซเนน (JANI PAASONEN)
เอสเอส 3 มาร์คโค มาร์ทิน (MARKKO MARTIN) ในรถ เปอโฌต์ เป็นผู้ที่สามารถเข้าไปถึงรอบชนะเลิศได้ถึง 3 ครั้งใน 3 สเตจของสนามนี้ แต่ในขณะที่ ซูบารุ ของ โซลเบร์ก ยังคงรักษาผู้นำเป็นจ่าฝูง โดยนำหน้าทิ้งห่าง โกรนโฮล์ม ถึง 9.3 วินาที หลังจากที่เขาทำเวลาได้ดีที่สุดในอันดับที่ 3 ของสเตจนี้
มาร์ทิน ควบ เปอโฌต์ 307 ดับเบิลยูอาร์ซี จาก ซานตานา ไปยัง กูวีเลเต (CUVILETE) รวมระยะทาง 21.80 กม. ด้วยความเร็วที่สามารถทำให้เขานำหน้าทิ้งห่าง โกรนโฮล์ม ถึง 4.7 วินาที สำหรับหนุ่มน้อย โทนี การ์เดไมสเตอร์ (TONI GARDEMAISTER) สามารถทำเวลาได้ดีที่สุดเป็นที่ 2 ของสเตจนี้ ด้วยรถ ฟอร์ด ทำให้เขาสามารถไต่อันดับขึ้นมาจาก 11 มารั้งตำแหน่งที่ 9
เอสเอส 7 โลบ์ กลับมาผงาดอีกครั้ง เพื่อที่จะเป็นแชมพ์ของสนามที่เมกซิโก โดยขึ้นเป็นวินเนอร์ในสเตจแรกของเลกที่ 2 นี้ บนเส้นทางจาก เอล ซาอูโก ไปยัง เมซา (MESA) ระยะทาง 25.45 กม. ผู้นำยังคงเป็น โซลเบร์ก อยู่ ในขณะที่ โกรนโฮล์ม ตามมาเป็นที่ 2 ด้วยการทำเวลาได้เร็วที่สุด อันดับที่ 3 เป็นรถ ซีตรอง ของ โลบ์ สามารถทำเวลาได้เร็วกว่า ซูบารุ ของ โซลเบร์ก ถึง 2.4 วินาที และเปอโฌต์ ของ โกรนโฮล์ม ก็ทำเวลาช้ากว่าอันดับ 2 ถึง 0.7 วินาที แม้ว่าเมื่อวานนี้ โลบ์ จะมีปัญหากับเรื่องของแดมเพอร์ แต่วันนี้ โลบ์ สามารถขับได้ดีจนไล่บี้ โซลเบร์ก มาอย่างติดๆ
เอสเอส10 โซลเบร์ก กลับมาเร็วสุดอีกครั้ง เขาสร้างปรากฏการณ์ให้กับสนามเมกซิโก เมื่อเขาสามารถชนะในสเตจที่ 4 ของวันนี้ ในขณะที่ โลบ์ กลับทำเวลาเร็วสุดได้แค่อันดับ 2 เท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ โกรนโฮล์ม ทีม เปอโฌต์
ซูบารุ ของ โซลเบร์ก เร็วกว่า โลบ์ เพียงครึ่งวินาทีเท่านั้น แต่ดีกว่า โกรนโฮล์ม ที่ทำเวลามาเป็นที่ 2 โอเวอร์ออลล์ถึง 7.6 วินาที สเตจนี้ โลบ์ ตกลงไปเป็นที่ 8 แต่ก็ยังนำ สโกดา ของ อาร์มิน ชวาร์ซ (ARMIN SCHWARZ)
เอสเอส 11 โซลเบร์ก ยังคงรักษาอันดับได้ดีอยู่ แม้ว่าจะได้รับความกดดันอย่างหนักจาก โกรนโฮล์ม ที่ควบ เปอโฌต์ 307 ดับเบิลยูอาร์ซี ขับตามมาติดๆ แต่ โซลเบร์ก ยังคงทำความเร็วปกป้องตำแหน่งของตัวเองได้ดีอยู่ โดยที่ โกรนโฮล์ม ทำเวลาทิ้งห่างจาก โซลเบร์ก เพียงแค่ 25.7 วินาทีเท่านั้น จากสเตจนี้จะเหลืออีกเพียง 3 สเตจ ก็สิ้นสุดการแข่งขันแล้ว
เอสเอส 12 สเตจนี้เป็นของ โลบ์ แต่กลับเป็นวันของ โซลเบร์ก ความพยายามที่จะก้าวขึ้นเป็นแชมเพียนในสนามเมกซิโกแห่งนี้ให้ได้ ก็เข้าใกล้ความเป็นจริงสำหรับสเตจสุดท้ายนี้ ในเลกที่ 2 เมื่อ โลบ์ สามารถไต่อันดับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 6 ได้ และเมื่อรวมคะแนนหลังสิ้นสุดการแข่งขัน
ในวันรุ่งขึ้นเขาจะได้เป็นที่ 4 ส่วน โซลเบร์ก ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำขับแบบม้วนเดียวจบ และทำเวลาได้ดีเป็นอันดับที่ 2
โลบ์ สามารถทำเวลาได้เร็วกว่า โซลเบร์ก ถึง 8.5 วินาที บนเส้นทางจาก เดร์เรเมเดโร (DERREMEDERO) ไปยัง ชีชีเมกูอิลญาส (CHICHIMEQUILLAS) ระยะทาง 23.56 กม.
เอสเอส 14 แชมพ์เป็นของ โซลเบร์ก แม้ว่า โลบ์ จะพยายามควบรถ ซีตรอง ทำเวลาให้ดีที่สุดแต่เขาก็ทำได้แค่เพียงขยับจากอันดับที่ 6 มาเป็นอันดับที่ 4 ชัยชนะของ เมกซิโก แรลลี สนามนี้ตกเป็นของ โซลเบร์ก
หลังสิ้นสุดการแข่งขัน อันดับ 1 เป็นของ เพทเทร์ โซลเบร์ก แห่งทีม ซูบารุ ตามติดมาด้วย มาร์คโค มาร์ทิน ทีม เปอโฌต์ และโทนี การ์เดไมสเตอร์ ทีม ฟอร์ด ส่วน เซบัสเตียง โลบ์ ทีม ซีตรองพยายามเต็มที่แต่ทำได้แค่อันดับ 4 เท่านั้น ส่วนอันดับที่ 5 เป็นของ มาร์คุส โกรนโฮล์ม ทีม เปอโฌต์
[table]
สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนาม 1-3 ประเภทผู้ขับ
อันดับ ,ผู้ขับ ,คะแนนรวม
ชนะเลิศ ,เพทเทร์ โซลเบร์ก ,26
รองอันดับ 1 ,เซบัสเตียง โลบ์ ,25
รองอันดับ 2 ,มาร์คโค มาร์ทิน ,23
สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนาม 1-3 ประเภททีมผู้ผลิต,,
อันดับ ,ทีม ,คะแนนรวม
ชนะเลิศ ,เปอโฌต์ ,43
รองอันดับ 1, ซีตรอง ,31
รองอันดับ 2, ซูบารุ ,28
[/table]
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56979