X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
โลกใต้ทะเล
1 Mar 2005
"คอมมานโด" ฟื้นฟูปะการัง
คลื่นยักษ์ใต้น้ำ "สึนามิ" (TSUNAMI) นอกจากจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตมนุษย์นับหมื่นตามชายฝั่งทะเลแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตสัตว์ใต้น้ำ ปะการัง ที่อยู่ใกล้ชายฝั่ง และเกาะแก่งต่างๆ พวกเราซึ่งเป็นนักดำน้ำจากกรุงเทพ ฯ และภูเก็ต ได้ร่วมมือร่วมใจกันจัดทีมลงไปสำรวจความเสียหายของแนวปะการังต่างๆ ของหมู่เกาะสิมิลัน คลื่นยักษ์ใต้น้ำซัดผ่านก่อนถึงชายฝั่งภูเก็ต และพังงา เนื่องจากหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ทางทิศตะวันตกที่ใกล้ฝั่งมากที่สุดของทะเลอันดามัน วันที่ 4-9 มกราคม 2548 นักดำน้ำมืออาชีพรวมตัวกันราว 80 คน ด้วยความสนับสนุนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้นั่งเครื่องบิน C-130 ที่กองทัพอากาศ เอื้อเฟื้อไปยังจังหวัดภูเก็ตเพื่อลงเรืออันดามัน พรินเซสส์ ออกไปสำรวจความเสียหายของแนวปะการังหมู่เกาะสิมิลัน โดยไทยออยล์ ได้สนับสนุนน้ำมันเรือให้ 30,000 ลิตร เพื่อการเดินทาง และค่าอาหารทั้งหมด สำหรับการเดินทางครั้งนี้ มีนักวิชาการด้านปะการังในทะเลอันดามัน และนักวิชาการจากกระบุรีมาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับการสำรวจแนวปะการังให้แก่พวกเราด้วย เป็นครั้งแรกที่เราสามารถรวบรวมนักดำน้ำมืออาชีพมาทำงานร่วมกันมากขนาดนี้ พวกเราแบ่งออกเป็น 11 ทีม แต่ละทีมมีนักดำน้ำ 6-7 คน มีกล้องวีดีโอใต้น้ำหนึ่งเครื่อง และกล้องดิจิทอลถ่ายภาพนิ่ง อย่างน้อยสองตัว ส่วนที่เหลือต้องนำกระดานเขียนใต้น้ำลงไปจดบันทึกสภาพความเสียหายของปะการัง ภาพนิ่งนั้น เมื่อถ่ายขึ้นมาแล้วจะถูกนำไปโหลดใส่คอมพิวเตอร์เก็บบันทึกภาพสถานที่ต่างๆ แต่ละทีมถูกแบ่งหน้าที่ตามทิศทั้งสี่ แต่ละทิศมี 3 ทีมสำรวจ ภาพวีดีโอจะส่งให้แก่นักวิชาการ นำไปศึกษาสภาพแนวปะการังต่อไป เมื่อขึ้นจากการสำรวจแต่ละครั้ง พวกเราในแต่ละทีมจะต้องเขียนรายงานว่า สถานที่ที่ลงไปสำรวจนั้นเป็นอย่างไรในหนึ่งวันเมื่อเสร็จภารกิจตอนค่ำ รายงานของแต่ละทีม ทางนักวิชาการจะร่วมประชุมพร้อมกัน ซักถามรายละเอียด พร้อมกับเปิดภาพนิ่งที่ถ่ายมาประกอบการสรุปผลของแต่ละวัน พวกเราลงสำรวจเป็นเวลา 4 วันเต็ม ซึ่งผลสรุปออกมาบางแห่งได้รับผลกระทบมากบางแห่งกระทบน้อย บางแห่งไม่โดนผลกระทบจากคลื่นยักษ์ใต้น้ำเลย ส่วนใหญ่ผลเสียหายของปะการัง จะอยู่ในแนวระดับน้ำตื้นจากชายฝั่งจนถึงระดับความลึกสิบกว่าเมตร และมักจะเป็นด้านทิศตะวันออกแทนที่จะเป็นด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศทางที่มาของคลื่นยักษ์ใต้น้ำ เมื่อผลสำรวจออกมา งานต่อไปของเราคือ การกู้ปะการังให้ฟื้นคืนชีวิต ด้วยการพลิกปะการังที่หักคว่ำอยู่ เช่น ปะการังโต๊ะ และปะการังโขด ให้หงายขึ้นมา ส่วนพวกปะการังเขากวางที่หักกระจัดกระจายตามพื้นทรายใต้น้ำให้นำมารวมกันเป็นกอง เพื่อเป็นที่อยู่ของปลาตัวเล็กๆ ต่อไป และในวันที่ 14-17 มกราคม 2548 ผมกับนักดำน้ำมืออาชีพในกรุงเทพ ฯ และภูเก็ต จำนวน 36 คน รวมทั้งนักวิชาการด้านชีววิทยาของปะการัง และนักวิชาการของอุทยานแห่งชาติรวม 6 คน ได้กู้ปะการังให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา แต่ครั้งนี้พวกเราใช้เรือ LIVE-ABOARD สองลำ แต่ละลำสามารถบรรจุนักดำน้ำได้ประมาณ 22 คน พร้อมห้องนอน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท บุญรอด จำกัด ในด้านค่าน้ำมันเรือ และอาหาร นอกจากกู้ปะการังแล้ว พวกเรายังเก็บขยะที่ถูกคลื่นยักษ์พัดลงมา มีทั้งเทนท์ ต้นมะพร้าว ต้นไม้ที่ถูกถอนรากถอนโคนจมอยู่ใต้น้ำที่อ่าวเกือกม้าของเกาะแปดสิมิลัน พวกเราสังเกตว่า ต้นกัลปังหาที่อยู่น้ำลึกยี่สิบกว่าเมตรลงไปจนถึงระดับสี่สิบเมตรนั้น ได้ล้มคว่ำนอนอยู่กับพื้นทรายใต้น้ำเป็นจำนวนมาก ในบริเวณเกาะแปดและเกาะเก้าของสิมิลัน เนื่องจากพวกเรามีเวลาน้อย จึงคิดว่าจะกลับมาอีก วันที่ 19-24 มกราคม 2548 ผมกลับไปพร้อมกับนักดำน้ำทั่วไปที่มิได้เจาะจงเฉพาะนักดำน้ำมืออาชีพรวมทั้งหมด 136 คน มาร่วมกันทำงานโดยใช้เรืออันดามัน พรินเซสส์ อีกครั้ง ครั้งนี้ผมกับนักดำน้ำมืออาชีพประมาณ 20 คน ตั้งทีมทำงานน้ำลึกขึ้นมา ใช้ชื่อทีมว่า "คอมมานโด" เพื่อลงไปตั้งต้นกัลปังหา ที่ล้มอยู่บนพื้นทราย โดยใช้เส้นลวดเคลือบพลาสติคมัดกัลปังหาให้ติดกับเส้นเหล็ก แล้วตอกลงไปในพื้นทราย ความลึกที่พวกเราลงไปอยู่ที่ระดับสามสิบกว่าเมตรเกือบทั้งหมดซึ่งเป็นงานที่ยาก และมีเวลาอยู่ใต้น้ำในระดับนี้น้อยมาก จึงต้องดำหลายครั้งกว่าจะเสร็จ นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเรา ในการสำรวจและฟื้นฟูปะการัง เพราะทั้งสามครั้งเราได้รวบรวมนักดำน้ำเกือบ 300 คน และจากผลสรุปของการสำรวจครั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรได้ประกาศเปิดอุทยานแห่งชาติสิมิลันอีกครั้ง หลังจากปิดมาเป็นเวลากว่าสามอาทิตย์ เราหวังว่า ที่นี่จะมีปะการังงดงาม เป็นมรดกให้ลูกหลานได้ชื่นชมตลอดไป
อ่านต่อ
เรื่องโดย : ศรันต์ กิตติวัณณะกุล
ภาพโดย : ศรันต์ กิตติวัณณะกุล
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : โลกใต้ทะเล
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/56874
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
โลกใต้ทะเล
โลกใต้ทะเล
1 May 2008
สิมิลัน วันโลกร้อน
โลกใต้ทะเล
1 Apr 2008
ดูม้าน้ำที่พัทยา
โลกใต้ทะเล
1 Mar 2008
ดำน้ำชม "ปะการังอ่อน" ม้วนเดียวจบ
โลกใต้ทะเล
1 Jan 2008
ไปดำน้ำที่ ชิโมดะ
โลกใต้ทะเล
1 Sep 2007
เรื่องน่ายินดีใน โครงการเยาวชนสัมผัสชีวิตใต้ท้องทะเลไทย รุ่นที่ 5
ดูต่อในคอลัมน์ โลกใต้ทะเล