พิเศษ(4wheels)
สุกานดา ปภัสร์พงษ์
ปัจจุบันรถขับเคลื่อนสี่ล้อได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ผู้ใช้รถประเภทนี้จำนวนไม่น้อยยังไม่เข้าใจทักษะการใช้รถที่ถูกวิธี ดังนั้นโรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อนสี่ล้อ (SPIRIT OF THE 4x4 DRIVING SCHOOL) จึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อให้รู้ถึงประโยชน์ในการใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้ออย่างแท้จริง
4 WHEELS สัมภาษณ์พิเศษ ถึงแนวคิด และการทำงานของ สุกานดา ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการกองสื่อสารองค์กร บริษัท สื่อสากล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดูแลโรงเรียนพัฒนาทักษะการขับขี่รถขับเคลื่อนสี่ล้อ (SPIRIT OF THE 4x4 DRIVING SCHOOL)
4 WHEELS : เริ่มต้นการทำงาน ?
สุกานดา : จบมาก็เป็นนักข่าว ในกองบก. "ฟอร์มูลา" ด้วยความที่ไม่ได้จบนิเทศ ฯ มาโดยตรง ก็ต้องเริ่มจากการตามนักข่าวรุ่นพี่คนอื่น ตอนนั้นต้องถ่ายรูปเอง จับกล้องยังไม่ค่อยถูกเลย แต่ก็มีเพื่อนในวงการให้ความช่วยเหลือจึงสนุกมาก ได้รู้จักกับบริษัทรถยนต์ จนกระทั่งปี 2542 รถขับเคลื่อนสี่ล้อเริ่มขายได้มากขึ้น คุณขวัญชัย (ปภัสร์พงษ์) เลยอยากให้คนมองรถประเภทนี้ในแง่ดีไม่ใช่แค่รถเพื่อการลุยป่า ที่จริงแล้วรถประเภทนี้เป็นรถที่ดี ถ้าเราใช้ถูกต้อง เผอิญ คุณขวัญชัย พี่ป้อม (วีระพล ศิริทวี) เจ้าของไร่พาร์คแอนด์แรนช์ จ. ราชบุรี และกรมป่าไม้ มีโอกาสมานั่งคุยกันว่าทำเป็นโรงเรียนดีไหม ทั้ง บก. หนังสือ 4x4 MAGAZINE จากญี่ปุ่น ก็ให้แนวคิดว่าที่ญี่ปุ่นเขาทำแบบนี้ ทางคุณขวัญชัยเลยได้ไอเดียตกลงกันว่าจะเปิดโรงเรียนที่ไร่ แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงจรนี้ ก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องไปทำสปิริท
ตอนนั้น คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ เป็นคนรับผิดชอบเรื่องเรียนที่นี่ เราก็ดูเขาทำมาเรื่อย จนวันหนึ่ง คุณชลัทชัย มีงานอื่นต้องรับผิดชอบ เขาก็หาว่าจะให้ใครมาทำ ไม่รู้เป็นเพราะชะตากำหนดหรือเปล่าเพราะตัวเราเองก็เคยคิดว่าอยากจะเป็นครู แต่จบมาก็ทำที่สื่อสากลเลย มันไม่ได้เป็นครู
พอมาเริ่มทำสปิริท ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดเรื่องครู คิดแค่ว่าเมื่อได้รับมอบหมาย เราก็ทำดีที่สุดด้วยความรัก เพราะเราทำมาตั้งแต่ต้น เป็นคนติดต่อลูกค้าเอง โทรศัพท์เอง แต่ละรุ่นที่มาที่ไร่ เราต้องรู้จักทั้งหมด ต้องรู้ชื่อนักเรียนทุกคน ถ้ามากับครอบครัว ต้องรู้ว่ามีใครบ้างชื่ออะไร เราทำมาตลอด เราเลยรู้สึกว่าผูกพันกับเขา จบแล้วบางทีก็ยังติดต่อกัน แต่ก็ทำสปิริทมาด้วยความรู้สึกว่ามันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ไม่ใช่แค่การค้า พอเราได้ดูมันค่อยๆ เติบโตขึ้น
4 WHEELS : ความเป็นผู้หญิงมีปัญหากับการทำงานบ้างหรือเปล่า ?
สุกานดา : ในส่วนของกิจกรรมพิเศษเองก็เคยท้อแท้ ด้วยความที่เป็นผู้หญิง พี่ไม่เคยคิดอยากจะแกร่งเหมือนผู้ชาย พี่ทำงานในลักษณะที่พี่เป็น บางครั้งเราก็อ่อนแอนะ แต่ก็ไม่ใช่ขนาดทำให้งานเสียจุกจิกจู้จี้มากก็ไม่ได้ เพราะผู้ชายต้องการตกลงแล้วปฏิบัติเลย ถ้าไม่เห็นด้วยก็เถียงให้จบตั้งแต่แรกแต่ผู้หญิงก็จะกังวลโน่นกังวลนี่ เราก็ต้องพยายามปล่อย พูดแล้วเหมือนง่ายแต่ที่จริงทำยากนะ เราให้งานเขาแล้วก็ต้องไว้ใจเขา ไม่อยากให้มองว่าผู้หญิงจะนำผู้ชาย แต่อยากให้ก้าวไปด้วยกันพี่ชอบอย่างนั้น เวลาเรียกทีมงานมาประชุม บรรยากาศเหมือนจะออกรบ เรียกเจ้ายุทธจักรมาคุยกันทีมเวิร์คต้องสำคัญที่สุด ต้องปรับตัวให้ได้ ทำงานกับผู้ชายบางทีก็สนุกดี ได้เรียนรู้ เพราะเขาคิดไม่เหมือนเรา ฟังเขาแล้วเขาก็จะถามว่าตรงนี้ดีไหม เราก็จะรู้ว่าตรงนี้เราขาด เราก็ก้าวถอยไปก้าวหนึ่ง ขณะเดียวกันเขาก็ต้องก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งเหมือนกัน
การทำงานเป็นกลุ่มใหญ่มันเหมือนจับปูใส่กระด้งนะ ดูเหมือนง่าย แต่คนต่างจิตต่างใจมาอยู่ที่เดียวกันเพื่อทำงานเดียวกันให้สัมฤทธิ์ผล ยากมาก แต่ลูกค้าต้องการอะไรเขาจะบอกเรา พอเราทำได้เราก็ดีใจ บางทีเราคิดว่าไม่มีปัญหา แต่หน้างานเราเจอ ต้องมาแก้กันตอนนั้น ถึงจะเตรียมดีถ้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ก็จบ แต่ถ้าทุกคนช่วยกันก็จะทำให้งานสำเร็จโดยราบรื่น
4 WHEELS : เท่าที่ทำมางานไหนที่ประทับใจ ?
สุกานดา : ตอนที่ทำโรงเรียนสปิริท เราเคยให้กรมป่าไม้ ส่งเจ้าหน้าที่จากอุทยาน ฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ต่างๆ มาอบรมกับเรา เพราะคนเหล่านี้เขาอยู่ในพื้นที่ต้องรู้เรื่องการใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อที่ถูกต้อง พอดีตอนนั้น สมัยท่านอธิบดี ปลอดประสบ มีโครงการปล่อยเป็ดก่าคืนสู่ธรรมชาติ เขาบอกว่าโครงการนี้น่าสนใจ กรมป่าไม้เชิญสื่อสากลให้ไปร่วมด้วยโดยมีนักเรียนสปิริท ขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อเข้าเขต ฯ ห้วยขาแข้ง ช่วงนั้นมีกระแสต่อต้านไม่ให้กลุ่มผู้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเข้าไปเขาคิดว่าเราคือกลุ่มที่เอางานมาอ้างแล้วจะขับรถเข้าไปลุย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนไร้ประโยชน์ แต่เราก็พยายามชี้แจงแล้ว ในที่สุดเขาก็ยอมให้เราไป พอเข้าไปเราก็ทำภารกิจให้สำเร็จ ท่านปองพล ก็มา เป็ดก่าจะถูกใส่ตะกร้าใบละตัว ครอบครัวหนึ่งได้หนึ่งตัว ที่ขาก็จะมีติดโคดของเขาไว้ว่าเพศอะไร เมื่อปล่อยแล้วเห็นเขาบินอย่างอิสระสู่ฟ้า เราก็ชื่นใจ กิจกรรมนี้จึงถือว่าประทับใจมาก ซึ่งต่อมาเราก็ได้พยายามติดตามข่าวจากกรมป่าไม้ ก็เห็นว่าเขามีลูกนะ ถึงจะไม่เยอะมาก แต่ก็ถือว่าสำเร็จ จากเหตุการณ์วันนั้นรู้สึกเหมือนรถประเภทนี้เป็นผู้ร้ายในสายตาคนบางกลุ่ม ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยภาพเราก็เป็นดำ รร. สปิริทอย่างน้อยก็มีส่วนทำให้ภาพดำ กลายเป็นสีเทา และหวังว่าวันหนึ่งภาพนั้นจะเป็นขาว
4 WHEELS : รู้สึกอย่างไรที่ต้องรับผิดชอบเหล่านี้ ?
สุกานดา : บางครั้งเคยคิดว่าจะไม่ทำแล้ว ทำไมฉันต้องไปทำงานเสาร์-อาทิตย์ ต้องไปต่างจังหวัดทำเส้นทาง ในขณะที่คนอื่นเขาอยู่กรุงเทพ ฯ ได้พักผ่อนไปเที่ยวไปชอพพิง แต่มันก็จะเป็นอยู่แค่ระยะหนึ่ง แล้วเราคิดได้ว่าจะคิดอยู่อย่างนั้นไม่ได้ มันต้องมีความสุขกับสิ่งที่เราทำให้ได้ เราไปที่ไร่ ถึงแม้จะไม่มีที่ชอพพิง แต่ก็ได้อยู่กับธรรมชาติ พอไปสัมผัส เราก็รู้ว่าที่นั่นสวย อากาศดี เราก็พักผ่อนกับตรงนั้นแทน เจอนักเรียนก็เหมือนกับเจอเพื่อนๆ ในกรุงเทพ ฯ เหมือนครอบครัวของเรา ในส่วนลึกสปิริทเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจ
4 WHEELS : คิดว่า โรงเรียนสปิริท ประสบความสำเร็จหรือยัง ?
สุกานดา : โครงการนี้ถือว่าเป็นกระบวนการที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะยังไม่ถึงความสมบูรณ์ที่สุด แต่ก็ดีใจว่าเราได้เป็นตัวจักรกลตัวหนึ่งที่ทำให้เขาได้เติบโตขึ้น และจะดูแลต่อไปเรื่อยๆ เผื่อว่าสักวันเมื่อเราอายุมากแล้ว จะหันกลับมามองอย่างภาคภูมิใจ
เรื่องโดย : ถาวร พรมพิทักษ์
ภาพโดย : ราชวัตร แสงจันทรา
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56871