X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
โลกใต้ทะเล
1 Nov 2004
ดำน้ำวันละ 3 เวลา
สิปาดัน (SIPADAN) เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียวซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสองประเทศ คือ ตอนเหนือของเกาะเป็นของมาเลเซีย ตั้งชื่อว่า รัฐซาบาและตอนล่างเป็นของอินโดนีเซีย สิปาดัน เป็นอุทยานทางทะเลของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีเกาะใกล้ๆ อยู่สองสามเกาะชื่อว่า มาบูล (MABUL) และ คาปาไล (KAPALAI) สองเกาะหลังนี้มีรีสอร์ทสำหรับนักดำน้ำตั้งอยู่ ส่วนเกาะสิปาดันนั้นความจริงมีรีสอร์ทสำหรับดำน้ำอยู่แห่งหนึ่ง แต่ตั้งแต่ต้นปีหน้าทางรัฐบาลไม่อนุญาตให้ตั้งอยู่อีกต่อไป เนื่องจากทำให้เต่าทะเล ซึ่งเคยมีอยู่มากมายในอุทยานนี้หายไปมาก แต่ก็อนุญาตให้เรือดำน้ำเข้าไปได้ การเดินทางไปสิปาดัน ค่อนข้างสมบุกสมบันมาก โดยเฉพาะเมื่อประมาณสองปีก่อนนี้ จะต้องเดินทางด้วยเครื่องบินถึงสามต่อด้วยกัน คือ จากกรุงเทพ ฯ ไปต่อเครื่องบินที่กัวลาลัมเปอร์ เพื่อบินไปค้างคืนที่เมือง โคตา คินาบาลู (KOTA KINABALU) ซึ่งมีภูเขาสูงที่สุดของเกาะบอร์เนียว และในป่ามีลิงอุรังอุตังซึ่งเป็นสัตว์สงวนจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องบินต่อไปยังเมือง ตาเวา (TAWAU) จากนั้นจะต้องเดินทางด้วยรถยนต์เป็นระยะเวลาถึงสองชั่วโมงจนถึงเมืองท่า เซมปอร์นา (SEMPORNA) แล้วเดินทางต่อด้วยเรือเร็วอีกประมาณ 20-30 นาที จึงจะถึงเกาะมาบูล ส่วนเกาะสิปาดัน อยู่ห่างออกไปจากเกาะมาบูล ด้วยเรือเร็วประมาณ 15 นาที แต่ในปีนี้มีสายเครื่องบินจากกรุงเทพ ฯ จนถึงเมืองตาเวาเลย แต่อย่างไรก็ต้องค้างที่เมืองตาเวาหนึ่งคืน เพราะเวลาเย็นเดินทางด้วยรถยนต์ไม่สะดวก การดำน้ำที่สิปาดัน เป็นการดำน้ำแบบจริงๆ คือ ดำกันวันละถึงสามครั้ง ไม่นับดำน้ำตอนกลางคืนตอนเช้าพวกเราจะตื่นขึ้นมาทานขนมปังกับกาแฟกันแล้วออกไปดำน้ำหนึ่งครั้ง พอกลับมาก็ทานอาหารเช้าแล้วพักผ่อนตามสบาย จนสายๆ ออกไปดำน้ำครั้งที่สองกลับมาตอนบ่าย แล้วทานอาหารกลางวัน เสร็จแล้วก็พักผ่อนจนกระทั่งเกือบบ่ายสามบ่ายสี่ค่อยออกไปดำน้ำครั้งที่สามกัน เรียกว่าดำน้ำแล้วก็กินทั้งวัน ถ้าใครจะออกไปดำน้ำตอนกลางคืนก็ทานอาหารเย็นค่ำหน่อย และการทานอาหารที่นี่จะเป็นแบบบุฟเฟท์ ตลอดทั้งสามมื้อ ผมมาดำน้ำที่นี่หลายหนแล้ว สัตว์ทะเลในอุทยานแห่งนี้ ส่วนมากเป็นสัตว์ที่มีขนาดกลาง เช่นถ้าเราต้องการจะไปดูฉลามหัวฆ้อน เราจะต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปถึงสถานที่ดำน้ำประมาณก่อนเช้าตรู่ ซึ่งน้ำยังเย็นอยู่ และจะต้องลงไปที่ความลึกประมาณสามสิบเมตรตรงที่มีกระแสน้ำค่อนข้างแรง จึงจะเห็นปลาฉลามหัวฆ้อนขึ้นมาจากความลึก หลังจากนั้นพวกเราก็จะขึ้นมาที่ระดับความลึกสิบกว่าเมตร แถวกองปะการัง เพื่อเฝ้าดูปลานกแก้วหัวโหนก ซึ่งจะมาหากินตอนเช้าตรู่เป็นฝูงๆ หลายสิบตัว พวกมันจะค่อยๆ เคลื่อนไปตามกองปะการังคล้ายกับฝูงวัวป่าขนหนา หรือวัวไบซัน (BISON) ที่ออกหากินอย่างเชื่องช้า และตามรูปภาพ จะเห็นหัวโหนกของปลานั้นจะเป็นรอย นั่นก็คือเวลาที่พวกมันจะกินปะการัง มันจะต้องเอาหัวโหนก ไปกระแทกกับปะการังจนแตกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยแทะกิน ส่วนการดำน้ำครั้งที่สองของวัน พวกเราจะไปดูฝูงปลาสาก ใหญ่ขนาดตัวประมาณกว่าครึ่งเมตรพวกมันจะว่ายน้ำรวมกันเป็นฝูงหลายร้อยตัว และว่ายวนเป็นวงกลมคล้ายกับพายุหมุนงวงช้าง ซึ่งเราเรียกว่า เฮอร์ริเคน (HURRICANE) รอบนอกกองหิน ซึ่งถ้าอยากจะถ่ายรูปก็จะต้องว่ายออกไปหาและเข้าไปอยู่ในตรงกลางของพายุวนนั้น ถ้าเป็นนักดำน้ำใหม่ๆ ก็จะไม่ค่อยกล้าที่จะทำเช่นนั้นเนื่องจากเขี้ยวของปลาสากนี้แหลมคมมาก และบางครั้งในการว่ายเป็นพายุวนนี้ก็มีปลาทราเวิล แจค (TRAVEL JACK) รวมฝูงอยู่ด้วยก็ยิ่งทำให้เป็นกลุ่มใหญ่มาก เห็นทะมึนเป็นรูปพายุวนมาแต่ไกลคล้ายพายุจริงๆ เป็นภาพที่น่าตื่นตามากทีเดียว ในการดำน้ำครั้งที่สามของวันนั้น พวกเราจะดำที่ระดับตื้นไม่เกินสิบห้าเมตร เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายตามกฎของการดำน้ำ คือ ดำครั้งแรกลึกที่สุด และครั้งต่อไปของวันนั้นจะตื้นขึ้นมาตามลำดับดังนั้นพวกเราก็มักจะดำกันใกล้ๆ กับเกาะซึ่งจะมีพวกปลาไหลมอร์เล ปลาไหลริบบอน และพวกทากเปลือยสีสวยๆ ต่างๆ และในบางจุดของการดำน้ำเราก็อาจจะได้ดูม้าน้ำแคระ พอตกกลางคืนถ้าใครที่อยากจะดำน้ำ ก็จะออกไปตั้งแต่ตอนตะวันโพล้เพล้ จะมีปลาอยู่ชนิดหนึ่งเรียกว่า แมนดาริน (MANDARIN FISH) ตัวเล็กขนาดหนึ่งนิ้วเศษ มีสีสันเป็นลายเหมือนลายที่วาดบนใบหน้าของตัวงิ้ว อาศัยอยู่ตามกองปะการังหักๆ ที่ระดับความลึกประมาณห้าเมตร เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ มันจะออกมาจากรังเพื่อจับคู่กัน ผู้ที่ไปเฝ้าดูมันจับคู่กันนั้น ห้ามใช้แสงสว่างหรือไฟฉายเพราะถ้ามีแสงสว่างมันก็จะไม่ออกมา ดังนั้นพวกเราก็ต้องเฝ้าดูกันในตอนตะวันเพิ่งตกจนกระทั่งไม่สามารถที่จะมองเห็นอีกแล้วจึงออกไปสู่ระดับน้ำที่ลึกกว่านั้น เพื่อไปดูสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน เช่น พวกปลาหมึก, กุ้งมังกร, ปู และหอย
อ่านต่อ
เรื่องโดย : ศรันต์ กิตติวัณณะกุล
ภาพโดย : ลดาวัลย์ สุพรรณธะธิดา
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : โลกใต้ทะเล
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/56726
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
โลกใต้ทะเล
โลกใต้ทะเล
1 May 2008
สิมิลัน วันโลกร้อน
โลกใต้ทะเล
1 Apr 2008
ดูม้าน้ำที่พัทยา
โลกใต้ทะเล
1 Mar 2008
ดำน้ำชม "ปะการังอ่อน" ม้วนเดียวจบ
โลกใต้ทะเล
1 Jan 2008
ไปดำน้ำที่ ชิโมดะ
โลกใต้ทะเล
1 Sep 2007
เรื่องน่ายินดีใน โครงการเยาวชนสัมผัสชีวิตใต้ท้องทะเลไทย รุ่นที่ 5
ดูต่อในคอลัมน์ โลกใต้ทะเล