นานารถแนวคิด
จีเอมซี เอนวอย
จีเอมซี เอนวอย (GMC ENVOY) เป็นรถเอสยูวีรุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จไม่น้อยของค่ายจีเอม แนะนำตัวครั้งแรกในปี 2002 จนถึงปี 2004 มีการเปิดตัว เอนวอย เอกซ์ยูวี ซึ่งมีการตอบรับเป็นอย่างดี แต่เพื่อความมั่นใจ ทาง จีเอม ได้มีโครงการสำหรับปี 2005 โดยเปิดตัว เอนวอย เดนาลิ และเอกซ์แอล เดนาลิ (ENVOY DENALI, ENVOY XL DENALI)
เดนาลิ หมายถึง สไตล์ ความสะดวกสบาย และสมรรถนะ ซึ่งรถทั้งสองรุ่น จัดว่าเป็นเอสยูวีระดับกลาง ที่สามารถมอบในสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังว่าจะได้รับ
ตัวถังใหม่ของ เอนวอย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขอบโครเมียม กับชิ้นหน้าที่เป็นชิ้นเดียวกับกันชนและใต้นั้นคือช่องรับลมขนาดใหญ่ที่ขนาบข้างด้วยไฟตัดหมอกทรงกลม ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ชายล่างเป็นชุดสปอยเลอร์ ที่รวมกันเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถ เพื่อทำหน้าที่ป้อนลมเข้าสู่เครื่องยนต์ วอร์เทค ขนาด 5.3 ลิตร
ด้านหลังของทั้งสองรุ่น มีรูปทรงใกล้เคียงกับด้านหน้าที่ค่อนข้างราบเรียบ และรวมเป็นชิ้นเดียวกันมีขอลากด้านหลังอยู่ติดกับช่องระบายลม ชายล่างของตัวรถสร้างความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวรถต่ำกว่าความเป็นจริง บันไดหลังบนกันชนหลังเว้าหลบบานประตูหลังที่เปิดออกด้านข้าง
ด้านข้างตัวรถเป็นชายล่างสีเดียวกับตัวรถ ติดตั้งแผ่นกันโคลนและเศษหิน เป็นวัสดุสังเคราะห์สีเดียวกัน ตัวรถด้านข้างได้ติดตั้งแผ่นกันกระแทก กระจกมองข้าง พร้อมชุดไฟสัญญาณรวมอยู่ในกระจก ส่วนที่เร้าใจที่สุด คงไม่พ้นล้ออัลลอยเตะตาขนาด 17 นิ้ว
ภายในของ เอนวอย หรูหราขึ้น ด้วยการบุหนังแท้ให้กับเบาะนั่ง พวงมาลัย และคอนโซลกลางส่วนรางเกียร์เป็นโลหะนิคเกิล ตกแต่งด้วยลายไม้ เบาะนั่งทั้งแถวหน้าและหลังหุ้มหนังแท้ ด้วยการเย็บแบบฝรั่งเศส ที่ทำการเย็บถึงสองแถว ทำให้เบาะนั่งเข้ารูป มีความประณีต และคงทน แถมยังสามารถปรับได้ถึง 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า
นอกจากลายไม้ และหนังแท้แล้ว ยังใช้ ซาทิน-นิคเกล ในการประดับส่วนต่างๆ ภายในตัวรถไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกจวัด คันเกียร์ ช่องอากาศ และอีกหลายๆ จุด แม้แต่ชุดพวงมาลัยก็เน้นการออกแบบให้มีความประณีต และหรูหรา ด้วยรูปทรงสี่ก้านเย็บอย่างประณีตด้วยด้ายสองแถว ในตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา และในตำแหน่ง 6 และ 12 นาฬิกา จะประดับด้วยลายไม้ ในส่วนแบ่งระหว่างหนังและไม้ จะถูกสอดแทรกไว้ด้วยวงแหวนโครเมียม และบริเวณแป้นกดแตร จะมีแผ่นป้าย DENALI ประดับอยู่อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงรบกวนมากขึ้นถึง 20 ชนิด เพื่อให้ภายในห้องโดยสารเงียบที่สุด ด้วยการติดตั้งกระจกหน้าสองชั้นแทรกด้วยลามิเนท ทำให้ระดับเสียงในห้องโดยสารลดลง 13 % ส่วนกระจกประตูข้างทั้งสองบานเป็นบานกระจกชั้นเดียว ใต้แผงหน้าปัดติดตั้งแผ่นไฟเบอร์สองชั้น สามารถลดความร้อนจากห้องเครื่อง และลดระดับเสียงลงได้ถึง 2 เดซิเบล ชุดท่อพักท่อไอเสียที่ถูกปรับแต่งให้มีเสียงรบกวนน้อยที่สุด
เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่อง วอร์เทค วี 8 สูบ ความจุ 5,300 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 290 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 44.9 กก.-ม. จัดว่าเพียงพอสำหรับการลากทเรเลอร์ ที่มีน้ำหนักมากถึง 3,221 กก. ได้อย่างสบาย เครื่องยนต์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี DOD (DISPLACEMENT ON DEMAND) สามารถลดความสิ้นเปลืองได้ถึง 8 % ในสภาพโหลดน้ำหนักต่ำ ด้วยการลดการทำงานในบางกระบอกสูบลงไปสามารถใช้งานได้ขณะที่ไม่ต้องการเพิ่มความเร็ว อย่างเช่น การเดินทางบนไฮเวย์ แต่ถ้าต้องการเพิ่มความเร็ว หรือมีน้ำหนักมากขึ้น เครี่องยนต์ก็จะกลับมาทำงานครบทุกสูบเหมือนเดิม
สำหรับเครื่องยนต์อีกหนึ่งรุ่นคือ วอร์เทค 4,200 ความจุ 4.2 ลิตร 6 สูบเรียง 24 วาล์ว DOHC ให้กำลังสูงสุดถึง 275 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 38.0 กก.-ม.
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะนั่งสองแถวที่มีเนื้อที่กว้างขวาง ทั้งเฮดรูม และเลกรูม สำหรับเบาะนั่งแถวที่สาม สามารถรองรับผู้ใหญ่ที่มีความสูงปกติได้อย่างสบาย เมื่อพับเบาะแถวที่สองราบลงกับพื้นจะทำให้ได้เนื้อที่บรรทุกสัมภาระมากถึง 3,041 ลิตร
เพื่อให้เป็นเอสยูวีอันดับหนึ่ง เอนวอย ได้ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในระดับไฮเอนด์หลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นเพาเวอร์-สไลดิง เรียร์ รูฟ (POWER-SLIDING REAR ROOF) เพียงสัมผัสปุ่มควบคุม แผงหลังคาเหนือห้องบรรทุกสัมภาระจะเลื่อนเปิดออก ทำให้ เอนวอยเป็นเอสยูวีแบบแรกที่สามารถบรรทุกสัมภาระที่มีความสูงกว่าห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นกล่อง ตู้ หรือต้นไม้ ก็ขนได้ทั้งนั้น
แผงประตูกระบะสามารถกางลง หรือเปิดออกด้านข้างได้เพื่อใช้กันชนสำหรับการเหยียบขึ้นห้องเก็บสัมภาระ ที่แผงประตูยังมีกระจกควบคุมด้วยไฟฟ้า โดยเมื่อเลื่อนกระจกลงสุดจะสามารถกางแผงประตูกระบะลงเพื่อความสะดวกในการขนของขึ้น/ลง
ระบบความปลอดภัยมีให้อย่างครบถ้วน มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยสามจุดให้แก่ผู้โดยสารทั้งที่นั่งแถวหน้า และหลัง นอกจากนั้นสลักลอคของเข็มขัดนิรภัย จะเลื่อนตามเบาะทุกจังหวะของการปรับเลื่อน ใน เอนวอย บางรุ่นได้ติดตั้งระบบถุงลมนิรภัยสองจังหวะให้กับที่นั่งแถวหน้า โดยการทำงานของถุงลมจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการชนเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากการโดนถุงลมปะทะ หากไม่มีผู้โดยสารในแถวหน้า จะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ และเมื่อมีผู้โดยสารจะมีสัญญาณแสดงบนแผงอุปกรณ์ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าถุงลมนิรภัยอยู่ในสภาพพร้อมทำงาน
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : นานารถแนวคิด
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56700