วิถีตลาดรถยนต์
ยอดขายรถหด ลดภาษีเป็นเหตุ
รัฐบาลประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้กับรถยนต์ขนาดเล็กที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี และมีแรงม้าไม่เกิน 220 แรงม้า ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากนัก เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
มีผลทำให้รถยนต์ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด และเป็นรถที่อยู่ในความนิยมสูงสุดในหมู่ผู้ใช้อยู่ในขณะนี้ มีราคาลดลงจากราคาเดิมอีกถึงคันละประมาณ 40,000-400,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าเป็นรถยนต์ที่ผลิตหรือประกอบขึ้นภายในประเทศ หรือเป็นรถสำเร็จรูปที่นำเข้าจากต่างประเทศและรวมทั้งราคาซื้อขายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของค่าความนิยมในแบรนด์เนมต่างๆ ด้วย
รถยนต์ราคาถูกลงอย่างมากมายอย่างนี้ โดยธรรมชาติแล้วมันน่าจะเป็นเหตุจูงใจอย่างสำคัญในการที่จะให้มีการแห่ซื้อรถยนต์มาใช้กันอย่างขนานใหญ่ ยอดขายรถยนต์ที่กำลังพุ่งกระฉูดในแต่ละเดือน น่าที่จะต้องโลดลิ่วลอยฉิวขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
แต่การณ์กลับตาลปัตรอย่างคาดไม่ถึง เมื่อยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนกรกฎาคมแทนที่จะพุ่งกระฉูด กลับกลายเป็นว่าหดหายไปจากปกติ จนเสียรูปฟอร์มไปถนัดใจ
ยอดขายรถในเดือนกรกฎาคม เหลืออยู่เพียงแค่ 45,430 คัน
น้อยลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ น้อยกว่าที่เคยขายได้ในเดือนเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้วเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายในกลุ่มตลาดรถเก๋งวูบลงจากเดิมอย่างน่าตกใจ และค้านกับปัจจัยเกื้อหนุนที่เกิดขึ้นเสียด้วย ยังดีตรงที่ตลาดรถพิคอัพไม่พลอย "เปี๊ยนไป๋" เหมือนตลาดรถเก๋ง ยังพอจะประคับประคองไม่ให้ตัวเลขการขายโดยรวมเสียฟอร์มไปมากกว่านี้
สาเหตุที่ทำให้ตลาดรถยนต์ในเดือนกรกฎาคมมีอันเป็นในลักษณะการสวนกระแสเช่นนี้ ต้องโทษเรื่องของการลดอัตราภาษีสรรพสามิต ทำให้รถยนต์มีราคาถูกลงเป็นตัวต้นเหตุสถานเดียว
ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศลดอัตราภาษีครั้งนี้ มีกระเส็นกระสายให้ได้คอยลุ้นกันมาก่อนแล้วว่าราคารถยนต์จะถูกลง และเมื่อมีการประกาศลดภาษีออกมาเป็นทางการแล้วก็ได้เฮกันถ้วนหน้าเพราะราคาถูกลงไปจากเดิมอีกไม่ใช่น้อย
แต่ประกาศใช้อัตราภาษีใหม่กันแล้วบริษัทรถยนต์ทั้งหลายทั้งปวงก็ยังคงอำยึกยักไม่ยอมที่จะประกาศราคาใหม่ออกมาเสียที บางยี่ห้อถึงจะพูดถึงเรื่องราคาใหม่ ก็ดูจะอ้อมๆ แอ้มๆ ไม่ค่อยอยากจะบอกออกมาให้ชัดเสียเลยว่า
ราคาใหม่จะอยู่ที่ตรงไหนหรือพร้อมที่จะขายรถในราคาใหม่อย่างไร
ก็เพราะความไม่ชัดเจนอย่างนี้นี่เอง ทำให้นักเลงซื้อรถทั้งหลายใส่เบรคชะลอการซื้อรถกันจนตัวโก่ง
ยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนกรกฎาคมจึงหดตัวเหลือเพียงแค่ 45,430 คันอย่างที่ปรากฏ
ยอดขายที่เห็น ถอยหลังจากที่เคยขายในแต่ละเดือนก่อนหน้านี้ไปหลายพันคัน และก็ทำสถิติขายน้อยกว่าเดือนเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว 212 คัน คิดเป็นความแตกต่างอยู่ที่ ร้อยละ 0.5
ตลาดรถเก๋ง ซึ่งเป็นตลาดที่ผูกพันอยู่กับเรื่องภาษีใหม่โดยตรง มียอดจำหน่ายได้อยู่ที่แค่ 13,147 คัน ลดลงจากที่เคยขายได้ปีก่อนถึง 1,311 คัน น้อยลง ร้อยละ 9.1
เก๋งยอดนิยมของตลาดไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ โตโยตา หรือฮอนดา ถึงแม้จะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำทางการตลาดไว้ได้อยู่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่เหมือนเดิมตรงที่เกี่ยวก้อยกันขายได้ลดลงเหมือนๆ กัน
เก๋ง โตโยตา ขายน้อยลงมากที่สุด ตามมาด้วยเก๋ง ฮอนดา มิตซูบิชิ แล้วก็ นิสสัน
สำหรับเก๋งฝรั่งทั้งหลายจากที่เคยขายน้อยอยู่แล้ว ขายน้อยลงไปอีก
ตลาดรถพิคอัพ 4x2 เป็นตลาดที่ช่วยกู้พาราเอาไว้อย่างแข็งขันเหมือนเดิม ไม่เกี่ยวกับภาษีใหม่ราคาใหม่ เนื่องจากว่ารถในกลุ่มนี้ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านภาษี และก็ยังได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดีเซลยังคงเหมือนเดิม ไม่แพงขึ้นตามน้ำมันเบนซิน พิคอัพส่วนใหญ่ใช้ดีเซลกันอยู่แล้ว เลยเดินหน้าฉลุยไม่มีการสะดุด
ยอดขายรถพิคอัพเดือนนี้อยู่ที่ 24,524 คัน ขายเพิ่มมากขึ้นจากเดือนเดียวกันนี้เมื่อปีก่อนอีก 2,164 คัน ตลาดโตขึ้นอีก ร้อยละ 9.7
พิคอัพ อีซูซุ ยังแกร่งเกินกว่าที่จะถูกพิคอัพ โตโยตา แซะให้ตกจากบัลลังก์ผู้นำของตลาดในกลุ่มนี้
ตลาดรถพิคอัพ 4x4 ยังคงอ่อนเปลี้ยเหมือนเดิม แถมยังจะถูกเหล่อีกด้วยในฐานที่เป็นรถติดกลุ่มรถพิเศษ สิ้นเปลืองน้ำมัน ยอดขายเลยนับวันจะเตี้ยลง เดือนนี้มียอดขายได้ทั้งหมดเพียงแค่ 1,908 คัน ขายน้อยกว่าเดิมถึง 1,772 คัน ตลาดเล็กลง ร้อยละ 48.2
ในกลุ่มนี้ เดิมที โตโยตา เป็นฝ่ายนำมาโดยตลอด แต่ในเดือนนี้ พิคอัพ 4x4 ของ อีซูซุ กลับขึ้นมาเป็นฝ่ายนำเสียแล้ว
ตลาดรถเอสยูวี นี่ก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่เจอเข้ากับสภาพ 2 เด้ง ปกติก็ขายได้ไม่ค่อยจะเป็นเนื้อเป็นหนังอยู่แล้ว มาเจอมาตรการภาษีใหม่ทำให้ราคาแพงขึ้นไปอีก เลยชักจะเสียศูนย์ชัดเจนเข้าไปทุกที
ยอดขายเดือนนี้อยู่ที่ 1,641 คัน ขายน้อยลง 571 คัน ตลาดเล็กลง ร้อยละ 25.8
ตลาดรถเอมพีวี ยังคงแสดงท่าทีว่ามีอนาคตสดใสอยู่ ในอนาคตก็น่าจะสดใสได้ต่อไปอีกเรื่อยๆเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีใหม่กับเขา
เดือนนี้ยอดขายอยู่ที่ 1,595 คัน ขายมากขึ้น 1,004 คัน อัตราการเติบโตอยู่ที่ ร้อยละ 169.9
ช่วง 7 เดือนของปีนี้ ยอดขายรถยนต์รวมแล้วมีอยู่ทั้งหมด 344,128 คัน ยอดขายน่าจะขยับสูงขึ้นมากกว่านี้ ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องภาษีใหม่ราคาใหม่มาก่อกวนความสงบ
แต่จะชะลอตัวลงไปบ้างในเดือนกรกฎาคมเพราะเหตุดังกล่าว ก็เชื่อว่าในเดือนถัดไปจากนี้ยอดขายจะต้องเดินหน้าฉลุยอย่างแน่นอน
ราคาใหม่ของรถยอดนิยมมีความชัดเจนกันแล้ว ต่อไปนี้คงชอพกันเพลิน
ตลาดรถพิคอัพก็จะฉลุยหนักขึ้นไปอีก เมื่อ โตโยตา เปิดยุทธการนำพิคอัพตัวใหม่ "วีโก" ออกมาขย่มพิคอัพ อีซูซุ งานนี้ซดกันมันหยดอยู่แล้ว
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/56659